‘แสงอาทิตย์ของดอกไม้’ โอกาสใหม่ ที่พาเด็กๆ ไปได้ไกลดังใจฝัน บนเส้นทางสายอาชีวศึกษา

‘แสงอาทิตย์ของดอกไม้’ โอกาสใหม่ ที่พาเด็กๆ ไปได้ไกลดังใจฝัน บนเส้นทางสายอาชีวศึกษา

ก่อนดอกไม้จะแย้มบาน

“หากวันนี้ทุกคนได้รับโอกาส เลือกที่จะทิ้ง หรือคว้าเอาไว้”

นี่คือคำถามที่เธอนำทั้งชีวิตของเธอมาเป็นคำตอบ และบอกเล่าให้กับเพื่อนๆ นักศึกษาทุนทุกคนได้ฟัง

พื้นเพของ ไอซ์ – ปาริษา เป็นสาวชาวใต้ จังหวัดกระบี่ ครอบครัวประกอบอาชีพร้านเย็บตัดเสื้อผ้า มีคุณพ่อในวัยที่เลยเกษียณมาแล้วหลายปีเป็นช่างซ่อม และมีคุณแม่ที่ยังพอแข็งแรงกว่าเป็นเสาหลักในการตัดเย็บ มีพี่ชายที่อายุห่างกันเพียงหนึ่งปี และน้องคนเล็กที่ห่างจากเธอถึงแปดปี โดยภาพรวมฐานะทางบ้านของ ไอซ์ ถือว่าไม่ค่อยสู้ดีนัก ด้วยพ่อที่อายุมากจึงทำงานได้ไม่เต็มที่ ภาระหัวหน้าครอบครัวจึงตกอยู่ที่แม่ ที่ต้องคอยดูแลเรื่องต่างๆ ภายในบ้าน รวมถึงการหารายได้ค่าใช้จ่ายเพื่อส่งเสียให้ลูกๆ ได้เรียนหนังสือ

ดังนั้น สำหรับ ไอซ์ การเลือกเรียนในสายอาชีวศึกษา จึงตอบโจทย์ของครอบครัวมากกว่า เพราะใช้เวลาในรั้วสถาบันไม่นานนัก เรียนจบแล้วมีโอกาสทำงานได้เลย ส่วนค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างประหยัดกว่า นอกจากนี้ ในระหว่างเรียนสายอาชีพทั้ง ปวช. และ ปวส. ยังสามารถทำงานเสริมเป็นรายได้พิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระทางบ้านได้ด้วย ซึ่งตัวไอซ์เองได้ทำมาแล้วหลายอย่าง ไม่ว่าเป็นพนักงานเสริฟตามร้านอาหาร หรือลูกจ้างชั่วคราวในห้างสรรพสินค้า

แม้จะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แต่เธอยังสามารถรักษาผลการเรียนให้อยู่ในระดับที่ดีได้เสมอ เป็นนักเรียนที่มีผลงานต่างๆ มากมาย ทั้งทางด้านวิชาการและการทำกิจกรรรม การเรียนให้ได้ดีในระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นความฝันของเธอตั้งแต่เด็ก ด้วยหลักคำสอนของพ่อกับแม่ซึ่งมักให้กำลังใจเธอเสมอว่า

“พ่อและแม่ไม่มีสมบัติให้ลูกเหมือนครอบครัวคนอื่นเขาหรอกนะ แต่สิ่งหนึ่งที่พ่อและแม่จะมอบให้ได้ก็คือความรู้ ซึ่งความรู้จะอยู่ติดตัวของลูกไปตลอด”

นั่นจึงทำให้ที่ผ่านมา ไอซ์ ไม่เคยคิดที่จะทิ้งการเรียนเลยและคงจะสามารถเดินไปต่อได้เรื่อยๆ ด้วยกำลังแรงของครอบครัวและตัวเธอเอง หากไม่เจอมรสุมลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาในช่วงชีวิตเสียก่อน

สถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดต่อเนื่องมาตลอดสองปีมานี้ ทำให้ฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วย่ำแย่เข้าไปอีก และยิ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องรีบตัดสินใจ เพราะเวลานั้นเธอใกล้จะเรียนจบชั้น ปวส. ส่วนพี่ชายกำลังเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไม่น้อย รายได้ของทางบ้านจึงเริ่มไม่พอกับรายจ่าย ทำให้เธอเริ่มลังเลใจว่าควรเลิกเรียนต่อหรือไม่ เพราะอย่างน้อย หากอดทนกันอีกหน่อย รอจนพี่ชายเรียนจบการศึกษาในระดับที่สูงกว่าคนอื่นในบ้านได้สักคน โอกาสที่จะดึงฐานะครอบครัวขึ้นไปก็อาจมากกว่าตัวเธอในเวลานั้น

ในวันที่เกือบสิ้นหวังและปล่อยวางความฝันไป แต่ราวปาฏิหาริย์ จู่ๆ ข้อมูลเกี่ยวกับ ‘ทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ’ จากอาจารย์ก็เด้งขึ้นในไลน์กลุ่มชั้นเรียน

นี่คือโอกาสที่เธอไม่รอช้าที่จะคว้าไว้ เธอเข้าไปหาอาจารย์เพื่อปรึกษาในทันที แม้ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะได้รับเลือกหรือไม่ แต่ท่ามกลางความมืด นี่คือจุดแสงเล็กๆ ที่เธอจะมุ่งไปหาได้อย่างมีความหวัง

เป็นมากกว่าแสงเทียน แต่คือแสงจากดวงอาทิตย์ที่ทำให้ดอกไม้ได้เติบโต

“สำหรับหนู หนูรู้สึกว่า ทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ คือแสงสว่างที่เข้ามาในชีวิตเด็กคนหนึ่งที่กำลังเดินทางด้วยความมืด ความสว่างของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน บางคนจะเจอความสว่างจากแสงอาทิตย์ได้ทั้งชีวิต บางคนเจอความสว่างจากหลอดไฟ แต่สำหรับหนูตอนแรกความสว่างที่มีคือเปลวเทียน แต่พอมีแสงนี้เข้ามา มันเหมือนค่อยๆ ขยายจากเปลวเทียนเป็นไฟฉาย จากไฟฉายเป็นหลอดไฟ แล้วจากหลอดไฟก็มาเป็นแสงอาทิตย์ในแต่ละวันที่ได้เจอ”

เมื่อผ่านการคัดเลือก ไอซ์ เลือกเรียนต่อ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เน้นความเป็นโปรแกรมเมอร์ จากวันนั้นถึงวันนี้ ปัจจุบัน เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว และได้งานที่สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกระบี่ ระหว่างนี้เธอกำลังเตรียมศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ด้วยทุนต่อเนื่องจากทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ เพื่อสานต่อความฝันในการเป็นอาจารย์ของเธอต่อไป

“ด้วยความที่ชอบสอนคนอื่น อยากจะให้คนอื่นเข้าใจเหมือนที่เราเรียน หนูเปิดสอนพิเศษมาตั้งแต่เด็กๆ เลย ตอนมัธยมต้นก็สอนน้องประถมในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ นอกจากเป็นสิ่งที่อยากทำแล้ว มันก็ทำให้มีรายได้เสริมด้วย

“หนูเป็นคนที่ชอบการศึกษามาก แบบมากๆๆ เลยอยากให้ทุกคนที่บอกว่าไม่ชอบการเรียน เพราะไม่สนุก เปลี่ยนมุมมองใหม่ เราอยากทำให้เขาสนุกและมีความสุขที่จะเรียน อยากให้เขามาโรงเรียนทุกๆ วันเพราะอยากมาเรียนจริงๆ ไม่ใช่เพราะโดนบังคับให้มา”

“สู้ฝัน … บนทางช้างเผือก” เติมพลังใจให้แก่กัน ก่อนเดินทางต่อ

เมื่อวันที่ 25 – 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีการจัดกิจกรรมค่ายทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ “สู้ฝัน…บนทางช้างเผือก : Be Bold, Be Brave, Be Bright” ที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อให้นักศึกษาทุนทั้ง 3 รุ่น ได้มาพบเจอกัน จะได้แลกเปลี่ยนมุมมอง ความคิดและประสบการณ์ของการเป็นนักศึกษาทุนระหว่างกัน

