‘พิทักษ์พันธุ์ปูม้า’ โจทย์การเรียนรู้บริบทโรงเรียนบ้านแหลมไทร จังหวัดตรัง ปั้นนวัตกรน้อยนักแก้ปัญหา

‘พิทักษ์พันธุ์ปูม้า’ โจทย์การเรียนรู้บริบทโรงเรียนบ้านแหลมไทร จังหวัดตรัง ปั้นนวัตกรน้อยนักแก้ปัญหา

การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ไม่ว่าจะในเมืองหรือชนบท ในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียน อยู่ที่จะหยิบโจทย์อะไรมาเป็นสารตั้งต้น พัฒนาและต่อยอดไปสู่การนำไปใช้จริง อย่างเช่นการหยิบทรัพยากรในชุมชนที่ใกล้ตัวเด็กๆ มาตั้งเป็นโจทย์ในการเรียนรู้ เพื่อให้ในอนาคตพวกเขาสามารถอยู่ร่วมและอยู่รอดในชุมชนได้

เปิดห้องเรียน ครูภณิดา ชูช่วยสุวรรณ ครูผู้สอนวิชาสังคมศึกษาชั้นป.4 โรงเรียนบ้านแหลมไทร อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง กับหน่วยการเรียนรู้สิ่งแวดล้อมกายภาพในจังหวัด ที่ชวนเด็กๆ มาเรียนรู้ของดีในชุมชน สร้างพื้นที่การเรียนรู้นอกห้องเรียน ไปจนถึงปั้นนวัตกรตัวน้อยๆ ที่สร้างนวัตกรรมแก้ปัญหาปากท้องในชุมชน

จุดเริ่มต้นปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน สู่ห้องเรียน Active Learning

ห้องเรียนของครูภณิดาเป็นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนด้วย ‘หลักสูตรโครงงานนวัตกรรมจากประสบการณ์โลก (Phenomenal Based Learning: IP2)’ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักสูตรของโครงการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยสำนักพัฒนาคุณภาพครูและสถานศึกษา กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้ครูที่เข้าอบรมสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปปรับ ประยุกต์ และต่อยอด เพื่อใช้ในการออกแบบการเรียนรู้ให้กับนักเรียน จุดเริ่มต้นจึงเกิดจากการที่ได้ไปอบรมในหลักสูตรของโครงการที่ว่านี้ 

“พอนำมาใช้กับโรงเรียนจริงๆ เราก็ปรับกระบวนการให้มันเหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนเรา และยังคงเป็นการศึกษาภูมิศาสตร์ เพราะเราเป็นครูสังคมศึกษา ภูมิศาสตร์ของแหลมไทรเป็นชายฝั่งทะเล แล้วก็มีทรัพยากรทางทะเล ทีนี้พอเราลงสำรวจปัญหา พานักเรียนลงพื้นที่ ปัญหาที่พบของเราหลักๆ เลยคือปูม้าที่เป็นของดีของแหลมไทร ตอนนี้มีจำนวนลดลง ซึ่งทรัพยากรทางทะเลถ้ามันลดลงก็จะมีผลกับสภาวะเศรษฐกิจของครอบครัวเขา”

สำหรับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการเรียนรู้ของนักเรียนที่ครูภณิดาตั้งไว้นั้น เน้นไปที่การให้เด็กรู้จักสภาพแวดล้อมในชุมชน มองเห็นปัญหา และรู้จักคิดหาทางแก้ปัญหา รวมไปถึงตระหนักถึงการอนุรักษ์และหวงแหนทรัพยากรในพื้นที่ เพื่อความเป็นอยู่ในอนาคต 

“เนื่องจากเป็นโครงงานนวัตกรรมจากประสบการณ์โลก ประสบการณ์โลกของเด็กที่นี่ก็คือ ปัญหาที่เขาพบและเลือกมาแล้วว่าอยากแก้ก็คือ ปูม้าที่ลดลง ดังนั้นวัตถุประสงค์หลักๆ เลยคือ ทำยังไงให้ทรัพยากรปูม้ามีเพิ่มมากขึ้น”

