ช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจว่าจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรีหรือไม่เรียน คือจุดที่ ‘เบนซ์’ พิชญาธรรม ย่องหิ้น คิดหนักและใช้เวลาทบทวนอยู่นาน เพราะเธอรู้ดีว่าการเลือกเรียนต่อหมายถึงแม่จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายจำนวนมากอีกหลายปี และเมื่อคิดคำนวนรายได้จากงานแม่บ้านของแม่เพียงลำพัง ก็ยิ่งรู้สึกว่าการเรียนต่ออาจกลายเป็น “ภาระ” มากกว่า “ทางออก” ของครอบครัว
แต่นั่นคือเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน เพราะวันนี้เบนซ์คือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีของโรงแรมระดับห้าดาวย่านสุขุมวิท ใจกลางกรุงเทพฯ เธอกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า
“ตอนนี้หนูเป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัว เพราะเป็นคนที่เรียนจบปริญญาตรี ได้ทำงานค่อนข้างมั่นคง และมีรายได้มากที่สุดของบ้าน”
จุดเปลี่ยนชีวิตจาก “ทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ
เส้นทางชีวิตของเบนซ์เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงเมื่อเธอได้รับการสนับสนุนใน โครงการทุนพัฒนาเต็มศักยภาพสายอาชีพ หรือ ทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ กสศ. ทุนนี้ไม่เพียงเติมเต็มโอกาสให้เรียนต่ออย่างมั่นใจ แต่ยังทำให้เธอกล้าฝันถึงอนาคตที่ดีกว่า โดยไม่ต้องกังวลอีกว่า แม่จะต้องแบกรับทุกความยากลำบากเพื่อให้ลูกได้เรียน
“แม่หนูเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำงานเป็นแม่บ้าน เงินเดือนไม่มากแต่ต้องดูแลลูกสามคน ท่านสอนเสมอว่าการศึกษาเป็นหนทางเปลี่ยนชีวิต หนูจึงตั้งใจเรียนและพยายามมาตลอด จนรักษาเกรดได้ดีและได้รับทุนจากโรงเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องทำงานพาร์ตไทม์เพื่อช่วยค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะเมื่อเรียนสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งสูงตาม ขณะเดียวกันความรับผิดชอบต่อการเรียนก็ยิ่งหนักขึ้น”
แรงศรัทธาใน “สายอาชีพ” และความพยายามไม่หยุดยั้ง
เมื่อถึงช่วงเรียนระดับ ปวช. เบนซ์เลือกเรียนสาขาการโรงแรม เพราะชอบที่สามารถนำความรู้ไปใช้ทำงานได้ตั้งแต่ยังเรียน โดยเฉพาะงานพาร์ตไทม์หรือ งานแคชชวล (Casual) ซึ่งช่วยให้มีรายได้เสริม เธอทำงานเป็นกะตั้งแต่ตอนนั้นจนมีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาจะเข้ามหาวิทยาลัย เธอก็รู้ว่าเงินเก็บอาจไม่พอ และไม่อยากให้แม่ต้องรับภาระเพิ่ม
แต่ถึงอย่างนั้น เบนซ์ยังคงเลือกเรียนต่อ เพราะเชื่อว่า “ถ้าพยายามพอ ท้ายที่สุดผลลัพธ์ดี ๆ จะต้องมาถึง”
