พม.–กสศ. ใช้ระบบ พม. Smart และ Thailand Zero Dropout ช่วยเหลือเด็กเยาวชนหลุดจากระบบกว่า 10,000 คนกลับมาเรียน
พร้อมลงนาม MOU เสริมกลไกการดูแลและคุ้มครองสิทธิทางการศึกษา

พม.–กสศ. ใช้ระบบ พม. Smart และ Thailand Zero Dropout ช่วยเหลือเด็กเยาวชนหลุดจากระบบกว่า 10,000 คนกลับมาเรียน พร้อมลงนาม MOU เสริมกลไกการดูแลและคุ้มครองสิทธิทางการศึกษา

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) แถลงความสำเร็จ “10,000 ชีวิตได้กลับมาเรียน” จากการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบางที่หลุดจากระบบการศึกษาผ่านระบบ พม. Smart และ Thailand Zero Dropout พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อยกระดับกลไกการดูแลและคุ้มครองสิทธิทางการศึกษา และกดปุ่มความพร้อมโอนเงินสนับสนุนการกลับเข้าสู่การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะอาชีพแก่เด็กที่ได้รับการค้นพบ

ภายในงานมีผู้ร่วมแถลงและเป็นสักขีพยาน ได้แก่ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. พร้อมคณะผู้บริหาร, ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ., นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ., ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั้ง 76 จังหวัด และนักวิจัยจากมูลนิธิศูนย์วิจัยและติดตามความเป็นธรรมทางสุขภาพ เข้าร่วมทั้งแบบ Onsite และออนไลน์

นายอนุกูล ปีดแก้ว กล่าวว่า กระทรวง พม. มีเป้าหมายสร้างสังคมที่ประชาชนทุกกลุ่มได้รับการพัฒนาและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยได้พัฒนาระบบ พม. Smart ร่วมกับ กสศ. มาตั้งแต่ปี 2565 เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและสร้างโอกาสทางการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ ลดความซ้ำซ้อน และทำให้การช่วยเหลือรายบุคคลแม่นยำยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันนโยบาย Thailand Zero Dropout ที่ผลักดันโดย กสศ. ได้ถูกยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อลดจำนวนเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาผ่าน 4 มาตรการหลัก ได้แก่ การค้นหาและติดตาม, การช่วยเหลือและส่งต่อ, การจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น และการประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยล่าสุด มีเด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบางจากระบบ พม. Smart จำนวน 7,322 คน ที่จะได้รับการสนับสนุนจาก กสศ. ทั้งค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาและการฝึกทักษะอาชีพ

“การพาเด็กเยาวชนกลับเข้าสู่การศึกษาเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นเหมาะสม คืองานเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันผลักดัน ไม่ใช่ภารกิจของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง แต่คือวาระสำคัญระดับชาติ จึงขอฝาก พมจ. และคณะทำงาน One Home ทุกจังหวัด ร่วมขับเคลื่อนงานนี้ให้สำเร็จ” ปลัด พม. กล่าว

ด้าน ดร.ไกรยส ภัทราวาท กล่าวว่า ความร่วมมือของทุกหน่วยงานทำให้จำนวนเด็กนอกระบบการศึกษาลดลงจากกว่า 1.02 ล้านคนในปี 2566 เหลือประมาณ 880,000 คนในปี 2568 ถือเป็นความก้าวหน้าที่สะท้อนพลังของการบูรณาการข้อมูลจากทุกหน่วยงาน

“ผลการศึกษาสถานการณ์ทางสังคมโดยมูลนิธิศูนย์วิจัยและติดตามความเป็นธรรมทางสุขภาพ พบว่าเด็กเยาวชนกลุ่มเปราะบางมักประสบปัญหาซ้ำซ้อน บางกรณีเผชิญปัญหารุนแรง ต้องได้รับการดูแลเป็นรายกรณี การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง พม. Smart และฐานข้อมูล Thailand Zero Dropout จะช่วยให้การช่วยเหลือเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ผู้จัดการ กสศ. ยังเผยว่า เด็กเยาวชนที่ถูกพบจากระบบ พม. Smart และ Thailand Zero Dropout จำนวน 7,322 คน จะได้รับเงินสนับสนุนการกลับเข้าสู่การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะอาชีพจาก กสศ. จำนวน 4,000 บาทต่อคน และผู้จัดการรายกรณีจะได้รับเงินสนับสนุนในการสำรวจดูแลเด็ก จำนวน 1,000 บาทต่อราย เพราะการดูแลเด็กเยาวชนกลุ่มเปราะบาง จำเป็นต้องอาศัยระบบสนับสนุนรายบุคคลและความร่วมมือใกล้ชิดจาก พมจ. และทีม One Home ในทุกจังหวัด เพื่อให้การดูแลรายบุคคลครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านสังคม การศึกษา และการดำรงชีวิต

“กสศ. พร้อมทำงานกับเครือข่ายวิชาการ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมการศึกษาที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ รวมถึงการติดตามและประเมินผลเพื่อปรับปรุงแนวทางช่วยเหลือให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เป้าหมายคือการสร้างโอกาสการศึกษาให้เด็กทุกคน ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ” ผู้จัดการ กสศ. กล่าวสรุป