6 ขั้นตอนการเรียนรู้เชื่อมโยงกับชุมชน

หัวใจสำคัญในการจัดการเรียนรู้ในหน่วยนี้ของแหลมไทรก็คือ ให้เด็กแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน และสร้างนวัตกรรมได้ด้วยกระบวนการ Phenomenon-based learning การเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐาน และ Problem-based Learning การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน นอกจากนี้ยังผสมผสานกับ Project Approach หรือการทำโครงงานด้วย โดยครูภณิดาออกแบบการเรียนรู้ใน 6 ขั้นตอน ดังนี้ 

ขั้นแรกแหลมไทรอะไรดี?’ ครูหย่อนโจทย์ให้เด็กระดมสมอง เพื่อกำหนดสถานการณ์ปัญหาหรือปรากฏการณ์ที่จะนำมาใช้ในการเรียนรู้ และเป็นการประเมินระดับความคิด 

ขั้นที่สอง ‘ตามมาจะพาไปล่องทะเล’ เป็นการคิดประเด็นสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อให้เด็กมองเห็นภาพที่ชัดขึ้น ครูจึงพาลงสำรวจพื้นที่ชุมชนบ้านแหลมไทร ทำหน้าที่เป็นโค้ช เพราะว่าการเรียนรู้จะเรียนรู้ได้ดีเมื่อทำให้ผู้เรียนอยากจะเรียนรู้ และอยากหาคำตอบในสิ่งที่อยากรู้ นอกจากนี้ต้องอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เช่น ปราชญ์ชาวบ้าน 

“เพราะความรู้มันไม่ได้จำกัดอยู่ในห้องเรียน เขาเอาปัญหาจากชุมชน แล้วบางทีการแก้ปัญหาคนที่รู้ดีมากกว่าคุณครูก็คือคนในชุมชน ดังนั้นเราต้องเป็นทั้งโค้ช ทั้งผู้อำนวยความสะดวกให้เขา แล้วก็เป็นผู้ที่จุดประกายให้เขาได้คิด บางทีต้อง เอ๊ะ! ไปเรื่อยๆ ให้เขาได้สงสัย” 

“ตอนเราไปลงพื้นที่เราต้องชวนเด็กมองในสิ่งที่เขาอาจจะมองข้าม เช่น ป่าชายเลนมีต้นพังกางอกออกมา ซึ่งเขาอาจจะมองไม่เห็นหรือเขาเห็นทุกวันจนไม่ได้สังเกต เราต้องเอ๊ะ! นี่อะไรนะ แล้วตรงนี้แค่มีต้นไม้แค่ต้นเดียวมีสัตว์อะไรอยู่บ้าง เราต้องชี้ เราต้องแนะเขานิดนึงให้เขาได้เห็น ได้สังเกต ถ้าเขาได้เห็นอะไรจากพื้นที่จริงๆ ทำให้เขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์มากขึ้น”

ในขั้นที่สาม ‘หนูน้อยนักอนุรักษ์ พิทักษ์พันธุ์ปูม้า’ กลับเข้ามาสู่ห้องเรียน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่าแต่ละคนมองเห็นอะไรที่เป็นจุดเด่นของชุมชน และอะไรที่เป็นปัญหาที่เจอ เพื่อนำมาวางแผนพัฒนาตนเองร่วมกัน โดยใช้เครื่องมือ FILA Map ในการจัดระบบความคิดที่กระจัดกระจายให้เป็นกลุ่มก้อน วิเคราะห์ข้อมูลที่มี และนำเสนอ ซึ่ง FILA ย่อมาจาก

F = Fact ข้อเท็จจริง เป็นที่มาของปัญหา ในที่นี้สิ่งที่เด็กๆ วิเคราะห์กันก็คือ ทรัพยากรปูม้าลดลง
I = Innovation นวัตกรรม หรือวิธีการที่จะทำให้ปัญหาหายไป ก็คือนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มจำนวนปูม้า 
L = Learning ความรู้และทักษะที่ต้องใช้สร้างนวัตกรรม 
A = Action Plan การวางแผนการทำงาน

ขั้นที่สี่คิดไม่ OUT เราทำได้ เป็นการจัดการเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ บูรณาการรายวิชาสังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ และการงานอาชีพ เพื่อนำไปใช้ในการประดิษฐ์นวัตกรรม

