“พวกเราเชื่อว่าการศึกษาคือพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงสังคม” แบรนด์กระเป๋ารักษ์โลก น้อง ๆ สาธิตเกษตร IP ทบรายได้ 15% ร่วมลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

“พวกเราเชื่อว่าการศึกษาคือพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงสังคม” แบรนด์กระเป๋ารักษ์โลก น้อง ๆ สาธิตเกษตร IP ทบรายได้ 15% ร่วมลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

‘Keep’ แบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นจากน้อง ๆ ชั้น ม.5 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (Satit Kaset IP) โดยคว้ารางวัลที่ 1 จากการแข่งขันฝึกฝนทักษะการดำเนินธุรกิจ JA Thailand Company Program Competition of the Year 2021-2022 พร้อมยกรายได้ 15% ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อนำไปใช้ในงานลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา อันเป็นสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่นร่วมกันว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ

‘เก็บ’ ธรรมชาติไว้ให้อยู่ต่อไปอีกนาน ๆ 

ตัวแทนเพื่อน ๆ ชาว ‘Keep’ ได้แก่ ‘ออม’ พิชาพงศ์ เทียมประเสริฐ, ‘หยก’ สปันนา เร่งพุฒิพงษ์, ‘ทับทิม’ โชติกา โอวรางค์ และ ‘แตมมี่’ ธมิรี เจริญกุล เล่าว่าแบรนด์เริ่มต้นขึ้นจากการจำลองรูปแบบบริษัท เพื่อเข้าร่วมแข่งขันทักษะด้านธุรกิจที่จัดโดย Junior Achievement Thailand foundation (JA Thailand) กับการสร้างแบรนด์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้โจทย์ ‘การลดหรือแก้ปัญหาที่มีอยู่เดิม’

‘ออม’ ในฐานะประธานบริษัทเล่าว่า จากโจทย์ที่ได้รับมา เพื่อน ๆ ชั้น ม.5 จึงประชุมกัน แล้วตั้งบริษัทขึ้นมาด้วยสมาชิก 15 คน พร้อมแบ่งหน้ากันเป็นแผนกต่าง ๆ อาทิ ฝ่ายผลิต การตลาด ประชาสัมพันธ์ จากนั้นเริ่มค้นหาไอเดียสร้างผลิตภัณฑ์ จนทุกคนลงความเห็นว่าจะทำ ‘กระเป๋าหนัง’ ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ โดยออกแบบให้สามารถบรรจุได้ทั้ง Laptop และ Tablet ที่ใช้ได้ทั้งนักเรียนนักศึกษาและคนวัยทำงาน      

‘ทับทิม’ ฝ่าย Production กล่าวว่า “แน่นอนว่าข้อแม้แรกคือเราต้องค้นหาหนังเทียมคุณภาพดี ตรงกับคุณสมบัติคือสวยงาม เหมาะกับการใช้งาน จุของได้เยอะ และไม่ทำร้ายธรรมชาติ จนมาเจอ Vegan Lather หรือหนังเทียมใยพืช ที่ผลิตจากการแปรรูปพืชผักผลไม้เหลือใช้ สามารถทดแทนหนังสัตว์ได้จริง    

“พอผลิตภัณฑ์เป็นกระเป๋า แล้วมีจุดเด่นที่การใช้หนังที่ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ เราก็ตกลงกันว่าจะตั้งชื่อแบรนด์ว่า ‘Keep’ หมายถึงประโยชน์ในการใช้เก็บของ และโยงไปถึงคุณสมบัติของวัสดุที่ไม่ก่อมลพิษเหมือนกับหนังเทียมประเภทอื่น เป็นการเก็บรักษาโลกใบนี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไปอีกนาน ๆ” ‘แตมมี่’ จากฝ่าย Marketing ระบุ  

ส่วน ‘หยก’ ทีม PR ของแบรนด์ เสริมว่า “ที่เราเลือกให้ผลิตภัณฑ์เป็นวัสดุธรรมชาติ มีขั้นตอนการผลิตที่คลีนที่สุด และทำร้ายโลกใบนี้ให้น้อยที่สุด เพราะโลกคือที่ที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ จึงอยากรักษาเอาไว้ และช่วยกันทำให้ดีขึ้น อย่างที่ทุกคนทราบอยู่แล้วว่าวันนี้โลกเราต้องเจอกับปัญหามากมาย ทั้งภาวะโลกร้อน ทะเลเต็มไปด้วยขยะพลาสติก ไฟป่า PM 2.5 หรือมีสัตว์มากมายที่ต้องถูกทำร้าย ดังนั้น แม้เป้าหมายของธุรกิจการค้าจะเป็นการมุ่งไปที่ผลกำไร แต่ก็อยากให้ทุกคนคำนึงว่าการทำกำไรนั้นก็ไม่ควรทำให้โลกเสียหายเพิ่มขึ้นไปอีก”

