‘ปอร์เช่ – สุชานันท์ แสงมณี’ Spa Therapist โรงแรมอังสนา ลาภูน่า ภูเก็ต ผู้ก้าวข้ามความยากจนข้ามรุ่นด้วยทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง

‘ปอร์เช่ – สุชานันท์ แสงมณี’ Spa Therapist โรงแรมอังสนา ลาภูน่า ภูเก็ต ผู้ก้าวข้ามความยากจนข้ามรุ่นด้วยทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง

“จากที่ไม่มั่นใจเลยว่าจะได้เรียนต่อไหม ตอนนั้นมองหาอนาคตตัวเองแทบไม่เจอ แต่หลังจากได้ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงของ กสศ. เรียนจบมา มีงานทำ เรามองเห็นอนาคต เห็นลู่ทางชีวิตตัวเอง ทั้งในด้านการศึกษาและการทำงาน ตอนนี้มีเงินส่งให้ที่บ้านทุกเดือน ครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พ่อแม่ก็ไม่ต้องลำบากทำงานหนักเหมือนแต่ก่อน” 

ปอร์เช่ – สุชานันท์ แสงมณี อดีตนักเรียนทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ประเภท 5 ปี ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เล่าถึงความภูมิใจในชีวิต หลังจากได้รับทุนระดับ ปวช. ต่อเนื่องจนถึง ปวส. ในสาขาเทคโนโลยีการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ วิทยาลัยเทคนิคพังงา จนสามารถพลิกชีวิตสู่การมีอาชีพที่มั่นคง ในตำแหน่ง Spa Therapist ของโรงแรมอังสนา ลาภูน่า ภูเก็ต  

‘ความยากจน’ หนทาง(เกือบ)ตันของการศึกษา

ปอร์เช่ – สุานันท์ แสงมณี 

หากย้อนเส้นทางการศึกษาของปอร์เช่ในอดีตอาจเรียกได้ว่า ‘ไม่มีหวัง’ มากนัก เนื่องด้วยฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างยากจน และเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อแม่มีลูกถึง 5 คน ปอร์เช่เป็นลูกคนกลาง มีพี่ชาย 2 คน และน้อง 2 คน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะจบชั้น ม.3 พี่ชายคนโตกำลังเรียนมหาวิทยาลัย ส่วนพี่คนรองก็กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย น้องชายเรียนชั้นประถม และแม่ก็กำลังท้องน้องอีกหนึ่งคน ปอร์เช่จึงกังวลว่าการเรียนต่อของเธอจะสร้างภาระทางการเงินให้กับครอบครัวจนรับไม่ไหว

“ตอนนั้นค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนก็แทบไม่พอ เพราะพ่อแม่ทำงานรับจ้างทั่วไป กลางคืนกรีดยาง กลางวันพายเรือแคนูพานักท่องเที่ยวชมถ้ำ แล้วที่บ้านก็ไม่ได้มีสวนยางเป็นของตัวเองที่จะมีรายได้เข้ามาทุกเดือน ต้องคอยหางานรับจ้างในแต่ละวัน เพื่อให้ได้เงินเข้ามา ตั้งแต่เด็กหนูก็ช่วยพ่อแม่ทำงานทุกอย่าง บางวันก็ไปช่วยหาผักมาทำกับข้าวกินกัน ชีวิตค่อนข้างยากลำบาก”

แม้ความหวังที่จะได้เรียนต่อค่อนข้างริบหรี่ แต่ทันทีที่โครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์พังงา เข้ามาแนะแนวเรื่องทุนการศึกษาที่โรงเรียน เธอเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะได้เรียนต่อจึงรีบกลับไปบอกพ่อแม่ว่าจะสมัคร

“ตอนแรกแม่ไม่ให้สมัคร เพราะเราเป็นลูกสาวคนเดียว เขาไม่อยากให้ไปเรียนไกล ๆ แต่ก็คุยกันว่าถ้าครอบครัวต้องส่งเสียให้เรียนที่เดิมก็อาจจะไม่ไหว สุดท้ายอาจต้องออกจากโรงเรียนกลางคันมาทำงาน แม่ก็เลยอนุญาตให้ลองยื่นสมัครเข้าโครงการดู ซึ่งก็ได้รับคัดเลือก”

หลังจากมอบตัวเป็นนักศึกษาระดับชั้น ปวช. ของโครงการวิทยาลัยฐานวิทยาศาสตร์พังงา ปอร์เช่ได้รับการแนะนำให้สมัครเข้ารับทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ประเภท 5 ปี ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ซึ่งเป็นทุนที่ดูแลต่อเนื่องตั้งแต่ ปวช. จนถึง ปวส. ทำให้เธอสามารถเรียนจนจบอย่างที่หวัง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะนอกจากค่าเทอมแล้ว ยังมีเงินให้ใช้จ่ายเดือนละ 6,500 บาทในระดับ ปวช. และ 7,500 บาท ในระดับ ปวส. 

