กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ เร่งปฎิรูปโครงการเงินกู้นักเรียน
โดย : Lauren Camera - US News
แปลและเรียบเรียง : นงลักษณ์ อัจนปัญญา

กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ เร่งปฎิรูปโครงการเงินกู้นักเรียน

กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ เร่งเดินหน้าปฎิรูประบบของโครงการเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา หลังมีการตรวจสอบพบว่า นักเรียนที่เข้าโครงการจำนวนมากถูกบีบให้อดทนกับเงื่อนไข โดยไม่ทราบทางเลือกที่สามารถปรับดอกเบี้ยและกฎระเบียบการกู้ยืมเงินให้สอดคล้องกับสถานะและความต้องการของตนเอง ขณะที่บางรายต้องเผชิญกับระบบติดตามการชำระเงินที่ไม่ถูกต้อง จนเป็นอุปสรรคขัดขวางความสำเร็จในการชำระหนี้คืน

สื่อท้องถิ่นรายว่า ทางกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ได้มีประกาศเปลี่ยนแปลงโปรแกรมการชำระคืนเงินกู้นักเรียนของรัฐบาลกลางเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการสืบสวนพบว่าผู้ดำเนินการใช้กู้อาศัยช่องโหว่ของกฎระเบียบ ทำให้นักเรียนทีเข้าร่วมโครงการไม่ทราบทางเลือกอื่น หรือเผชิญกับเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม หรือในบางกรณีไม่สามารถชำระเงินคืน หรือมีโอกาสเข้าร่วมโครงการยกหนี้ของรัฐบาลกลางได้

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลให้มีการยกเลิกหนี้ทันทีสำหรับผู้กู้ 40,000 รายที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการให้ยกเลิกสินเชื่อเพื่อแลกกับการบริการสาธารณะ และช่วยให้ผู้กู้ 3.6 ล้านคนชดใช้สินเชื่ออย่างน้อย 3 ปีภายใต้แผนการชำระคืนตามรายได้ ซึ่งจะจำกัดการชำระเงินรายเดือนที่ 10% – 20% ของรายได้ของผู้กู้ และให้สิทธิ์พวกเขาในการได้รับการยกหนี้เงินกู้หลังจากชำระเงินติดต่อกันต่อเนื่อง 20 ปี

มิเกล คาร์โดนา รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯกล่าวว่า เงินกู้ยืมทางการศึกษาของนักเรียนไม่ใช่โทษจำคุกตลอดชีวิต แต่นักเรียนผู้กู้กลับถูกล็อคจากการปลดหนี้ที่พวกเขามีสิทธิ์ได้รับ จนบางคนต้องชดใช้หนี้ชั่วชีวิต หมดโอกาสในการลืมตาอ้าปาก

“วันนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการจะเริ่มแก้ไขความล้มเหลวในการบริหารหลายปีซึ่งทำให้นักเรียนผู้กู้บางรายไม่ได้รับโอกาสยกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” คาร์โดนากล่าว

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบโดยสำนักงานช่วยเหลือนักเรียน (student aid office) ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ พบว่าผู้ให้บริการสินเชื่อใช้ช่องโหว่ของกฎระเบียบบีบให้ผู้กู้ต้องอยู่ในสภาวะจำยอมไร้ทางเลือก ซึ่งหมายรวมถึง การรับทราบถึงระบวนการที่อนุญาตให้ผู้กู้ระงับการชำระเงินต้นเงินกู้ชั่วคราวในขณะที่ดอกเบี้ยยังคงเพิ่มขึ้น ถือเป็นละเมิดกฎของแผนกที่กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องร่างตัวเลือกทั้งหมดแก่ผู้กู้ที่ประสบปัญหาในการชำระเงิน

ผลการตรวจสอบยังได้รับหลักฐานสนับสนุนจากการสอบสวนของสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานคุ้มครองทางการเงินของผู้บริโภค