15% สมทบ กสศ. หวัง ‘การศึกษา’ เป็นเครื่องมือเปลี่ยนแปลงสังคม

‘ออม’ เล่าว่า หลังจากที่โปรเจคท์เริ่มราวเดือนพฤศจิกายน 2564 จน Keep ได้ปิดรอบแรกของการขายเมื่อสิ้นสุดปีการศึกษาในเดือนกุมภาพันธ์ ทีมงานทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า จะยกรายได้ 15% ของแบรนด์ ร่วมกับ 45% จากค่า Commission พนักงาน คิดเป็นเงินทั้งหมด 10, 069 บาท มอบให้กับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อนำไปทำภารกิจในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ด้วยเชื่อว่าสังคมจะดีขึ้นได้ ถ้า ‘โอกาส’ และ ‘คุณภาพการศึกษา’ ครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่ของประเทศในวันหนึ่ง

‘หยก’ เสนอแนวคิดเรื่องคุณภาพการศึกษาว่า “แม้เติบโตในกรุงเทพ ฯ แต่พื้นเพครอบครัวหนูมาจากต่างจังหวัด ทำให้มีโอกาสเดินทางบ่อย และเห็นว่าในหลายพื้นที่ยังมีคุณภาพการศึกษาที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่มาก และสิ่งนี้เองที่สะท้อนถึงคุณภาพชีวิตผู้คน หนูเชื่อว่าถ้าเด็กทุกคนได้รับโอกาสมีการศึกษาที่ดี ไม่เพียงแต่เขาจะดูแลตัวเองได้ แต่มันจะส่งผลต่อการเติบโตทางความคิดไปสู่ระดับ Critical Thinking หรือการคิดเชิงวิพากษ์ รวมถึงการใช้เหตุผลในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งจะมีส่วนอย่างมากในการที่ทำให้ประชากรมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”  

ส่วน ‘ทับทิม’ กล่าวว่า “นอกจากชีวิตในโรงเรียน ครอบครัวและโรงเรียนยังพาเราไปเห็นความแตกต่างของชีวิต เช่นในสถานเด็กกำพร้า หรือในบ้านพักผู้สูงอายุ และพ่อกับแม่จะบอกเราเสมอว่า วันนี้เรามีโอกาสได้เรียน มีโอกาสได้ต่อยอดชีวิต ดังนั้น ภารกิจหนึ่งที่เราต้องทำคือส่งต่อโอกาสออกไป ซึ่งเราคิดว่าเรื่องการศึกษาคือพื้นฐานสำคัญที่สุดในการนำพาชีวิต ไม่ว่าจะการเรียนต่อในระดับสูง หรือจะเป็นการเรียนสายอาชีพก็ตาม เราเชื่อว่าการศึกษาจะช่วยเหลือผู้คนได้จริง ๆ”

ทางด้าน ‘แตมมี่’ กล่าวว่า “หลายคนในสังคมอาจยังไม่รู้ว่าในความแตกต่างของโอกาสในชีวิต มีใครหลายคนที่เขามีความตั้งใจ มีความอยากรู้ อยากเรียน อยากได้โอกาสในการพัฒนาตัวเอง โดยทั้งที่จริงแล้วเขาเองก็มีความสามารถ หรือมีศักยภาพภายในที่ดีกว่าคนอีกมากมายซึ่งมีโอกาสมากกว่าเขาเสียอีก ดังนั้น การมอบเงินส่วนหนึ่งจากผลิตภัณฑ์ Keep ครั้งนี้ พวกเราหวังว่าจะเป็นเงินทุนก้อนหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้คนที่แตกต่างหลากหลายเหล่านี้ มีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์ย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงประเทศของเราในระยะยาว”

สำหรับผู้สนใจ ‘Keep’ แบรนด์กระเป๋าหนังเทียมที่มีให้เลือก 4 สี จากน้อง ๆ สาธิตเกษตรศาสตร์ IP สามารถติดตามได้ที่ Instargram: IG@keep.ku (Bkk.Thailand) หรือ Line: @134osnii

ส่วนหลังจากได้อันดับ 1 รายการ JA Thailand Company Program น้อง ๆ จะได้ไปลุ้นกันต่อในระดับนานาชาติ กับการแข่งขัน JA Asia Pacific ในเดือนพฤศจิกายน 2022 นี้ ขอเชิญทุกคนมาร่วมเป็นกำลังให้กับ ‘Keep’ ไปด้วยกัน