สพฐ. สานพลัง กสศ. ขยายฐานความช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษ

สพฐ. สานพลัง กสศ. ขยายฐานความช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษ

สพฐ.สานพลัง กสศ. ขยายฐานความช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษตั้งแต่ระดับอนุบาลม.ต้น ทั่วประเทศ และบูรณาการข้อมูลความช่วยเหลือคัดกรอง ขณะที่กสศ.เพิ่มประสิทธิการจ่ายเงิน ดึงธนาคาร ธกส.​ออมสิน ช่วยเปิดบัญชีศูนย์บาทไร้ค่าทำเนียมให้เด็กนร.ยากจนพิเศษ พร้อมยืดหยุ่นกระบวนการคัดกรองช่วงโควิด-19 และเปิดโอกาสให้ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์เทอมที่แล้วสามารถยื่นเรื่องใหม่ได้ทันทีไม่ต้องรอ 3 ปีตามเกณฑ์ปกติ

สพฐ.-กสศ. ขยายช่วย นร.ยากจนพิเศษ ตั้งแต่อนุบาล-ม.ต้น ทั่วประเทศ บูรณาการข้อมูลช่วยเหลือคัดกรอง ดึง ธ.ก.ส.-ออมสิน เปิดบัญชีศูนย์บาทไร้ค่าธรรมเนียมให้เด็ก ยืดหยุ่นกระบวนการคัดกรองช่วงโควิด-19 เปิดโอกาสผู้ไม่ผ่านเกณฑ์เทอมก่อน ยื่นเรื่องใหม่ได้ ไม่ต้องรอ 3 ปีตามเกณฑ์

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2563สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดประชุมชี้แจงการดำเนินงานการขอรับเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ให้แก่เขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 225 เขต และครูโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ทั่วประเทศ ผ่านระบบ Teleconferenc

นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวเปิดการประชุมผ่านระบบ Teleconference ว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สพฐ. ร่วมกับ กสศ. ปฏิรูปกระบวนการคัดกรองนักเรียนยากจน และปฏิรูปวิธีจัดสรรงบประมาณเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และได้รับความร่วมมือจากเขตพื้นที่การศึกษา ผอ. ครู กว่า 4 แสนคน ในการระดมขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาให้กับนักเรียนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์มาอย่างดี ทำให้ สพฐ. มีเครื่องมือการคัดกรองและช่วยเหลือนักเรียนยากจนได้กว่า 1.7 ล้านคน รวมทั้งได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจาก กสศ.อีกคนละ 3,000 บาท/คน/ปี จำนวน 740,000 กว่าคน ครอบคลุมโรงเรียนกว่า 27,512 โรงเรียน

“สำหรับในปีการศึกษา 2563 สพฐ. และ กสศ. ได้ขยายผลการพัฒนาและบูรณาการร่วมกัน ทั้งความช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษ ตั้งแต่ระดับอนุบาล-ม.ต้น ทั่วประเทศ ให้ได้รับการช่วยเหลือเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข นอกจากนี้ ยังบูรณาการการบันทึกข้อมูลเพื่อเยี่ยมบ้านและบันทึกข้อมูลการคัดกรองไว้ในระบบเดียวกัน โดยบันทึกข้อมูลครั้งเดียวสามารถนำไปใช้สำหรับเรื่องการเยี่ยมบ้านและการคัดกรองได้เลย” นายกวินทร์เกียรติ กล่าว

รองเลขาธิการ สพฐ. กล่าวอีกว่า ความร่วมมือระหว่าง สพฐ. และ กสศ. ถือว่าประสบความสำเร็จในการปฏิรูปการจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา แต่นักเรียนกลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงด้านอื่นๆ เช่น สุขภาพ การเรียนรู้ พฤติกรรม เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยทำให้หลุดออกจากระบบการศึกษา สพฐ.จึงขอความร่วมมือจาก กสศ. ในการทำองค์ความรู้และวิจัยพัฒนาหาแนวทางส่งต่อการดูแลเพื่อให้ สพฐ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือนักเรียนยากจนได้อย่างครอบคลุม ทั้งนี้ ขอขอบคุณเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา ครู ที่เป็นกำลังสำคัญจะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ ประโยชน์เกิดแก่นักเรียน และขอบคุณ กสศ. หน่วยงานใหม่ของประเทศ ที่เข้ามามีบทบาทเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ ช่วยสนับสนุนและเติมเต็มแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้กับประเทศไทย

ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า กระบวนการคัดกรองนักเรียนยากจนพิเศษในส่วนของนักเรียนกลุ่มใหม่ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล สังกัด สพฐ. กรณีที่บางพื้นที่มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ให้คุณครูสามารถใช้วิธีการสำรวจ/สอบถามข้อมูลจากผู้ปกครอง โดยผู้ปกครอง หรือ ครูส่งรูปถ่าย หรือข้อมูลเข้ามาในระบบได้ และในวันที่มารับเงินให้เซ็นรับรองความถูกต้องของข้อมูลได้ ส่วนเรื่องการเซ็นรับรองเอกสารที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐสามารถส่งเอกสารมาทางไปรษณีย์ได้เช่นกัน โดย สพฐ.-กสศ. เปิดระบบให้คัดกรองเข้ามาได้ระหว่างวันที่ 9-26 ก.ค. 63 โดยในภาคเรียนที่ 1/2563 จะคัดกรองนักเรียนที่ได้รับเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนจาก สพฐ. ครบรอบ 3 ปี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2560 และนักเรียนกลุ่มที่ยังไม่เคยได้รับทุนตั้งแต่อนุบาล-ม.ต้น ทั่วประเทศ

“ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์คัดกรองนักเรียนยากจนพิเศษเมื่อเทอมที่ผ่านมา สามารถยื่นสมัครเข้ามาใหม่ได้ทันที เพราะเชื่อว่ามีเด็กและผู้ปกครองจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการโควิด-19 กสศ. ต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อป้องกันการเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยผู้ที่ผ่านการคัดกรองเป็นนักเรียนยากจนพิเศษในปีนี้จะได้รับจัดสรรทุนเสมอภาคทันทีจำนวน 2,000 บาท ในเทอม 1/2563 เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครอบครัว ส่วนที่เหลืออีก 1,000 บาท จะจัดสรรให้ในเทอม 2/2563 ที่สำคัญ ปีนี้ กสศ. ได้รับความร่วมมือจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน มอบสิทธิพิเศษให้กับนักเรียนยากจนพิเศษที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปี สามารถเปิดบัญชีธนาคารศูนย์บาท ไร้ค่าธรรมเนียมและสมัครบริการพร้อมเพย์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งส่งผลให้การจัดสรรเงินอุดหนุนในเทอมหน้าจะเน้นโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของนักเรียน เพื่อความโปร่งใส และลดภาระของโรงเรียน ที่สำคัญเงินมุ่งตรงไปที่ตัวเด็กโดยตรง ทำให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” รองผู้จัดการ กสศ. กล่าว

นางสาวนุชนาถ ปรีชาชนะชัย รองผู้อำนวยการฝ่ายเงินฝาก ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส. ดีใจที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมสนับสนุนการทำงานของ กสศ. ในการที่จะให้บริการและอำนวยความสะดวกให้นักเรียนยากจนพิเศษสามารถรับเงินอุดหนุนผ่านพร้อมเพย์ได้ เบื้องต้นธนาคารมอบสิทธิพิเศษให้เด็กนักเรียนสามารถเปิดบัญชีศูนย์บาทได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ จะมีการอบรมและให้ความรู้ทางการเงินกับน้องๆ ด้วย เพื่อให้เด็กใช้เงินที่ได้รับมาให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด

นางนวารี จาตกะวร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดเงินฝาก ธนาคารออมสิน กล่าวว่า เพื่อเป็นการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนยากจนพิเศษ ธนาคารออมสิน ยินดีที่จะบริการเปิดบัญชีออมทรัพย์ โดยที่ไม่ต้องฝากเงินให้กับนักเรียนที่ได้รับทุนจาก กสศ. รวมถึงจะมอบสิทธิพิเศษยกเว้นค่ารักษาบัญชีในกรณีที่เด็กไม่มาติดต่อทำธุรกรรมทางการเงินเป็นเวลานานๆ และกรณีมีเงินฝากไม่ถึงเกณฑ์ให้กับนักเรียนที่อายุไม่ถึง 20 ปี ทั้งนี้ ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานไปติดต่อขอเปิดบัญชีศูนย์บาทได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