ตามปกติแล้ว ระเบียบและสัญญาบริการของหน่วยงานด้านการศึกษาจะมีมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้นักเรียนที่เข้าโครงการกู้เงินเรียนต้องเผชิญกับสภาวะที่ยากลำบากจนเกินไป ซึ่งมาตรการป้องกันดังกล่าวหมายรวมถึง การเว้นการผ่อนชำระ 12 เดือนสำหรับการใช้สิทธิ์หนึ่งครั้ง หรือ 36 เดือนสำหรับการใช้สิทธิ์ตามดุลยพินิจของผู้ให้กู้ ซึ่งในหลายกรณี ผู้ให้บริการนำพานักเรียนเข้าสู่โครงการเว้นผ่อนชำระ 36 เดือนโดยไม่อธิบายทางเลือกอื่น ทำให้ผู้กู้เข้าใจผิด จนทำให้การชำระเงินคืนมีปัญหามากขึ้น และเป็นอุปสรรคต่อการเข้าร่วมโครงการยกหนี้ในภายหลัง

เจมส์ ควาล (James Kvaal) ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การเว้นผ่อนชำระอาจเป็นบริการด้านสินเชื่อที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับผู้กู้ แต่บ่อยครั้งก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่ผู้กู้มีสิทธิ์จะได้รับการเลื่อนผ่อนชำระอยู่แล้วเนื่องจากความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ภายใต้โครงการการชำระเงินคืนตามฐานรายได้

เพื่อแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว ทางกระทรวงศึกษาธิการ จะดำเนินการปรับบัญชีครั้งเดียว โดยจะนับการละเว้นการผ่อนชำระแบบต่อเนื่องนานกว่า 12 เดือน แต่ไม่เกิน 36 เดือน ให้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการยกหนี้โดยแลกกับการให้บริการสาธารณะ ( Public Service Loan Forgiveness Program)

ขณะเดียวกัน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทางสำนักงานช่วยเหลือนักเรียนของรัฐบาลกลางจะเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับทางผู้กู้ และเพิ่มการกำกับดูแลผู้ให้บริการเงินกู้ ซึ่งรวมถึงการจำกัดความสามารถของพวกเขาในการลงทะเบียนผู้กู้ให้อยู่ในโครงการเว้นการผ่อนชำระ ตลอดจนทำงานร่วมกับสำนักคุ้มครองทางการเงินของผู้บริโภคเพื่อทำการตรวจสอบการทำงานของผู้ให้บริการอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ในการตรวจสอบแยกต่างหากโดยสำนักงานช่วยเหลือนักศึกษากลาง (Federal Student Aid) เผยให้เห็น “ข้อบกพร่องที่สำคัญ” กับแผนการชำระคืนที่ตามระดับรายได้ รวมถึงความยากลำบากในการติดตามการชำระเงิน ตลอดจนข้อผิดพลาดด้านเอกสารและความไม่ถูกต้องในการดำเนินการในอดีต ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้กู้หลายล้านคนอาจสูญเสียโอกาสสำคัญในการเข้าร่วมโครงการยกหนี้

ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำนักงานช่วยเหลือนักเรียนของรัฐบาลกลางจะนับเดือนที่ผู้กู้ชำระเงินตามแผนรายได้ของพวกเขา โดยไม่คำนึงถึงแผนการชำระเงินที่พวกเขาลงทะเบียนในขณะนั้น ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานช่วยเหลือนักศึกษาของสหพันธรัฐเตรียมออกคำแนะนำใหม่แก่ผู้ให้บริการสินเชื่อนักศึกษา เพื่อให้แน่ใจว่ามีแนวทางปฏิบัติในการนับการชำระเงินที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้น ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่พยายามให้ความช่วยเหลือนักเรียนด้วยการขยายเวลาระงับการชำระคืน และยกเลิกหนี้เงินกู้นักเรียนของรัฐบาลกลางมากกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้กู้ที่พิการถาวร และผู้กู้ที่ลงทะเบียน ในโครงการยกเลิกสินเชื่อเพื่อแลกกับการให้บริการสาธารณะ รวมถึงการยกเลิกหนี้เงินกู้มูลค่ากว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สำหรับผู้กู้ที่ถูกโรงเรียนหลอกลวงหรือลงทะเบียนเรียนในสถาบันเทคนิค ITT ต่างๆ ก่อนที่จะปิดตัวลงกะทันหัน

“ก้าวแรกสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรคือการเผชิญหน้ากับความล้มเหลวในอดีตของแผนกเพื่อให้นักเรียนได้รับผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับและชดเชยความเสียหายของการละเลยหลายปีที่เกิดขึ้นกับผู้กู้อย่างยั่งยืน” ปลัดกระทรวงศึกษาธิการกล่าว

ที่มา : Education Department Moves to Fix Student Loan Repayment Programs