สถาบันวิจัยสหรัฐฯ เผยทิศทางระดมทุนเพื่อการศึกษาปี 2023 แนวโน้มทั่วโลกมุ่งสู่พันธบัตร Social Impact Bond ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาเด็กปฐมวัย
โดย : Emily Gustafsson-Wright - BROOKINGS
แปลและเรียบเรียง : นงลักษณ์ อัจนปัญญา

สถาบันวิจัยสหรัฐฯ เผยทิศทางระดมทุนเพื่อการศึกษาปี 2023 แนวโน้มทั่วโลกมุ่งสู่พันธบัตร Social Impact Bond ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาเด็กปฐมวัย

ปี 2022 สถานการณ์ทั่วโลกหลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มกลับสู่ภาวะปกติในหลาย ๆ ด้าน ขณะเดียวกันหลายประเทศยังคงได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเกิดความขัดแย้งและวิกฤตการณ์ทางการเมืองอื่น ๆ สถาบันบรูกกิงส์ (Brookings Institution) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาด้านนโยบายสาธารณะของสหรัฐ ได้ติดตามนวัตกรรมการระดมทุนอย่างตลาดพันธบัตรเพื่อสร้างผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Social Impact Bond) โดยมุ่งศึกษาปัจจัยที่ทำให้การระดมทุนด้านการศึกษาและการพัฒนาเด็กปฐมวัยบรรลุผล พร้อมสรุปประเด็นสำคัญจากการระดมทุนด้วยวิธีออกพันธบัตรดังกล่าว รวมถึงแนวโน้มในปี 2023 นี้ 

วิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สถานการณ์การศึกษาน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเรื่องการจัดสรรทุนเพื่อการศึกษาที่ลดน้อยลงตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ถดถอย โดยปี 2022 ที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ได้ประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ลดลงจากปี 2021 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 6 หรือเกือบครึ่งของปีก่อนหน้า

ความถดถอยดังกล่าว ทำให้หลายประเทศตัดลดงบประมาณในส่วนต่าง ๆ จำนวนมาก รวมถึงงบประมาณด้านการศึกษา ส่งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรอิสระไม่แสวงหาผลกำไรต้องคิดค้นหาแนวทางหรือนวัตกรรมในการจัดสรรเงินทุนเพื่อนำมาใช้ขับเคลื่อนการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เพื่อให้คนทุกคนมีสิทธิ์และโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม

สถาบันบรูกกิงส์จึงได้ทำการศึกษาตลาดพันธบัตร Social Impact Bond ซึ่งเป็นนวัตกรรมการระดมทุนรูปแบบหนึ่ง และมีความเคลื่อนไหวในหลายประเทศทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลของบรูกกิงส์ ณ วันที่ 1 มกราคม 2566 ได้แสดงให้เห็นว่ามีพันธบัตรเพื่อรายได้ทางสังคมและการพัฒนาอยู่ทั้งหมด 239 ฉบับ ใน 39 ประเทศทั่วโลก ในจำนวนนี้มี 27 ประเทศ ที่จัดอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้น้อยและปานกลาง

ทั้งนี้ Social Impact Bond โดยทั่วไปมุ่งเน้นที่ผลกระทบด้านสวัสดิการสังคมและการจ้างงาน เป็นหลัก ส่วนกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง Social Impact Bond จะเน้นไปที่ภาคการจ้างงาน การศึกษา และสุขภาพเป็นหลัก 

นอกจากนี้ บรูกกิงส์ยังพบว่า จำนวนผู้รับประโยชน์โดยเฉลี่ยจาก Social Impact Bond เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยเมื่อต้นปี 2022 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 11,893 คน ขณะที่ภาพรวมเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2023 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเกือบ 7,000 คน เป็น 18,642 คน ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ค่อนข้างที่ประสบความสำเร็จ และมีแนวโน้มที่จะขยายขนาดและขยายโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

บรูกกิงส์ระบุด้วยว่า Impact Bond ที่สนับสนุนด้านการศึกษานับว่ามีการพัฒนาที่สำคัญและมีการเติบโตที่รวดเร็วที่สุด โดยในปี 2022 เพียงปีเดียว มี Impact Bond ด้านการศึกษาออกใหม่ถึง 12 รายการ

ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนกันยายน กองทุนเพื่อผลลัพธ์ทางการศึกษา หรือ Education Outcomes Fund (EOF) ได้เปิดตัวโครงการ Sierra Leone Education Innovation Challenge มูลค่า 18 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโรงเรียนประถมศึกษาของรัฐ 325 แห่งในช่วง 3 ปี สำหรับพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้และทักษะการคิดคำนวณของเด็กนักเรียนประมาณ 130,000 คน 

นอกจาก Impact Bond แล้ว บรูกกิงส์ยังได้ศึกษาประเด็นเกี่ยวกับแนวทางในการจัดหาเงินทุนแบบมุ่งผลลัพธ์ หรือ Outcomes-Based Financing (OBF) โดยเน้นย้ำว่า OBF สามารถพัฒนาชีวิตของเด็กๆ ได้อย่างไร และยังนำเสนอโครงการ EOF Sierra Leone ในระดับนานาชาติ และผลลัพธ์จาก Social Impact Bond ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 2 โครงการที่เสร็จสิ้นไปเมื่อปี 2022

ทั้งนี้ Impact Bond ฉบับแรก ได้แก่ Quality Education India Development Impact Bond (QEI DIB) ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้และการคิดคำนวณสำหรับนักเรียนอินเดีย 200,000 คน และอีกฉบับคือ Utkrisht Development Impact Bond ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมสุขภาพของมารดาและทารกแรกเกิดในรัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย

ในฐานะพันธมิตรด้านวิชาการของ QEI DIB บรูกกิงส์ได้สัมภาษณ์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยและบทเรียนที่ได้รับตลอดโครงการ ดังปรากฏในรายงาน ‘จากหลักฐานสู่ขนาด: บทเรียนที่ได้รับจากรายงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอินเดียจากพันธบัตรผลกระทบ’ (From evidence to scale: Lessons learned from the Quality Education India Development Impact Bond) โดยรายงานนี้นำเสนอว่า การมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกรายในโครงการ ตั้งแต่ระดับบนลงล่างไปจนถึงผู้ให้บริการรายบุคคลอย่างไร

บรูกกิงส์ระบุว่า เนื่องด้วยวิกฤตการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นทั่วโลก องค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนการศึกษาและการพัฒนาเด็กปฐมวัยจึงได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ปัญหาด้วยนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อเพิ่มทั้งปริมาณและประสิทธิผลของเงินทุน รวมถึงสำรวจนวัตกรรมการจัดหาเงินทุนที่หลากหลาย โดยมุ่งเน้นการขยายและส่งเสริมการใช้จ่ายในประเทศและผู้บริจาคเพื่อการศึกษา รวมถึงสัญญาที่อิงตามผลลัพธ์เป็นหลัก เพื่อให้การช่วยเหลือเด็กและประชากรกลุ่มเปราะบางทั่วโลกบรรลุผลสำเร็จ

นอกจากการค้นหานวัตกรรมการระดมทุนเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาแล้ว บรูกกิงส์ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาวิจัยเพื่อหาหลักฐานเชิงประจักษ์สำหรับการระดมทุนแบบ Impact Bond โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่จำเป็นในการทำความเข้าใจว่าผลลัพธ์ของ Impact Bond เป็นไปตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ 

ในเดือนพฤศจิกายน บรูกกิงส์ได้เปิดตัวรายงาน ‘เครื่องมือดิจิทัลสำหรับการรวบรวมข้อมูลตามเวลาจริงในการศึกษา’ (Digital tools for real-time data collection in education) ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อมูลตามเวลาจริง เพื่อติดตามความคืบหน้าและช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านการศึกษาสามารถเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม

บรูกกิงส์ระบุว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงใน 3 ประเทศ อย่างกัมพูชา กานา และฮอนดูรัส โดยบรูกกิงส์ได้ใช้เครื่องมือ Our Childhood Cost Calculator (C3) สำหรับการคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายของเด็กปฐมวัย ซึ่งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ด้านต้นทุนเท่านั้น แต่ยังมีการเปรียบเทียบต้นทุนที่แตกต่างกัน รวมถึงการกระจายต้นทุนแต่ละประเภท เพื่อเป็นฐานข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาและการพัฒนาเด็กปฐมวัยในอนาคต

สำหรับในปี 2023 นี้ บรูกกิงส์ประเมินว่าการระดมทุนแบบ Impact Bond มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น และจะมีการเปิดตัวอีกหลายโครงการก่อนสิ้นปีนี้ โดยในกลุ่มประเทศรายได้น้อยและปานกลางจะมุ่งเน้นโครงการด้านการศึกษา การจ้างงาน พลังงานและน้ำ และสุขอนามัย โดยคาดว่าประเทศเวียดนาม นามิเบีย และเลบานอน จะเป็นประเทศรายใหม่ที่นำ Impact Bond มาใช้ 

นอกจากนี้ แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือ การใช้เงินทุนเพื่อผลลัพธ์ที่รวบรวมโครงการจำนวนมากเข้าด้วยกันเพื่อการบรรลุเป้าหมายที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น กองทุนเพื่อผลลัพธ์ทางการศึกษา หรือ EOF ของประเทศกานา มูลค่าโครงการ 30 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสนับสนุนโดยรัฐบาลกานาและธนาคารโลกที่มุ่งเข้าถึงเด็กประมาณ 175,000 คน ด้วยการช่วยให้เด็กนอกระบบการศึกษากลับเข้าสู่ห้องเรียนและปรับปรุงผลการเรียนรู้ผ่านความช่วยเหลือครูในโรงเรียนประถม 600 แห่งทั่วประเทศ 

ด้วยการพัฒนาโครงการระดับท้องถิ่นและระดับโลกหลายโครงการที่มุ่งขยายการระดมทุนเพื่อการศึกษาในปีที่ผ่านมา บรูกกิงส์คาดว่าจะเห็นผลของความพยายามเหล่านี้ในปี 2023 เพิ่มขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น