โควิดกระทบจนฮาร์วาร์ดสั่งปรับเกณฑ์สอบเข้าชั่วคราว
โดย : COLLIN BINKLEY - AP News
แปลและเรียบเรียง : นงลักษณ์ อัจนปัญญา

โควิดกระทบจนฮาร์วาร์ดสั่งปรับเกณฑ์สอบเข้าชั่วคราว

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประกาศระงับการใช้เกณฑ์การสอบเข้าชั่วคราวเป็นเวลา 4 ปี ส่งผลให้นักเรียนนักศึกษาที่ยื่นใบสมัครเข้ามหาวิทยาลัยไม่จำเป็นต้องยื่นผลคะแนนสอบของ SAT หรือ ACT โดยทางมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดให้เหตุผลว่า เป็นเพราะวิกฤตโควิด -19 ทำให้นักเรียนนักศึกษาไม่สะดวกเดินทางมาสอบ ขณะที่ทางผู้จัดการการสอบเองก็ไม่อาจจัดการสอบได้ ซึ่งข้อยกเว้นดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงปี 2026

สำนักข่าวเอพีรายงานว่าบรรดานักเรียนนักศึกษาจะสามารถยื่นใบสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำยอดนิยม (ไอวีลีก) ของสหรัฐฯ โดยไม่จำเป็นต้องแนบผลคะแนนสอบ SAT หรือ ACT มาเป็นเกณฑ์ร่วมพิจารณาอย่างน้อยไปจนถึงปี 2026 โดยการตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ มีการยกเว้นการใช้คะแนนสอบเข้าสมัคร เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถจัดการสอบวัดผลได้

ทั้งนี้ ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา เพราะสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดปรับกฎเกณฑ์การสอบเข้ามหาวิทยาลัย ด้วยการเปิดให้ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องยื่นผลคะแนนสอบเข้า หรือ standardized tests ได้ ก่อนที่ขยายเวลาใช้เกณฑ์ดังกล่าวต่อไปอีก 1 ปีในปี 2021 ที่ผ่านมา แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดที่ยังไม่คลี่คลาย อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอน เพราะการระบาดของตัวไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน ทำให้ทางฮาร์วาร์ดตัดสินในระงับการใช้คะแนนสอบเข้าลากยาวไปอีก 4 ปีข้างหน้า

วิลเลียม ฟิตซ์ซิมมอนส์ (William Fitzsimmons) ผู้อำนวยการฝ่ายรับสมัครนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า นักเรียนที่ไม่ได้ยื่นคะแนนมากับใบสมัครจะไม่เสียเปรียบใดๆ แน่นอน เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยจะพิจารณาด้วยการวัดจากผลงานที่ผู้สมัครนำเสนอ ดังนั้น คำแนะนำของทางมหาวิทยาลัยก็คือ ให้นักเรียนรวบรวมประวัติและผลงานที่โดดเด่นในช่วงประถมและมัธยมเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่านักเรียนมีคุณสมบัติเหมาะสมกับคณะที่ต้องการเรียนมากที่สุด

ขณะนี้มหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ ต่างหันมาใช้นโยบายยกเว้นการสอบเข้าเป็นการชั่วคราว โดยนักเรียนสามารถเลือกที่จะยื่นหรือไม่ยื่นคะแนนสอบเข้าก็ได้ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ก็เพิ่งจะประกาศขยายเงื่อนไขให้การใช้คะแนนสอบเข้าเป็นทางเลือกในการยื่นสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไปจนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2025 ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดก็ตัดสินใจขยายเงื่อนไขยกเว้นการสอบเข้าไปจนถึงภาคการศึกษาปี 2022-2023 ส่วนมหาวิทยาลัยไมอามีในรัฐโอไฮโอก็ขยายระยะเวลาการใช้เงื่อนไขยกเว้นการสอบเข้ายาวไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2023 ด้านมหาวิทยาลัยแคสซัสก็ประกาศว่านักเรียนไม่จำเป็นต้องยื่นผลคะแนน SAT หรือ ACT หากทำเกรดเฉลี่ยในช่วงมัธยมปลายได้มากกว่า 3.25

รายงานระบุว่า นอกจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้การจัดสอบเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการแพร่เชื้อแล้ว ไวรัสโควิด-19 ยังแสดงให้เห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ที่เด็กกลุ่มเสี่ยง เด็กชนกลุ่มน้อย และเด็กนักเรียนจากครอบครัวผู้มีรายได้น้อยกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการสอบ เพราะเด็กนักเรียนกลุ่มนี้ไม่สามารถเข้าถึงการเรียนออนไลน์เหมือนเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ได้

