“น้ำท่วมยาวนาน การเรียนรู้ต้องไม่หยุด” โรงเรียนเล็กอยุธยารับฟังการแนะนำแพลตฟอร์ม Mobile School วางแนวทางจัดการเรียนรู้ต่อเนื่อง ไม่ให้เด็กหลุดจากระบบ

“น้ำท่วมยาวนาน การเรียนรู้ต้องไม่หยุด” โรงเรียนเล็กอยุธยารับฟังการแนะนำแพลตฟอร์ม Mobile School วางแนวทางจัดการเรียนรู้ต่อเนื่อง ไม่ให้เด็กหลุดจากระบบ

สถานการณ์น้ำท่วมอย่างยาวนานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงส่งผลกระทบรุนแรงต่อสถานศึกษาในหลายพื้นที่ โดยข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ระบุว่า ขณะนี้มีโรงเรียนได้รับผลกระทบแล้วกว่า 85 แห่ง ทำให้เด็กนักเรียนจำนวนมากมีความเสี่ยงขาดช่วงการเรียนรู้ และอาจหลุดออกจากระบบการศึกษาในช่วงที่โรงเรียนไม่สามารถเปิดสอนได้ตามปกติ

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ. และสมาคมศูนย์การเรียนโดยองค์กรชุมชนและองค์กรเอกชน จัดประชุมออนไลน์เพื่อแนะนำการใช้งานแพลตฟอร์ม Mobile School และร่วมออกแบบแนวทางการจัดการเรียนรู้ต่อเนื่องกับโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่น้ำท่วม ประกอบด้วย โรงเรียนประชากรรังสฤษฏ์ อำเภอบางบาล, โรงเรียนวัดน้ำเต้า (อุดมราษฎร์นิมิต) อำเภอบางบาล, โรงเรียนวัดเชิงท่าบางปะอิน อำเภอบางปะอิน และ โรงเรียนวัดท่าดินแดง อำเภอผักไห่ ซึ่งโรงเรียนทั้งนี้มีจำนวนนักเรียนระหว่าง 39–90 คน

การประชุมครั้งนี้เป็นการรับฟังสถานการณ์จริงจากพื้นที่ และหารือถึงแนวทางที่โรงเรียนสามารถจัดการได้ตามบริบท เช่น ON-SITE, ON-AIR, ON-DEMAND และ ONLINE รวมถึงการแนะนำแพลตฟอร์ม Mobile School ซึ่งเป็นเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาที่ยืดหยุ่นสำหรับนักเรียนรายบุคคล และสนับสนุนโรงเรียนในช่วงภาวะวิกฤต

ที่ประชุมได้รับฟังความต้องการเร่งด่วนของโรงเรียน เช่น สื่อการเรียนรู้ ใบงาน รวมถึงการสนับสนุนอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ต เพื่อให้สามารถนำ Mobile School ไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์

ครูและผู้บริหารโรงเรียนเล็กในพื้นที่อยุธยาให้ข้อมูลว่า น้ำท่วมที่ยืดเยื้อทำให้การจัดการเรียนการสอนประสบความยากลำบากอย่างมาก การมีเครื่องมืออย่าง Mobile School ช่วยให้โรงเรียนสามารถวางแนวทางจัดการเรียนรู้ทดแทนการมาเรียนได้อย่างเป็นระบบ

อย่างไรก็ตาม ยังพบข้อจำกัดสำคัญ เช่น นักเรียนกว่า 80–90% ต้องใช้สมาร์ตโฟนร่วมกับผู้ปกครองที่ต้องออกไปทำงาน ทำให้ต้องรอผู้ปกครองกลับบ้านจึงจะสามารถเรียนได้ ขณะที่บางครอบครัวยังไม่มีสมาร์ตโฟนหรืออินเทอร์เน็ตใช้งานเลย

เพื่อแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ในระยะเร่งด่วน กสศ. เตรียมบูรณาการความร่วมมือกับ มูลนิธิกระจกเงา สนับสนุนอุปกรณ์สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และอินเทอร์เน็ต ขณะที่ สพฐ. และสมาคมศูนย์การเรียนฯ จะจัดหาสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับช่วงวัย เช่น หนังสืออ่านง่าย ใบงานที่สอดคล้องกับตัวชี้วัดรายวิชา และสื่อวิดีโอสั้น 5–10 นาที เพื่อช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้อย่างสนุกและไม่เครียด พร้อมสนับสนุนการใช้ครู AI เพื่อช่วยดูแลการเรียนรู้รายบุคคล โดยทุกฝ่ายตั้งเป้าให้นักเรียนเข้าถึงการเรียนรู้ได้ภายในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ การพัฒนาระบบและเครื่องมือสนับสนุนการศึกษาที่ยืดหยุ่นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เผชิญภัยพิบัติซ้ำซาก เพื่อคุ้มครองสิทธิการเรียนรู้ของเด็กทุกคน และป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาเพราะเหตุสุดวิสัย กสศ. และภาคีเครือข่ายจะขยายการให้ความรู้และการแนะนำแพลตฟอร์ม Mobile School ไปยังพื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเสริมความพร้อมของโรงเรียนในการจัดการเรียนรู้ต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ต่อไป