เรียนที่ชอบ ตอบโจทย์อาชีพใช่  ‘Spa Therapist’

การเลือกสาขาที่เรียนก็เหมือนการวางเส้นทางสู่อนาคต ปอร์เช่บอกว่าตั้งแต่เด็ก เวลาพ่อแม่เหนื่อย ๆ กลับมาก็มักจะเรียกเธอไปนวดให้ จึงรู้สึกสนใจศาสตร์การนวดเป็นทุนเดิม หลังจากเรียนจบระดับ ปวช. ในสาขาเทคโนโลยีการท่องเที่ยว ปอร์เช่จึงเลือกเรียนในสาขาเทคโนโลยีการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพราะสนใจในหลักสูตรการนวดไทยและสปา

 “ตอน ปวส. ปี 1 ได้ไปเรียนนวดที่วัดโพธิ์ กรุงเทพฯ เรียนทฤษฎี 1 วัน แล้วก็เรียนปฏิบัติ 2-3 วัน จากนั้นก็สอบ เสร็จแล้วกลับมาที่วิทยาลัยฯ ก็ได้เรียนหลักสูตรของโรงเรียนบันยันทรี สปา อคาเดมี ซึ่งอยู่ในเครือบันยันกรุ๊ปด้วย เรียนทั้งหมด 150 ชั่วโมง ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จากนั้นก็สอบ ซึ่งตอนที่เริ่มเรียนค่อนข้างกดดัน ด้วยความที่เรียนกับทางสถานประกอบการ แล้วเขาต้องการให้เราทำได้เหมือนพนักงานคนหนึ่ง เรียนแล้วต้องทำงานได้จริง ก็เลยกดดัน บวกกับเราทำได้ไม่เท่าเพื่อน ก็เลยยิ่งกดดันตัวเอง แต่พอเริ่มได้รับแขกจริง ๆ เริ่มเห็นรายได้ ก็ทำให้มีแรงสู้ มีแรงพร้อมที่จะเผชิญหน้า ก็เลยฝึกนวดทุกวัน นวดมือตัวเอง นวดมือเพื่อน ทำจนรู้สึกคุ้นชินกับมัน และซึมซับเข้าไปในจิตใจของเรา ก็เลยทำให้รู้สึกชอบกว่าเดิม เราเริ่มมีความมุ่งมั่น กล้าออกไปรับแขก กล้าที่จะทำงานจริง ๆ”

หลังจากเรียนครบหลักสูตร ปอร์เช่ได้ฝึกงานที่โรงแรมอังสนา ลากูน่า ภูเก็ต ซึ่งช่วงนั้นทางโรงแรมกำลังมองหาพนักงานตำแหน่ง Spa Therapist พอดี และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่เด่นชัดของเธอก็ทำให้คว้าโอกาสนั้นได้สำเร็จ 

“ตอนนั้นมีเพื่อนไปฝึกงานด้วยกัน 6 คน พอฝึกงานจบ ทางโรงแรมบอกว่ามีตำแหน่งงานว่าง 2 ตำแหน่ง ซึ่งหัวหน้าก็พิจารณาคัดเลือกเราเข้าทำงาน โดยเขาจะคอยดูการทำงาน การตรงต่อเวลา บุคลิก และทัศนคติของเรา 

จริง ๆ เคยบอกกับหัวหน้าว่าเราเป็นเด็กที่ไม่เก่งเกี่ยวกับการนวดเลย แต่พอทำไปแล้วรู้สึกว่ามองเห็นอนาคตของตัวเอง ก็เลยตั้งใจ มีความอดทน หัวหน้าก็พูดกับเราว่า ที่รับเราเข้ามาทำงาน ไม่ใช่ว่าไม่เก่ง และทางองค์กรก็ไม่ได้ต้องการคนเก่ง แต่ต้องการคนที่ขยัน อดทน และตรงต่อเวลา ซึ่งเรามีครบ และต่อให้เราไม่เก่ง เขาก็พัฒนาให้เราเก่งได้ ถ้ามีความพร้อมที่จะร่วมงานไปกับเขา”

ปัจจุบัน ปอร์เช่ทำงานในตำแหน่ง Spa Therapist ของโรงแรมอังสนา ลาภูน่า ภูเก็ต โดยมีรายได้เฉลี่ย 20,000-30,000 บาทต่อเดือน