ด้านดักลาส ไจร็อด (Douglas Girod) อธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกล่าวว่า แม้เหตุผลที่ยกเว้นการสอบในเบื้องต้นจะเป็นเพราะสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ในที่สุดแล้ว เมื่อผ่านไปสักระยะ ผู้คนต่างก็เริ่มสังเกตได้ว่า การสอบเหล่านี้ กลายเป็นการสร้างอุปสรรคกีดขวางไม่ให้เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ตามที่คาดหวังไว้

ด้านมหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนียนั้นได้ประกาศจะไม่นำคะแนน SAT และ ACT มาเป็นส่วนหนึ่งของพิจารณารับนักศึกษาอีกต่อไป โดยการตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นักเรียนกลุ่มหนึ่งยื่นหนังสือร้องเรียนต่อศาล เพื่อขอให้อำนาจในกระบวนการยุติธรรมช่วยระงับการสอบ SAT และ ACT เนื่องจากการสอบไม่เป็นธรรมต่อนักเรียนผิวสี

อย่างไรก็ตาม ทางด้านองค์กรที่จัดการสอบ SAT และ ACT ต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ระบุว่า การทดสอบไม่เป็นธรรม

ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนมกราคม ทางคณะกรรมการปกครองของ California State มีแผนที่จะไม่บังคับให้ผู้สมัครต้องยื่นผลสอบ SAT หรือ ACT ซึ่งแผนนี้เกิดขึ้นหลังจากมหาวิทยาลัยได้รับคำแนะนำและข้อท้วงติงจากหลายฝ่าย ซึ่งทางอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเองก็แสดงจุดยืนสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าวเช่นกัน อนึ่ง California State University ดูแลนักศึกษาอยู่ประมาณ 480,000 คน

ทั้งนี้ วิกฤตการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้กลายเป็นตัวเร่งให้มหาวิทยาลัยหลายแห่งเลือกไม่บังคับใช้ผลสอบ SAT และ ACT ในการพิจารณารับนักศึกษาเป็นการชั่วคราว กระนั้น ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤตโควิด-19 มีสถาบันระดับอุดมศึกษาจำนวนมากที่กำลังพิจาณาขับเคลื่อนไปในทิศทางดังกล่าว ท่ามกลางกระแสความกังวลเกี่ยวกับความเท่าเทียมและการเข้าถึงวิทยาลัยที่เริ่มมีมากขึ้น

โดยในปี 2019 ได้เริ่มมีการพิจารณาเรื่องความเท่าเทียมเป็นธรรมของการสอบมาตรฐานหลังทางคณะผู้ตรวจสอบพบว่ามี ผู้ปกครองที่ร่ำรวยบางคนยอมจ่ายเงินเพื่อโกงข้อสอบให้กับลูก จนกลายเป็นข่าวอื้อฉาวในเรื่องการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ขณะที่ทางวิทยาลัยบางแห่งถึงกับยกเลิกข้อกำหนดหลังจากมีการเปิดเผยเรื่องดังกล่าว

บ็อบ เชฟเฟอร์ (Bob Schaeffer) ผู้อำนวยการบริหารของ FairTest องค์กรอิสระที่ต่อต้านการสอบ กล่าวว่า มีมหาวิทยาลัย ตลอดจนโรงเรียนจำนวนมากที่ประกาศยกเลิกการใช้คะแนน SAT และ ACT เพื่อยื่นสมัครเรียนต่อ ซึ่งเมื่อไม่นำผลสอบเหล่านี้มาพิจารณา สถาบันการศึกษาเหล่านี้ก็พบว่าตนสามารถดึงดูดผู้สมัครได้มากขึ้นและหลากหลายขึ้น โดยพิจารณาจากคุณวุฒิการศึกษาและความสามารถของผู้สมัครที่แท้จริงมากกว่าคะแนนสอบ

ขณะเดียวกัน จากการสำรวจของ FairTest พบว่า 3 ใน 5 ของมหาวิทยาลัยทั้งหมดในสหรัฐอเมริกามุ่งมั่นที่จะไม่บังคับใช้ผลสอบ SAT และ ACT อีกต่อไป โดยสำหรับคนที่อยากแนบผลคะแนนก็สามารถแนบได้ แต่คะแนนสอบนั้นจะไม่มีผลต่อการพิจารณารับเข้าเรียนแต่อย่างใด แต่จะหยิบมาใช้หลังจากที่ผู้สมัครผ่านเข้าเรียนแล้ว โดยใช้เพื่อประเมินทักษะการเรียนรู้เพื่อจะได้จัดการคอร์สได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น ทั้งนี้มหาวิทยาลัยหลายแห่งจะเริ่มไม่บังคับใช้ผลคะแนนสอบนี้ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 อนึ่ง เชฟเฟอร์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะขยายตัวเติบโตต่อไป พร้อมย้ำว่า ยุคแห่ง “การประเมินผู้สมัครระดับปริญญาตรีที่ไม่มีการสอบได้เริ่มขึ้นแล้ว ณ ที่แห่งนี้”

ที่มา : Harvard drops standardized test requirement through 2026