7,850 อปท. จับมือ กสศ. สร้าง “ตำบลแห่งโอกาส” ลุยค้นหาช่วยเหลือเด็กหลุดจากระบบ

7,850 อปท. จับมือ กสศ. สร้าง “ตำบลแห่งโอกาส” ลุยค้นหาช่วยเหลือเด็กหลุดจากระบบ

เมื่อวันที่ 22–23 กันยายน 2568 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: หุ้นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน Thailand Zero Dropout สู่ตำบลพื้นที่แห่งโอกาสที่ไม่ทิ้งเด็กและเยาวชนคนใดไว้ข้างหลัง” ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จากทั่วประเทศเข้าร่วมทั้งแบบ Onsite และ Online

พัฒนะพงษ์ สุขมะดัน

นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย Thailand Zero Dropout เพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาที่มีอยู่ราว 8.8 แสนคน หลังจากเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 หน่วยงาน 11 แห่ง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงดิจิทัลฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม กรุงเทพมหานคร สปสช. สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และ กสศ. ได้ร่วมลงนาม MOU แก้ไขปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา ให้ได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ตามศักยภาพ

ปี 2568 ถือเป็นครั้งแรกที่การดำเนินงานขยายจากพื้นที่นำร่อง 25 จังหวัด สู่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดย อปท. 7,850 แห่งจะเป็น “หัวใจ” และ “กลไกหลัก” ในการเปลี่ยนตำบลและอำเภอให้เป็น “พื้นที่แห่งโอกาส” ที่ไม่ทิ้งเด็กและเยาวชนไว้ข้างหลัง

สุรพล เจริญภูมิ

นายสุรพล เจริญภูมิ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า สถ. ทำงานร่วมกับ กสศ. มาอย่างต่อเนื่อง และการที่นโยบาย Thailand Zero Dropout ขยายครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ถือเป็นหมุดหมายที่รอคอย เพราะ อปท. เป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับประชาชนและปัญหามากที่สุด

“การค้นหาและช่วยเหลือเด็กนอกระบบจะเกิดขึ้นจริง หาก อปท. ในฐานะเจ้าภาพหลักลุกขึ้นมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง และจับมือกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่อย่างแนบแน่น” นายสุรพลกล่าว พร้อมย้ำว่า อปท. สามารถใช้ระเบียบและทรัพยากรที่มี เช่น งบช่วยเหลือประชาชน และทุนการศึกษา มาเป็นเครื่องมือสำคัญในการบำบัดทุกข์บำรุงสุข และแก้ปัญหาเด็กนอกระบบได้อย่างเป็นรูปธรรม

ศ.วุฒิสาร ตันไชย

ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย รองประธานคณะอนุกรรมการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนาเยาวชนและแรงงานนอกระบบและประธานคณะทำงานการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ กล่าวในการประชุมว่า การศึกษาที่มีคุณภาพคือ “คานงัด” สำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งระดับครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ โดยมี อปท. เป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญ เนื่องจากมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ความรับผิดชอบต่อสังคม และความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการทรัพยากร จึงสามารถเชื่อมโยงการศึกษากับการแก้ปัญหาสังคมด้านต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“อปท. ต้องทำงานเชิงรุก ค้นหาและช่วยเหลือเด็กหลุดออกจากระบบเป็นรายกรณี และสร้างกลไกการส่งต่อให้เด็กได้กลับเข้าสู่การศึกษา ภายใต้หลักการของการให้ความรู้และการเปิดโอกาส” ศาสตราจารย์วุฒิสารกล่าว

การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีถอดบทเรียนการทำงานของ อปท. ซึ่งพบว่ามีการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนแล้วกว่า 330 รูปแบบ ทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และการแก้ปัญหาพฤติกรรมเสี่ยง สะท้อนให้เห็นความหลากหลายของแนวทางที่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ ขณะเดียวกันยังพบอุปสรรคกว่า 381 ประเด็น ซึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นโจทย์แก้ไขต่อไป

นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เครื่องมือการทำงานที่จำเป็น อาทิ ระบบข้อมูลและระบบสนับสนุนการเรียนรู้ กระบวนการค้นหาและวางแผนการช่วยเหลือ ตำบลต้นแบบ  โรงเรียนและการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น ศูนย์การเรียนตามมาตรา 12 และโรงเรียนมือถือ (Mobile School) เพื่อเสริมศักยภาพ อปท. ในการขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป