เยอรมนีเผยเด็ก 1 ใน 5 เสี่ยงตกสู่บ่วงความยากจน
โดย : DW, Sabury.com
แปลและเรียบเรียง : นงลักษณ์ อัจนปัญญา

เยอรมนีเผยเด็ก 1 ใน 5 เสี่ยงตกสู่บ่วงความยากจน

ทางการเยอรมนีเปิดเผยผลการศึกษาเกี่ยวกับทิศทางสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของเด็กและเยาชนชาวเยอรมันทั่งประเทศ พบว่ามีเด็กถึง 1 ใน 5 ของประเทศที่เสี่ยงก้าวล่วงหลุดเข้าสู่กลุ่มยากจน อันเป็นผลจากวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลเยอรมนีประกาศกร้าวว่ากำลังอยู่ในระหว่างการหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวครอบคลุมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

รายงานของกระทรวงแรงงานแห่งสหพันธรัฐเยอรมันระบุว่า เด็กเกือบ 1 ใน 5 ในเยอรมนีมีความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในสภาพยากจน ซึ่งพรรคฝ่ายซ้ายในเยอรนีกล่าวว่า ถือเป็น “เรื่องอื้อฉาวที่น่าเศร้า” สำหรับเด็กจำนวนมากที่ถูกคุกคามจากความยากจนในประเทศที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งในสหภาพยุโรป (อียู)

ทั้งนี้ ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์โดย Funke Mediengruppe Sunday หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเยอรมนี กล่าวว่า 20.2% ของผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีมีความเสี่ยงต่อความยากจนในปี 2020

โดยหากอิงตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งเยอรมนี ในปี 2020 มีเด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปีในเยอรมนี 13.75 ล้านคน ดังนั้น จึงหมายความว่า มีเด็กเยอรมันประมาณ 2.77 ล้านคนมีความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในสภาพยากจน

นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบว่า แคว้นที่เด็กมีความเสี่ยงต่อภาวะยากจนที่สูงที่สุดในเยอรมนีคือแคว้นเบรเมิน (Bremen) ที่พบว่ามีเด็กๆ มากถึง 42% มีความเสี่ยงต่อความยากจน

ในทางกลับกัน เด็กๆ ในแคว้นบาวาเรีย (Bavaria) ทางตอนใต้ของประเทศกลับมีความเสี่ยงต่อความยากจนที่ต่ำที่สุดในเยอรมนี โดยมีสีดส่วนอยู่ที่เพียง 12.2%

ขณะที่ในพื้นที่ของกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี อัตราความยากจนในเด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ค่อนข้างสูงเช่นกันที่ 24% นั่นหมายความว่าเด็กเกือบ 1 ใน 4 ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเข้าสู่บ่วงความยากจน

สำหรับการจัดทำรายงานในครั้งนี้เป็นหนึ่งของคำตอบที่ทางกระทวงแรงงานจัดทำเพื่อตอบข้อซักถามของ Dietmar Bartsch ประธานพรรคฝ่ายซ้ายของเยอรมนีเกี่ยวกับสถานการณ์ของเด็กและเยาวขนในเยอรมนี ซึ่งหลังจากได้รับรายงาน ประธานพรรคฝ่ายซ้ายกล่าวว่า “”ความยากจนในเด็กเป็นเรื่องอื้อฉาวที่น่าเศร้าในประเทศที่ร่ำรวยของเรา”

พร้อมกันนี้ ประธานพรรคฝ่ายซ้ายยังใช้โอกาสนี้ร้องขอสวัสดิการสำหรับเด็กเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงดู โดยระบุว่า งบสนับสนุนการเลี้ยงดูควรมี “สวัสดิการเด็กขั้นพื้นฐานสำหรับเด็กที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันแล้วว่ายากจนจริงๆ ที่ประมาณ 630 ยูโร (ราว 23,217 บาท)”

ด้าน กระทรวงแรงงานเยอรมนีกล่าวว่าคณะทำงานซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก 3 พรรคการเมืองหลักในเยอรมนี ได้แก่ พรรคโซเชียลเดโมแครต (SPD) พรรคกรีนส์ และพรรคประชาธิปัตย์เสรี (FDP) กำลังจะเริ่มดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในเร็ววันนี้