เบนซ์กู้เงินเรียนในปีแรกที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศูนย์พณิชยการพระนคร สาขาการโรงแรม และเมื่อขึ้นปีสอง ด้วยผลการเรียนที่ดีและความมุ่งมั่น เธอได้รับเลือกเป็นนักศึกษาทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ ซึ่งช่วย ‘ปลดล็อก’ ภาระค่าใช้จ่าย และเปิดโอกาสให้เธอทุ่มเทให้กับการเรียนได้อย่างเต็มที่
“ตั้งแต่ได้ทุน เราไม่มีเรื่องกังวลอีกเลย แถมยังเป็นครั้งแรกที่เลือกได้ว่าบางช่วงจะเรียนอย่างเดียวโดยไม่ทำงานไปด้วย จนในที่สุดก็จบปริญญาตรีอย่างที่ตั้งใจ”

จากนักศึกษาฝึกงาน สู่ “มืออาชีพ” ด้านบัญชีโรงแรม
หลังเรียนจบ เบนซ์ตัดสินใจทำงานกับโรงแรมที่เธอเคยฝึกงาน ซึ่งเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้หลายแผนก แต่สิ่งที่เธอหลงใหลที่สุดคือ ‘งานบัญชี’ จึงตั้งใจเรียนรู้จากรุ่นพี่และสั่งสมประสบการณ์จนชำนาญขึ้น หลังจากทำงานมา 1 ปี 6 เดือน วันนี้เธอมั่นใจว่าตัวเองมีความเชี่ยวชาญในระดับหนึ่ง และตั้งเป้าจะพัฒนาตัวเองต่อไปเพื่อเติบโตในสายงานนี้
“ตอนนี้เราอยู่ในขั้นเตรียมโปรโมตให้รับงานสำคัญมากขึ้น ถ้ามองย้อนกลับไป หนูเชื่อว่าความตั้งใจกับทุกสิ่งที่ทำมาตลอด กำลังส่งผลต่อชีวิตเราโดยตรง โดยเฉพาะการเรียนที่เป็นเหมือนสนามฝึกให้เราพร้อมกับโลกการทำงานจริง ทั้งการจัดการ ความรับผิดชอบ การทำเอกสารต่าง ๆ ทั้งหมดนั้นคือต้นทุนที่เราเอามาใช้งานจริงได้ทั้งหมดในตอนนี้”
“ทุนการศึกษา” คือแรงผลักให้ไปถึงเป้าหมาย
จากประสบการณ์ตรง เบนซ์ยืนยันว่า “การศึกษาเป็นเครื่องมือเปลี่ยนชีวิต” และ “ทุนการศึกษา” คือแรงส่งสำคัญสำหรับเด็กที่ขาดแคลนและอยากเรียนหนังสือ เพราะช่วยให้มีความพร้อมเดินบนเส้นทางการศึกษาได้จนสุดทาง ทั้งนี้ เธอเชื่อว่าระบบการศึกษาควรมีความยืดหยุ่นและคำนึงถึงความแตกต่างของแต่ละคน
“เด็กแต่ละคนมีความเก่งและถนัดไม่เหมือนกัน ถ้าระบบสามารถช่วยให้ทุกคนค้นพบสิ่งที่ตัวเองถนัด โดยประเมินความสามารถจากพอร์ตโฟลิโอไม่ใช่แค่การสอบ โอกาสจะประสบความสำเร็จก็ยิ่งมากขึ้น
“อีกอย่างหนึ่งคือฐานะหรือสถานะไม่ควรเป็นข้อจำกัด และทุนทุกประเภทมีความหมายมาก ๆ สำหรับผู้ขาดโอกาส ไม่ว่าจะทุนเรียนดี ทุนเพื่อเด็กด้อยโอกาส ทุนฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือในกรณีต่าง ๆ การสนับสนุนอาหารกลางวัน ความช่วยเหลือเรื่องรถรับส่ง ตลอดจนทุนสนับสนุนการทำโครงงานหรือนวัตกรรม เหล่านี้ล้วนคือตัวช่วยที่จะทำให้ทุกคนไปถึงเป้าหมายได้ค่ะ”
จากเด็กธรรมดาที่เคยลังเลว่าจะเรียนต่อดีไหม วันนี้ ‘เบนซ์’ พิชญาธรรม ย่องหิ้น คือ เสาหลักของครอบครัว และคือหนึ่งในหลักฐานที่ยืนยันว่า “หลักประกันโอกาสทางการศึกษา” สามารถเปลี่ยนชีวิตคนหนึ่งคนได้จริง และเมื่อเปลี่ยนชีวิตคนหนึ่งได้ ก็เปลี่ยนอนาคตของทั้งครอบครัวได้เช่นกัน