“ทีนี้พอประเด็นปัญหาได้แล้วนักเรียนก็แบ่งกลุ่มกันทำกิจกรรมได้ 4 กลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งเขาก็จะทำ ‘ชุดอนุบาลปูม้า พลังงานแสงอาทิตย์’ ซึ่งจริงๆ แล้วชุดอนุบาลปูม้า การอนุบาลปูม้าก็มีอยู่ในชุมชนนะคะ แต่กลุ่มนี้เขาคิดเพิ่มขึ้นมาเขาอยากนำพลังงานสะอาดมาใช้ ก็คือการใช้โซลาร์เซลล์ค่ะ กลุ่มที่สองเขาคิดแค่เขาอยากลงไปช่วยในชุมชนเป็น ‘อาสาช่วยดูแลธนาคารปูม้าในชุมชน’ กลุ่มที่สามเขาอยากสร้างชุดอนุบาลแบบของเขา โดยทำ ‘ภาชนะอนุบาลปูม้าจากระป๋อง’ ส่วนกลุ่มสุดท้ายเป็นการ ‘ทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อช่วยอนุรักษ์ปูม้า’ รณรงค์ในการอนุบาล ก็จะเป็นรูปแบบที่ต่างกันของแต่ละกลุ่มในการที่จะช่วยอนุรักษ์ปูม้าของเขา กลุ่มไหนคิดยังไงเราก็ให้เขาได้ลงมือทำในสิ่งที่เขาคิด ไม่ได้ปิดกรอบความคิดของเขานะคะ แต่ละกลุ่มความสำเร็จก็จะแตกต่างกัน”

ขั้นที่ห้า ‘ถอดบทเรียน เปลี่ยนชีวิต’ หลังจากผ่านการคิดและลงมือทำกันแล้ว ให้นักเรียนประเมินตนเอง โดยใช้หลักการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ SDGs 

“การพัฒนาที่ยั่งยืนมีทั้งหมด 17 เป้าหมาย เป็นความรู้ที่นักเรียนจะต้องมาวิเคราะห์ตามใบงานว่าสิ่งที่นักเรียนทำอย่างกลุ่มที่สร้างนวัตกรรมอนุบาลปูม้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ สามารถตอบโจทย์ SDGs ใดได้บ้าง เช่น ตรงกับเป้าหมายที่ 1 ขจัดความยากจน ถ้ามีปูม้าเพิ่มขึ้นรายได้ของผู้ปกครองก็จะเพิ่มขึ้น, เป้าหมายที่ 2 ขจัดความหิวโหย ถ้ามีปูม้าเพิ่มขึ้นแหล่งอาหารในชุมชนก็จะเพิ่มขึ้น, เป้าหมายที่ 7 พลังงานสะอาดและจ่ายได้ เพราะว่าเราทำโซลาร์เซลล์โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานสะอาดที่เราสามารถนำใช้ได้ และเป้าหมายที่ 14 นิเวศทางทะเลและมหาสมุทร ชุมชนของเราอยู่ติดชายฝั่งทะเล อาชีพของคนในชุมชนส่วนใหญ่เป็นอาชีพประมงก็เลยต้องอนุรักษ์พันธุ์ปูม้า เพื่อให้ปูม้ามีในอนาคต”

สุดท้ายขั้นที่ 6 ‘สู่ชุมชน อุดมสุข’ คือต่อยอดองค์ความรู้ และเผยแพร่ความรู้ที่ได้กลับคืนสู่ชุมชนนั่นเอง

ผลลัพธ์การเรียนรู้คือจิตสำนึกและสมรรถนะ

ครูภณิดาเล่าว่าการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ที่ใช้ปัญหาหรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในชุมชนเป็นฐานในการเรียนรู้ ผลที่เกิดขึ้นกับตัวเด็กอย่างเห็นได้ชัดคือ เด็กสนุกกับการเรียนรู้ มีความอยากเรียนรู้ และจดจ่อกับการเรียนมากขึ้น

“จริงๆ วิชาสังคมศึกษา ถ้าเกิดว่าเราสอนปกติมันอาจจะทำให้เด็กเบื่อ จำไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยจดจ่อ ถามสภาพภูมิประเทศเป็นยังไงก็จะบอกว่าอากาศร้อน คือเขาจำเนื้อหาไม่ได้ หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นการท่องจำแบบเดิมๆ แต่ถ้าเกิดเราทำแบบนี้ พาเขาไปลงพื้นที่จริงๆ เห็นชัดเจน เขาจะจำเนื้อหาได้แม่นกว่า”