“ถ้าเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวจะมีรายได้ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป แต่ถ้าเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวน้อยจะมีรายได้ประมาณ 15,000-20,000 บาท เรามีวันนี้ได้ต้องขอบคุณ กสศ. จากที่ไม่มั่นใจเลยว่าจะได้เรียนต่อไหม ตอนนั้นมองหาอนาคตตัวเองแทบไม่เจอ แต่หลังจากได้ทุนฯ เรียนจบมา มีงานทำ เรามองเห็นอนาคต เห็นลู่ทางชีวิตตัวเอง ทั้งในด้านการศึกษาและการทำงาน ตอนนี้มีเงินส่งให้ที่บ้านทุกเดือน ครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พ่อแม่ก็ไม่ต้องลำบากทำงานหนักเหมือนแต่ก่อน”

‘ทุนเปลี่ยนชีวิต’ ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง

ในยุคปัจจุบันที่กำลังขาดแคลนแรงงานทักษะสูง ‘การเรียนสายอาชีพ’ ถือว่าตอบโจทย์ โดยเฉพาะกับเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพราะเรียนจบแล้วสามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้ทันที ซึ่งทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงช่วยให้เด็ก ๆ ที่ขาดโอกาสสามารถเข้าถึงการศึกษาที่จะเปลี่ยนชีวิตพวกเขาให้ดีขึ้นได้

“อยากบอกให้ทุกคนสู้ มองไปข้างหน้า กล้าที่จะออกไปสู้ ออกไปทำงาน ไปหาอนาคตของตัวเอง ถึงเราไม่มีโอกาสแต่ว่าเราหาโอกาสที่อยู่ข้างหน้าได้ ถ้าเราไม่หยุดเดิน อย่างน้อยเราก็ยังมีหวัง แต่ถ้าเราหยุดอยู่ที่เดิม หรือว่าท้อ ไม่สู้ต่อ เราก็จะไม่เจออะไรเลย แต่ถ้าเรากล้าออกไปเผชิญหน้า อย่างน้อยเรายังได้ลองออกมาใช้ชีวิตดู”

ปอร์เช่บอกว่า ที่มีวันนี้ได้นอกจากทุนการศึกษาและผู้ใหญ่ใจดีแล้ว ยังมาจาก ‘ความมุ่งมั่นและอดทน’ ของตนเองที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค  

“ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่เรียนมา ต้องเรียนวันจันทร์ถึงเสาร์ บางครั้งวันอาทิตย์ก็ต้องเรียน ไม่ได้หยุด ไม่มีโอกาสที่จะออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเพื่อน ๆ เพราะว่าต้องเรียนหนัก เรียนเยอะ แล้วพอเรียนจบมาก็ทำงานต่อทันทีเลย รู้สึกว่าตัวเองขยันและอดทนมาก ภูมิใจในตัวเองมาก 

“หนูคิดเสมอว่าในเมื่อเขามอบโอกาสให้เราแล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ เงินที่เขาให้มาคือภาษีของประชาชน ก็ต้องใช้ให้คุ้มค่า ถ้าเขาเลือกที่จะส่งให้เราเรียน เราก็ต้องเรียน ถ้ามีโอกาสหางานทำเพิ่มได้ ก็ต้องทำ เพราะเงินที่ได้มาอาจไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เราต้องแบกรับไว้ ที่สำคัญคือต้องรู้จักเก็บออมด้วย เพื่อจะได้มีเงินสำรองในการใช้ชีวิต”

สำหรับอนาคตต่อจากนี้ ปอร์เช่วางแผนศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี จากนั้นจะทำงานสั่งสมประสบการณ์ หากเป็นไปได้จะหาลู่ทางไปทำงานในต่างประเทศซึ่งเป็นโรงแรมในเครือของบันยันกรุ๊ป และถ้ามีโอกาสหรือสะสมเงินได้มากพอ ก็ฝันอยากเปิดธุรกิจสปาของตัวเอง  

“จากที่มองไม่เห็นอนาคตก็กลับมามีฝันของตัวเองได้ในวันนี้ อยากขอบคุณ กสศ. ขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และคณะครูอาจารย์ทุกท่านที่มอบโอกาสให้เราได้เรียนรู้ ได้ฝึกประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน 

จากโอกาสที่ กสศ. หยิบยื่นให้ในวันนั้น ทำให้ตอนนี้เรามีงานทำ และกำลังมีชีวิตที่ดีขึ้น แม้ตอนนี้จะยังมีกำลังไม่มากพอ แต่หากอนาคตข้างหน้ามีรายได้ที่ดีหรือมีธุรกิจเป็นของตัวเองก็อยากส่งต่อโอกาสให้น้อง ๆ ที่ขาดแคลน หรือให้เขามาทำงานกับเราก็ได้ สุดท้ายแล้วอยากขอบคุณตัวเองที่อดทนและสู้มา จนทำให้วันนี้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีอนาคตที่ดี และพาครอบครัวให้ก้าวผ่านความจนไปได้สำเร็จ”