ผลักดันศักยภาพ พัฒนาทักษะอาชีพ

“ทุนนวัตกรรมอาชีพชั้นสูง รุ่น 2 ไม่ใช่เงินเรียนฟรี แต่คือโอกาสพลิกชีวิตตัวเอง ให้ดีขึ้น เปลี่ยนภาระเป็นพลัง จากคนที่เคยต้องพึ่งพาคนรอบข้างมาเป็นคนที่มีพลังชีวิตก้าวข้ามความด้อยโอกาสทางการศึกษาจนสามารถพึ่งตัวเองได้ เป็นคำกล่าวของ “มงคล จินาวรณ์” หรือ “อาจารย์กี้” ซี่งกล่าวปลุกพลังเยาวชนนักศึกษาทุนนวัตกรรมอาชีพชั้นสูง รุ่น 2 ระหว่างเป็นวิทยากรดำเนินกิจกรรมในโครงการ “ปลุกพลัง สร้างโอกาสแห่งอนาคต กับทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ปีการศึกษา 2563” เมื่อวันที่ 7 – 8 พฤศจิกายน 2563 ณ ห้อง Grand Ballroom โรงแรมเซนทรา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท จ.ชลบุรี   

“อาจารย์กี้” เป็นคุณครูขวัญใจน้องๆ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา จ.ชลบุรี ด้วยความเคารพนับถือและชื่นชมในฐานะครูผู้สอนวิชาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แม้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์ต้องนั่งรถเข็นเป็นยานพาหนะแทนขาสองข้าง แต่ใจสู้ไม่อาย กล้านำความรู้ความสามารถสมัครเข้ามาเป็นครูสอนหนังสือให้กับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ  ​อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมากว่า 12 ปี ในรั้วสถาบันการศึกษาแห่งนี้

“อาจารย์กี้” มงคล จินาวรณ์ คุณครูจากวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา จ.ชลบุรี

สถานศึกษาแห่งนี้เป็นเพียงสถานศึกษาระดับอาชีวะศึกษาไม่กี่แห่งที่สอนวิชาชีพให้กับเด็กอาชีวะ ที่เป็นผู้มีความต้องการพิเศษ​เต็มรูปแบบ  ซึ่ง 0t มีจุดแตกต่างจากวิทยาลัยเทคโนโลยีสายอาชีพทั่วๆ ไป  ซึ่งมักจะมีหลักสูตรที่ใช้กำลังกายและสมองควบคู่กันไป เช่น ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างก่อสร้าง ฯลฯ แต่ที่นี่จะเสริมเป็นวิชาชีพที่เหมาะสมกับสรีระของผู้ที่มีความต้องการพิเศษโดยตรง นั่นคือ วิชาคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปประกอบอาชีพประเภททำงานนั่งโต๊ะ

 

ฉุดดึง คนที่ยังตกอยู่ในเขาวงกตทางความคิด
เลิกคิดว่าตัวเองมีปมด้อย ออกไปเผชิญโลก

กว่าสิบปีที่ อาจารย์กี้ สอนอยู่ในรั้ววิทยาลัยแห่งนี้ได้เห็นพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของลูกศิษย์ที่ได้รับการศึกษารุ่นแล้วรุ่นเล่า ทั้งหมดล้วนได้ดิบได้ดี มีงานทำและพึ่งตนเองได้ ไม่กลายเป็นภาระแก่สังคมหรือครอบครัว ในฐานะครู อาจารย์กี้ ยังเป็นผู้นำในการสร้างแรงบันดาลใจ พยายามฉุดดึงเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งบางคนที่ยังตกอยู่ในเขาวงกตทางความคิด เพียงเพราะคิดไปเองว่า ตัวเองมีปมด้อย