จริงอยู่ที่ทุนนี้แม้ไม่มีพันธะผูกพันใดๆ หลังเรียนจบ ทุกคนจะสามารถเลือกเส้นทางของตนเองเพื่อไปทำงานตามศักยภาพตามสายงานที่เลือกอย่างเต็มที่ โดยเชื่อว่าพวกเธอและพวกเขาเหล่านี้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญช่วยยกระดับให้วงการนั้นๆ เติบโตต่อไป แต่วุฒิการศึกษาที่สูงขึ้นไม่ใช่เป้าหมายเดียวของทุนนี้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุด คือการทำงานร่วมกันกับคนอื่นอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำเอาทักษะมาใช้ร่วมกันเพื่อฟันฝ่าปัญหาหลากรูปแบบได้ รวมถึงการมีจิตอาสา ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรับมือกับทุกปัญหาในอนาคต

กิจกรรมค่ายในครั้งนี้จึงออกแบบให้มีการแบ่งกลุ่มนักศึกษาทั้ง 98 คน ให้กระจายกันไปลงพื้นที่เรียนรู้ ‘วิถีแม่กลองในมุมมองของคนรุ่นใหม่’ มีทั้งเดินป่าชายเลน ดอนหอยหลอด ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดร่มหุบริมทางรถไฟ และฟาร์มหอยแครงเกรดพรีเมี่ยม  ซึ่งไอซ์ และเพื่อนๆ ในกลุ่มต่างได้ใช้ความรู้ความสามารถของแต่ละคนมาช่วยกันวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของชุมชนและพื้นที่ เพื่อนำเสนอแลกเปลี่ยนทัศนะกันในเวทีใหญ่ได้อย่างน่าสนใจ และในหลายครั้งก็มีมุมมองใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนกันอย่างออกรส

“แต่ไม่ใช่แค่กิจกรรมกลุ่ม อีกอย่างที่ได้จากค่ายในครั้งนี้และสำคัญมากสำหรับหนู คือแรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่ที่รับฟังเราจริงๆ ทุกคนเลยที่หนูพบพร้อมที่จะให้คำปรึกษา เขาไม่มองเลยว่าเรื่องที่เราอยากปรึกษาเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ หนูคิดว่าสำคัญที่สุดคือความใส่ใจที่จะให้คำปรึกษาในทุกๆ เรื่อง”

“จริงอยู่ที่เราโชคดีมากแล้วที่ได้เรียนต่อ แต่บางครั้งก็มีวันที่เรารู้สึกเคว้งคว้างไม่รู้ว่าจะปรึกษาใครเหมือนกัน พอไปค่ายเรารู้สึกเหมือนเจอคนที่เหมือนๆ กัน เข้าใจกัน อาจารย์กับผู้ทรงคุณวุฒิที่มาค่ายทุกคนก็คือคนที่รู้บริบทปัญหาของพวกเราดี ซึ่งบางทีบางเรื่องเราก็ไม่กล้าที่จะพูดในที่สถาบันไม่ว่ากับเพื่อนหรืออาจารย์ แต่พอเราขอคำปรึกษาที่นี่ ทุกคนพร้อมให้คำปรึกษาเรากลับมาในทางที่ดีมากๆ”

“หนูคิดว่า เด็กๆ ที่ต้องการโอกาสแบบหนูยังมีอีกหลายคน เด็กๆ ที่มาเรียนสายอาชีวศึกษาส่วนใหญ่ฐานะไม่ค่อยดีนักเหมือนกับหนู แต่กลับกัน ทุนที่ลงไปช่วยแทบไม่มีเลย ถ้าเป็นไปได้หนูก็อยากให้น้องๆ รุ่นหลังได้รับโอกาส ได้เจอกับแสงสว่างแบบที่หนูเจอเหมือนกัน”

รู้จัก ‘ทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ’

ทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ เป็นโครงการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาต่อเต็มศักยภาพ ให้กับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่มาจากสายอาชีวศึกษาชั้น ปวช. หรือ ปวส. ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาต่อเต็มศักยภาพอย่างต่อเนื่องในระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก โดยสนับสนุนทักษะด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมในระดับสูง ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก

ปัจจุบันมีนักศึกษาทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพทั้งหมด 3 รุ่น และกำลังเปิดรับนักศึกษาทุนรุ่นที่ 4 ในปีการศึกษานี้ และรุ่นต่อๆ ไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งเน้นการเสริมสร้างสมรรถนะของกำลังคน ตอบสนองความต้องการสายอาชีพและสาขาที่ขาดแคลน ให้สอดคล้องกับความต้องการพัฒนากำลังคนของประเทศ