ข้ามฟากมาที่ฝั่งทวีปอเมริกา บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในโตรอนโต แคนาดาได้เปิดตัวโปรแกรมในการให้ความรู้เรื่องประจำเดือนออนไลน์สำหรับวัยรุ่น โดยตั้งเป้าให้เป็นคู่มือการศึกษาใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อขจัดความอัปยศและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการมีประจำเดือน

โดยบริษัท Kt by Knix ได้เปิดตัวโครงการ Period 101: A Crash Course in Menstruation for Teens ซึ่งเป็นคู่มือออนไลน์ฟรีเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการมีประจำเดือนและช่วยให้วัยรุ่นเผชิญกับความรู้สึกอับอายต่อการมีประจำเดือนในกลุ่มเพื่อนฝูง ซึ่งทางบริษัทเพิ่งเริ่มเผยแพร่คู่มือดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า คู่มือการศึกษาฉบับนี้สร้างขึ้นบนพื้นฐานของความต้องการกำจัดข้อห้ามและมลทินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือน เป็นการเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างชัดเจนในการให้การศึกษาฟรีแก่วัยรุ่นเกี่ยวกับการทำงานตามธรรมชาติของร่างกาย

สำหรับที่มาที่ไปของโคงการดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจมาจาก สารพัด “ตำนาน ความเข้าใจผิด และข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการมีประจำเดือนที่บอกเล่าสืบต่อกันมาจนทำให้เกิดความอับอายที่ไม่ควรเกิดขึ้นซึ่งอาจสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อเด็กผู้หญิง ผู้หญิง และผู้ที่มีประจำเดือน” โดย บทความล่าสุดจากบล็อกที่ตีพิมพ์โดย International Planned Parenthood Federation ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการวางแผนครอบครัวและการมีบุตร ระบุว่า ความเชื่อที่ผิดๆ ทำให้เพศหญิงทุกวัยเชื่อมโยงการมีประจำเดือนว่าเป็นเรื่องน่าอัปยศ และทำให้ตนเองรู้สึกผิดบาป รู้สึกว่าการประจำเดือนเป็นเรื่องที่ผิด

ด้าน Kt by Knix กล่าวว่าคู่มือการศึกษานี้เขียนและเรียบเรียงอย่างตรงไปตรงมาและจัดทำร่วมกันแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นักจิตวิทยา และผู้ทรงอิทธิพลทางสังคม  โดยมีการตรวจสอบจากทีมแพทย์อีกทีมหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่า เนื้อหาที่ระบุในคู่มือมีความครอบคลุมและเหมาะสม ซึ่งหัวข้อที่ระบุในคู่มือมีตั้งแต่กายวิภาคศาสตร์ วัยแรกรุ่น ช่วงเวลามีประจำเดือน และประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือนทั้งหมด

Dr. Chimsom T. Oleka MD, FACOG หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Dr. Chimmy หนึ่งในผู้ร่วมเขียนคู่มือดังกล่าวเป็นสูตินรีแพทย์สำหรับเด็ก วัยรุ่น และนักกีฬาหญิง ได้กล่าวชื่นชมการทำงานดังกล่าวของ Kt พร้อมเอ่ยถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเผยแพร่คู่มือผ่านโลกออนไลน์เป็นเพราะผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ พบว่า วัยรุ่น 65% ในแคนาดาใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการมีประจำเดือน

ขณะที่ทางบริษัท Kt กล่าวว่า โครงการดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของวัยรุ่นที่อยากจะมีพื้นที่ของตัวเองในช่วงมีประจำเดือน โดย Kt ต้องการให้วัยรุ่นทุกคนสามารถจัดการกับการมีประจำเดือนของตนเองอย่างมั่นใจ โดยมีเป้าหมายเพื่อมอบความสะดวกสบายและเสรีภาพที่สมควรได้รับให้แก่วัยรุ่นยุคใหม่

ที่มา :