ผู้พิการบางคนนอนป่วยติดเตียงอย่างสิ้นหวังโดยไม่ยอมลุกขึ้นสู้ทำกายภาพบำบัดดูแลตัวเอง บางคนรู้สึกอับอายกับความพิกลพิการของตัวเองจนไม่กล้าออกนอกบ้านนาน 4 – 5 ปีกว่าจะพยุงตัวขึ้นรถเข็นออกจากบ้านสู่โลกภายนอกได้ก็สายไปเสียแล้ว เพราะอายุมากจึงเข้าไม่ถึงทุนการศึกษา แต่ยังมีเด็กที่มีความต้องการพิเศษอีกไม่น้อยเช่นกันที่ใจสู้กล้าเผชิญโลกและท้าทายโชคชะตา เดินเข้าหาโอกาสทางการศึกษาและแสวงหาความรู้จากรั้ววิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่    

“เด็กนักเรียนพระมหาไถ่ ไม่คิดว่าความพิการของตัวเองเป็นปมด้อย เรียนจบมีงานทำทุกคน สร้างเนื้อสร้างตัว มีครอบครัวใหม่ ซื้อบ้านซื้อรถมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่เป็นภาระแก่คนรอบข้าง ตอนนี้น้องๆ หลายคน ได้รับการศึกษาจากทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ได้เข้ามาเปลี่ยนภาระเป็นพลัง ปลุกพลังในตัวเองให้กลับมาลุกโชน เชื่อหรือไม่ว่าเด็กที่จบไป แม้จะพิการแต่กล้าไปสมัครงานบริษัทใหญ่ๆ แบบไม่อาย บางคนได้ทำงานในโรงงานใหญ่หรือ โรงแรมหรู” อาจารย์กี้ กล่าว

 

พัฒนาทักษะอาชีพตามสรีระ และ ศักยภาพของตัวเอง

จากซ้าย “น้องออม” อลิสา อุ้มสิน และ “น้องดาว” แสงดาว อรรถโยโค นักเรียนทุน ปวส. สาขาเทคโนโลยีดิจิทัล

2 ใน 8 นักศึกษาทุนที่ได้โอกาส​รับทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง รุ่น 2 จากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ. คนแรก “อลิสา อุ้มสิน” หรือ น้องออม นักเรียนทุน ปวส. สาขาเทคโนโลยีดิจิทัล เล่าถึงความใฝ่ฝันในชีวิตจากทุนที่ได้รับ ด้วยสีหน้าและแววตาเปล่งประกายว่า “หนูอยากทำงานเป็นคอมพิวเตอร์กราฟิกค่ะ”

น้องออม แม้เธอเก่ง ฉลาดและเรียนดีเกรดเฉลี่ยสูง แต่เธอไม่ได้หวังสูงเรียนให้จบปริญญาตรี เธอขอเรียนต่อแค่ในระดับ ปวส. เพื่อมีงานประจำทำและได้พบเจอกับนายจ้างน่ารักใจดีก็พอแล้ว เพราะความฝันสูงสุดของเธอจริงๆ จะว่าไปเล็กมาก คือ เธออยากมีงานทำประจำเพื่อเก็บออมให้ได้เงินสักก้อนไปเปิดร้านเบเกอรี่ประกอบธุรกิจส่วนตัวที่บ้านเกิดตัวเองที่จังหวัดจันทบุรี แรงบันดาลใจนี้เกิดขึ้นจากทุกช่วงเวลาที่เธอว่าง เธอไม่เคยปล่อยเวลาให้ผ่านไปแบบเปล่าประโยชน์ หรือ คิดมากกับอุปสรรคทางกายที่เธอประสบจนต้องนั่งรถเข็น ทุกนาทีเธอใช้เวลาไปกับงานอดิเรกที่รักและชอบ คือ ทำขนมเค้ก จนกลายเป็นแรงบันดาลสำคัญที่ทำให้เธอคิดอยากทำธุรกิจมากกว่าเป็นลูกจ้าง

