กระทรวงศึกษาฯ ควิเบกเล็งปรับหลักสูตรศาสนาและจริยธรรม
โดย : Susan Schwartz, Montreal Gazette / montrealgazette.com
แปลและเรียบเรียง : นงลักษณ์ อัจนปัญญา

กระทรวงศึกษาฯ ควิเบกเล็งปรับหลักสูตรศาสนาและจริยธรรม

กระทรวงศึกษาธิการควิเบกเผยแผนพิจารณาเตรียมปรับหลักสูตรวิชาศาสนาและจริยธรรม (ethics and religious) ในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับบริบททางสังคมในปัจจุบันมากขึ้น โดยจะมุ่งเน้นเนื้อหาไปที่การเรียนรู้ในเชิงวัฒนธรรม สิทธิหน้าที่พลเรือน และวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวควิเบกแทน

ทั้งนี้ ฌ็อง-ฟรองซัวส์ โรแบร์จ (Jean-François Roberge) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการแห่งควิเบก ประเทศแคนาดา เปิดเผยว่าแนวคิดการปรับปรุงหลักสูตรดังกล่าวมีขึ้นหลังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและนักการศึกษาทั่้วประเทศ จนพบว่า หลักสูตรวิชาจริยธรรมและศาสนาที่ใช้ในการเรียนการสอนอยู่ในเวลานี้ค่อนข้างล้าหลังและล้าสมัยอย่างมาก

ในส่วนของรายละเอียดของหลักสูตรใหม่ที่จะมาแทนที่หลักสูตรแบบเดิม รัฐมนตรีฌ็อง-ฟรองซัวส์กล่าวว่า วิชาบังคับด้านศาสนาและจริยธรรมในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วควิเบกจะถูกแทนที่ด้วยวิชาที่เน้นการเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมเป็นหลัก

โดยรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการควิเบกกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ย้ำว่าหลักสูตรใหม่ที่ว่านี้ สามารถแบ่งหมวดหมู่ได้เป็น 3 หัวข้อหลัก คือ 1)วัฒนธรรม 2) ความเป็นพลเรือนของควิเบกและบริบทแวดล้อม และ 3) การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของผู้เรียน

“สภาพสังคมของควิเบกในเวลานี้ต่างเผชิญหน้ากับปัจจัยท้าทายรอบด้าน ไล่เรียงตั้งแต่ ปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ไปจนถึงผลกระทบจากเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะในประเด็นที่ทำให้ช่องว่างความเหลื่อมล้ำในสังคมมีมากขึ้น และก่อให้เกิดการแบ่งแยกกีดกันหรือการเหยียดเชื้อชาติรุนแรงหนัก ตลอดจนการฉกฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากผู้เยาว์ ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการปรับหลักสูตรเพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนควิเบกในการรับมือกับปัจจัยท้าทายเหล่านี้”  รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการควิเบกกล่าว

อย่างไรก็ตาม ฌ็อง-ฟรองซัวส์ ย้ำว่า วิชาวัฒนธรรมศาสนาและจริยธรรม ที่คิดค้นแนะนำโดย ฌ็อง ชาร์เรต์ (Jean Charest) แกนนำฝ่ายเสรีนิยมและนำมาใช้ในหลักสูตรการศึกษาของประเทศนับตั้งแต่ 2008 ถือเป็นหลักสูตรที่มีประโยชน์และเหมาะกับยุคนั้นแล้ว เพียงแต่ภายใต้บริบทปัจจุบัน หลักสูตรดังกล่าวค่อนข้างล้าหลัง ทำให้ทางกระทรวงเริ่มมีการพิจารณาพูดคุยเพื่อยกเครื่องการปรับหลักสูตรตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา

“หลักสูตรเก่ามีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าศาสนาสำคัญและมีส่วนช่วยกำหนดอัตลักษณ์ของเรา แต่ศาสนาไม่ใช่เลนส์ที่เราจะใช้มองเพื่อทำความเข้าใจวัฒนธรรมควิเบกอีกต่อไป” ฌ็อง-ฟรองซัวส์กล่าว ก่อนย้ำว่า ศาสนาและจริยธรรมแบบควิเบกเป็นหนึ่งในองค์ประกอบ แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญอีกต่อไป

สำหรับแกนหลักแรกของหลักสูตรที่ว่าด้วยเรื่องวัฒนธรรมคือ การสอนนักเรียนเกี่ยวกับวัฒนธรรมของสังคมควิเบกเพื่อให้นักเรียนเหล่านี้มีความเข้าใจที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับพื้นฐานและเอกลักษณ์หรือลักษณะเฉพาะของสังคมของควิเบก

ขณะที่ในส่วนที่สองคือการเตรียมนักเรียนควิเบกให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติตัวในฐานะที่เป็นพลเมืองของประเทศ โดยการเรียนรู้แนวคิดการเป็นพลเมือง เช่น การเคารพตนเองและการเคารพผู้อื่น สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และความรับผิดชอบของพลเมือง รวมถึงการเรียนรู้เกี่ยวกับสถาบันประชาธิปไตยและอำนาจตุลาการของควิเบก

การประกาศปรับหลักสูตรใหม่ในครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับจากสังคมในทางบวกอย่างมาก รวมถึงปิแอร์ เคอร์ซี (Pierre Curzi) นักแสดงและแกนนำเคลื่อนไหวทางการเมืองในควิเบก ซึ่งระบุว่า การเรียนรู้ทำความรู้จักสถาบันประชาธิปไตยแบบฉบับควิเบกเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะเมื่อเข้าใจแล้วก็จะสามารถปรับมาใช้งานหรือวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างสร้างสรรค์

ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเสาหลักของประเทศ นักเรียนควิเบกจำเป็นต้องได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเด็นเชิงสังคมต่างๆ เช่น การรับรู้เรื่องความหลากหลายทางเพศ การให้เกียรติและยินยอมทางเพศ (sexual consent ) และความรับผิดชอบในโลกดิจิทัล ซึ่งถือเป็นประเด็นที่สำคัญไม่น้อย​ เพื่อให้นักเรียนสามารถรับมือกับข้อมูลเชิงลบที่ปรากฏมากขึ้นบนสื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน

“เราสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ดีกว่านี้ได้ และทางออกของปัญหาดังกล่าวก็คือ​ ให้ความสำคัญแก่การศึกษา” รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการควิเบกระบุ

ด้านดานี เทอร์คอตต์ (Dany Turcotte) นักแสดงและนักเขียนชั้นนำของควิเบกแสดงความเห็นว่า การเปิดให้นักเรียนได้ตระหนักรู้เท่าทันวัฒนธรรมดิจิทัลของโลกยุคใหม่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เยาวชนควิเบกรับมือกับความป่าเถื่อน ความรุนแรง และความเกลียดชังบนโลกออนไลน์ ซึ่งถือเป็นด้านมืดที่เยาวชนเหล่านี้ต้องพึงระวังให้มาก ก่อนยกตัวอย่างกรณีของตนเอง ที่ความคิดเห็นในเชิงลบบนสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เทอร์คอตต์ ซึ่งเป็นนักคิดฝ่ายซ้ายต้องถอนตัวจากการจัดการรายการโทรทัศน์ยอดนิยมอย่าง Tout le monde en parle ซึ่งมีลักษณะคล้ายรายการ “โหนกระแส” ของไทย

ทั้งนี้ เทอร์คอตต์ถอนตัวจากรายงานดังกล่าวที่ทำมานานถึง 17 ปีเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังถามคำถามที่ค่อนข้างรุนแรงกับดารารับเชิญอย่างมามาดี ฟารา คามารา (Mamadi Fara Camara) ซึ่งถูกตัดสินให้จำคุก 6 วัน​ เพราะใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

โดยเทอร์คอตต์แสดงความเห็นบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การโดนวิพากษ์วิจารณ์โจมตีอย่างรุนแรงบนโซเชียลมีเดียหลายครั้งทำให้ความมั่นใจของตนเองลดลงทีละน้อย ดังนั้น การให้เยาวชนได้เรียนรู้และรู้เท่าทันด้านมืดของโลกออนไลน์น่าจะช่วยให้เด็กในช่วงวัยอ่อนไหวได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่

ด้านอิสซาเบล ชาเรสต์ (Isabelle Charest) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการควิเบกกล่าวแสดงความยินดีที่ในหลักสูตรใหม่จะมีการกล่าวถึงหัวข้อของการยินยอมทางเพศ เพราะเยาวชนส่วนใหญ่ล้วนมีประสบการณ์ความรักและเพศสัมพันธ์ครั้งแรกในฐานะวัยรุ่น แต่คนหนุ่มสาวจำนวนมากเหล่านี้กลับไม่มีแบบอย่างที่ดีรอบตัว  ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะปลูกฝังพื้นฐานเหล่านี้ในตัวของเยาวชน

อิงกริด ฟาเลส์ (Ingrid Falaise) นักแสดงสาวผู้ออกมารณรงค์เรียกร้องให้สังคมตระหนักถึงภัยคุกคามของตกเป็นเหยื่อการใช้ความรุนแรงในชีวิตคู่ รวมถึงต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง กล่าวว่า การใช้ความรุนแรงระหว่างคู่สมรสมเป็น “ปัญหาทางสังคม” และหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยยุติความรุนแรงก็คือการศึกษา

“คนหนุ่มสาวของเราต้องเรียนรู้พฤติกรรมที่ไม่สามารถยอมรับได้” นักแสดงสาวระบุ

ขณะที่องค์ประกอบหลักอีกด้านของของหลักสูตรใหม่จะเน้นไปที่บริบทด้านจริยธรรมที่ส่งผลต่อการคิดวิเคราะห์ การพัฒนาความคิดเชิงวิพากษ์ คิดอย่างมีเหตุมีผลและสร้างสรรค์ เพื่อให้นักเรียนสามารถพิจารณาคุณค่าทางวัฒนธรรม ศาสนา และสังคมด้วยตนเอง รวมถึงเปิดใจกว้างยอมรับแนวคิดของทุกฝ่ายเพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนมีความคิดมุ่งไปในแนวทางใดแนวทางหนึ่งแบบสุดโต่งเกินไป

“การใช้ชีวิตภายใต้ระบอบประชาธิปไตยไม่ได้มีแค่การแสดงความเห็นด้วยหรือเห็นต่าง แต่เป็นการรู้จักให้เกียรติแก่กันและกันท่ามกลางความขัดแย้งต่างหาก” รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการควิเบกกล่าว

ทั้งนี้ หลักสูตรใหม่มีกำหนดจะเริ่มขึ้นในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในควิเบกทุกแห่งในฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 อย่างไรก็ตาม ทางรัฐควิเบกจะเริ่มโครงการนำร่องก่อนในช่วงใบไม้ร่วงปี 2022 ซึ่งการเข้าร่วมในโครงการนำร่องจะเปิดให้เข้าร่วมตามสมัครใจ โดยกระทรวงศึกษาธิการควิเบกย้ำชัดว่าจะสนับสนุนและร่วมมือทำงานกับครูและนักการศึกษาทั่วประเทศอย่างเต็มที่ รวมถึงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมครูในหลักสูตรใหม่ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า โดยไม่มีความจำเป็นต้องว่าจ้างครูใหม่เข้ามาแต่อย่างใด

ที่มา : Quebec’s ethics and religious course has ‘aged poorly,’ education minister says