ในด้านทักษะที่ได้นั้น ครูภณิดาเล่าต่อว่าเกิดทักษะขึ้นตามมาหลายตัว ที่ไม่ใช่แค่การได้ความรู้ในรายวิชาสังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ หรือการงานอาชีพ แต่สิ่งที่เด็กได้ด้วยคือสมรรถนะที่จำเป็นในการใช้ชีวิต  

“การเรียนที่ตอบโจทย์คือการฝึกเขาให้เป็นคนที่มีสมรรถนะที่พร้อมในอนาคตข้างหน้า นั่นคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับเขามากกว่าการเอาความรู้ที่เหมือนกับเป็นแบบแผนเดียวกันมาทั้งหมด” 

นอกจากทักษะต่างๆ แล้ว สิ่งที่ครูภณิดามองว่าจำเป็นและเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ครั้งนี้คือ จิตสำนึก 

“ตอนนี้เขาก็รักและหวงแหนในทรัพยากรและบ้านเกิดของเขา มันไม่ใช่แค่เกิดในห้องเรียน เพราะว่าพอเขาเริ่มทำ คนในโรงเรียนคนอื่นเห็น ชาวบ้านเห็น แล้วทุกคนถ้าเข้ามาช่วย มันก็จะเกิดการสะท้อนให้เห็นในภาพใหญ่ว่า เราต้องมาช่วยกันดูแลชุมชนของเราแล้ว ทำให้เห็นกว้างกว่าในห้องเรียน 

เพราะนี่คือบ้านของเขา ถ้าระยะยาว ทรัพยากรมันอยู่กับเขาก็จะเป็นผลดีกับครอบครัวกับลูกหลานในชุมชน ดังนั้นถ้าเราปลูกตรงนี้ได้ สร้างได้ มันก็จะเป็นผลระยะยาวกับครอบครัวของเขาเอง”

รายชื่อโรงเรียน พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

จังหวัด นราธิวาส จำนวน 4 โรงเรียน

  • โรงเรียนผดุงมาตร
  • โรงเรียนสวนพระยาวิทยา
  • โรงเรียนราชพัฒนา
  • โรงเรียนนราสิกขาลัย

จังหวัดยะลา จำนวน 15 โรงเรียน

  • โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 94 (บ้านบ่อน้ำร้อน)
  • โรงเรียนคุรุชนพัฒนา
  • โรงเรียนบ้านตาเซะ
  • โรงเรียนบ้านราโมง
  • โรงเรียนบ้านกาตอง
  • โรงเรียนบ้านหลักเขต
  • โรงเรียนพัฒนาบาลอ
  • โรงเรียนบ้านโกตาบารู
  • โรงเรียนบ้านตะโละหะลอ
  • โรงเรียนบ้านเยาะ
  • โรงเรียนบ้านโต
  • โรงเรียนบ้านลูโบ๊ะปันยัง
  • โรงเรียนบ้านคลองน้ำใส
  • โรงเรียนบ้านสะเอะ
  • โรงเรียนกาบังพิทยาคม

จังหวัดปัตตานี จำนวน 16 โรงเรียน

  • โรงเรียนวุฒิชัยวิทยา
  • โรงเรียนนิคมสร้างตนเองโคกโพธิ์ มิตรภาพที่ 148
  • โรงเรียนบ้านบางมะรวด
  • โรงเรียนบ้านท่าน้ำตะวันออก
  • โรงเรียนบ้านน้ำบ่อ
  • โรงเรียนบ้านปาลัส
  • โรงเรียนบ้านตรัง
  • โรงเรียนบ้านกระเสาะ
  • โรงเรียนบ้านบูดี
  • โรงเรียนบ้านฝาง
  • โรงเรียนบ้านตะโละไกรทอง
  • โรงเรียนบ้านน้ำดำ
  • โรงเรียนบ้านโลทู
  • โรงเรียนบ้านวังกว้าง
  • โรงเรียนสะนอพิทยาคม
  • โรงเรียนวังกะพ้อพิทยาคม

รายชื่อโรงเรียน ภาคตะวันตก

จังหวัดตาก จำนวน 1 โรงเรียน

  • โรงเรียนบ้านร่มเกล้า 2

รายชื่อโรงเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาผ่านโครงการ Million Gift Million Smiles

จังหวัดเชียงราย จำนวน 1 โรงเรียน

  • โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15
    (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท)

จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 3 โรงเรียน

  • โรงเรียนชลประทาน
    เขื่อนแม่กวงจิราธิวัฒน์อุปถัมภ์
  • โรงเรียนบ้านโป่งน้อย
  • โรงเรียนวัดสันคะยอม

จังหวัดลำปาง จำนวน 1 โรงเรียน

  • โรงเรียนวัดเสด็จ

จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 1 โรงเรียน

  • โรงเรียนบ้านท่าข้าม

จังหวัดตาก จำนวน 3 โรงเรียน

  • โรงเรียนบ้านร่มเกล้า 2
  • โรงเรียนบ้านร่มเกล้า 4
  • โรงเรียนบ้านห้วยไม้แป้น

จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 4 โรงเรียน

  • โรงเรียนบ้านควนเงิน
  • โรงเรียนบ้านท่าไทร
  • โรงเรียนวัดชะอวด
  • โรงเรียนวัดไม้เสียบ

จังหวัดตรัง จำนวน 11 โรงเรียน

  • โรงเรียนท่างิ้ว (ต.ช.ด.อุปถัมภ์)
  • โรงเรียนบ้านเกาะเคี่ยม
  • โรงเรียนบ้านคลองคุ้ย
  • โรงเรียนบ้านช่องลม
  • โรงเรียนบ้านทอนเหรียน
  • โรงเรียนบ้านท่าส้ม
  • โรงเรียนบ้านบางสัก
  • โรงเรียนบ้านวังลำ
  • โรงเรียนวัดทุ่งหินผุด
  • โรงเรียนวัดวารีวง
  • โรงเรียนหาดทรายทอง

จังหวัดนราธิวาส จำนวน 6 โรงเรียน

  • โรงเรียนนราสิกขาลัย
  • โรงเรียนบ้านบูเก๊ะตาโมงมิตรภาพที่ 128
  • โรงเรียนผดุงมาตร
  • โรงเรียนพิทักษ์วิยากุมุง
  • โรงเรียนราชพัฒนา
  • โรงเรียนสวนพระยาวิทยา

จังหวัดพังงา จำนวน 2 โรงเรียน

  • โรงเรียนวัดนิโครธาราม
  • โรงเรียนวัดสุวรรณาวาส

จังหวัดปัตตานี จำนวน 8 โรงเรียน

  • โรงเรียนบ้านกระเสาะ
  • โรงเรียนบ้านตะโละไกรทอง
  • โรงเรียนบ้านน้ำดำ
  • โรงเรียนบ้านบางทัน
  • โรงเรียนบ้านโลทู
  • โรงเรียนบ้านวังกว้าง
  • โรงเรียนวังกะพ้อพิทยาคม
  • โรงเรียนวุฒิชัยวิทยา

จังหวัดยะลา จำนวน 10 โรงเรียน

  • โรงเรียนกาบังพิทยาคม
  • โรงเรียนบ้านโกตาบารู
  • โรงเรียนบ้านคลองน้ำใส
  • โรงเรียนบ้านจุโป
  • โรงเรียนบ้านด่านสันติราษฎร์
  • โรงเรียนบ้านตะโละหะลอ
  • โรงเรียนบ้านราโมง
  • โรงเรียนบ้านสะเอะ
  • โรงเรียนพัฒนาบาลอ
  • โรงเรียนอัยเยอร์เวง

จังหวัดสงขลา จำนวน 18 โรงเรียน

  • โรงเรียนเขาแดงกุศลวิทยา
  • โรงเรียนจะนะชนูปถัมภ์
  • โรงเรียนชุมชนนิคมสร้างตนเองเทพา
  • โรงเรียนชุมชนบ้านนากัน
  • โรงเรียนทับช้างวิทยาคม
  • โรงเรียนเทพา
  • โรงเรียนบ้านเขาพระ
  • โรงเรียนบ้านคอลอมุดอ
  • โรงเรียนบ้านคูนายสังข์
  • โรงเรียนบ้านโคกตก
  • โรงเรียนบ้านนาปรัง
  • โรงเรียนบ้านบาโหย
  • โรงเรียนบ้านปากบางนาทับ
  • โรงเรียนบ้านป่าเร็ด
  • โรงเรียนบ้านพระพุทธ
  • โรงเรียนบ้านม้างอน
  • โรงเรียนบ้านม้างอน
  • โรงเรียนวัดประจ่า