ขณะที่ “แสงดาว อรรถโยโค” หรือ น้องดาว นักเรียนทุน ปวส. สาขาเทคโนโลยีดิจิทัล เด็กสาวผู้มีสายตามุ่งมั่นพูดจาฉะฉานแบบไม่เขินอายและมีความมั่นใจสูงไม่แพ้เด็กปกติทั่วไป เธอกล่าวอย่างมั่นใจ เมื่อมีใครถามว่า หนูเรียนจบ ปวส.แล้วจะไปทำอะไรต่อ เธอตอบทันทีว่า หนูจะเรียนให้เก่งเพื่อให้ได้ “ทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ” เธออยากเป็น 1 ในช้างเผือกที่จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เรียนต่อไปจนถึงระดับปริญญาเอก นี่คือหมุดหมายในชีวิตของน้องดาว เด็กต่างจังหวัดตัวเล็ก ๆ ที่เดินทางไกลต้องอ้อมกอดพ่อแม่อันเป็นที่รักจากจังหวัดนครปฐม มาศึกษาเล่าเรียนที่รั้ววิทยาลัยแห่งนี้  

ทั้งน้องดาว และ น้องออม นับว่าโชคดีกว่า​เพื่อนๆ อีกหลายคนที่พลาดโอกาสทางการศึกษาเพียงเพราะความยากจน ผสมกับยังไม่ก้าวข้ามปมด้อยในตัวเองไปได้ยังคงหมกตัวเองอยู่กับบ้านไม่ออกมาสู้ชีวิตจนอายุเกินเกณฑ์ ในสายตา “อาจารย์กี้” มองว่ายังมีผู้พิการที่ขาดโอกาสทางการศึกษาอีกมาก ส่วนใหญ่อายุมากเกินเกณฑ์ซึ่งควรได้รับโอกาสทางการศึกษาเช่นกัน ทาง กสศ.น่าจะขยายโอกาสทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง แก่ผู้พิการที่เป็นผู้ใหญ่ อายุ 30 – 40 ปี เพราะอาจารย์กี้ มั่นใจว่า ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ทรงพลังสามารถช่วยฉุดดึงผู้พิการที่ยังตกอยู่ในวังวนและความด้อยโอกาสทางการศึกษาให้ได้รับโอกาสดีมีทักษะอาชีพตามสรีระและศักยภาพของตัวเองที่เอื้ออำนวยจากคนที่เคยเป็นภาระสู่คนมีพลัง

 

ทุกคนมีศักยภาพ อย่าจำนนต่อโชคชะตา

ยิ่งมีทุน กสศ.เข้ามาหนุนเสริมยิ่งจะทำให้คนพิการ 1 ในกลุ่มเปราะบางที่สุดในสังคมให้ได้รับการดูแลหลุดพ้นความเหลื่อมล้ำและความยากจน จนสามารถพึ่งตนเองได้กลายเป็นกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดชลบุรี หนึ่งในจังหวัดที่อยู่ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ยังมีตำแหน่งงานอีกมากรอคอยอยู่เบื้องหน้า

ทั้งยังมีผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่ใจกว้างใจดีพร้อมอ้าแขนต้อนรับเข้าทำงาน ดังเช่นสโลแกนของ อาจารย์กี้ ที่พร่ำสอนลูกศิษย์ทุกรุ่นที่จบออกไป “เปลี่ยนภาระเป็นพลัง” จงภาคภูมิใจในตัวเอง อย่าท้อแท้ต่อปมด้อย ทุกคนล้วนมีศักยภาพขอเพียงมี พรแสวง คว้าทุกโอกาสที่เข้ามา อย่าจำนนต่อโชคชะตา ทุกคนทำได้เพียงเท่านี้ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในสังคมไทยย่อมเบาบางลงและจางหายไปในที่สุด

 

ร่วมสร้างโอกาสไปกับ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
www.eef.or.th/donate/
ธนาคารกรุงไทย สาขาซอยอารีย์
เลขที่ : 172-0-30021-6
บัญชี : กสศ.มาตรา 6(6) – เงินบริจาค