เงินบริจาค“จดหมายลาครู” สู่ขนมปังสังขยาใบหม่อนไร้ไขมันทรานส์

เงินบริจาค“จดหมายลาครู” สู่ขนมปังสังขยาใบหม่อนไร้ไขมันทรานส์

จากสายธารน้ำใจผ่านยอดเงินบริจาคในโครงการ “จดหมายลาครู” ของกองทุนเพื่อควาทเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และเครือข่ายศิลปิน Street Art ที่รวมพลังสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากจดหมายลาครูฉบับจริงของนักเรียนที่ต้องเขียนจดหมายลาหยุดเรียนไปช่วยครอบครัวทำงาน

ปัจจุบันเงินบริจาคได้ถูกส่งมอบต่อกระจายไปยังหลายโรงเรียน และแต่ละโรงเรียนได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาส่งเสริมการเรียนการสอน หรือสร้างทักษะอาชีพให้นักเรียนมีความรู้ติดตัวไว้หารายได้พิเศษแบ่งเบาภาระครอบครัวและนำเงินมาใช้เป็นทุนการศึกษาในอนาคต

“ขนมปังสังขยาใบหม่อน”  นับเป็นอีกตัวอย่างความสำเร็จอันเป็นผลที่ต่อเนื่องมาจากเม็ดเงินดังกล่าว ซึ่งทางนักเรียนโรงเรียนราษฎร์บำรุงธรรม จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมกันคิดค้นพัฒนาสูตรและเริ่มจัดจำหน่ายไปในหลายพื้นที่ท่ามกลางเสียงตอบรับที่ดี

ศิวรัตน์ พายุหะ ผู้อำนวยการโรงเรียนราษฎร์บำรุงธรรม เล่าให้ฟังว่า จากเงินบริจาคในโครงการจดหมายลาครูที่ได้รับมาประมาณ 5.8  หมื่นบาทนั้น ทางโรงเรียนได้นำไปต่อยอดในโครงการผลิตภัณฑ์ทักษะอาชีพ เดิมได้ใช้เงินสนับสนุนจากทุนเสมอภาคของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

โดยเดิมทีนักเรียนได้ช่วยกันคิดค้นทำผลิตภัณฑ์ชาใบหม่อนผสมใบเตย และข้าวเกรียบใบหม่อน ซึ่งนำภูมิปัญญาในพื้นที่ซึ่งปลูกหม่อนพันธุ์คุณไพ ที่มีจำนวนไม่มากนักมาผลิตทำขนมต่างๆ เมื่อได้ทุนรอบใหม่มาก็ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจาก วีเชฟ ไทยแลนด์ มาให้ความรู้กับนักเรียนและร่วมกันคิดสูตรขนมปังสังขยาใบหม่อนขึ้นมา

จุดเด่นของขนมปังสังขยาใบหม่อนคือเป็นอาหารคลีนเพื่อสุขภาพ ไม่มีไขมันทรานส์ ไม่ใช้เนยเทียม และ ใช้ใบหม่อนที่มีประโยชน์กับร่างกายมาทำสังขยา เบื้องต้นก็นำไปแจกให้ที่ต่างๆ ได้ทดลองชิมกันก่อนเมื่อกระแสตอบรับดีก็เริ่มมีคนสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น

“อีกทางหนึ่งผมก็ช่วยไปหาตลาด ให้เขาสั่งเป็นอาหารพักเบรคระหว่างการประชุมผู้บริหารของสำนักงานเขตการศึกษา และหน่วยงานราชการอื่นๆในจังหวัด หลายคนที่ได้ชิมก็ชอบเพราะไม่หวานและดีต่อสุขภาพ” ผอ.ศิวรัตน์ ระบุ

ผอ.โรงเรียนราษฎร์บำรุงธรรม อธิบายเพิ่มว่า จนถึงตอนนี้ใช้งบประมาณที่ได้รับมาเพียงครึ่งเดียว โดยจะแบ่งไปใช้ในเทอมต่อไปอีกครึ่งหนึ่ง เพื่อให้เด็กๆ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มเติมอีก และให้เด็กทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง

“ไม่ใช่เฉพาะนักเรียนทุนเสมอภาคที่จะได้เข้าโครงการพัฒนาทักษะอาชีพนี้ แต่โรงเรียนขยายผลไปถึงนักเรียนคนอื่นๆด้วย นักเรียน ป.5 ถึง ม.3 ทุกคนที่จบจากโรงเรียนราษฏร์บำรุงธรรม จะทำขนมเป็นหมดทุกคน เป็นความรู้ที่ติดตัวต่อไป”  ผอ.รร.ย้ำ

สำหรับทุนเสมอภาคและเงินบริจาคที่ได้รับมาถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะนี่เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ในเชิงลงมือปฏิบัติจริงๆ  ที่เริ่มต้นตั้งแต่คิดโครงการเอง สามารถเชื่อมโยงการเรียนรู้ ลงมือทำกับสิ่งที่อยู่ในชุมชน และยังสามารถนำไปประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองได้  ทำให้เขาได้พัฒนาท้องถิ่นตัวเอง ทำให้เขาให้ความสำคัญของท้องถิ่นตัวเอง มันก็จะทำให้ประเทศเราพัฒนาไปด้วย