เปิดข้อเสนอนโยบาย ยกระดับ “บัตรประชาชน” เป็น “Learning Passport” เรียนฟรีทุกรูปแบบการเรียนรู้

เปิดข้อเสนอนโยบาย ยกระดับ “บัตรประชาชน” เป็น “Learning Passport” เรียนฟรีทุกรูปแบบการเรียนรู้

ในเวที นโยบาย BY เยาวชน เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ทำเนียบรัฐบาลถูกเปลี่ยนเป็น “พื้นที่แห่งความหวัง” เปิดบ้านคณะรัฐมนตรีต้อนรับเสียงของคนรุ่นใหม่

บนเวทีนี้ “น้องเอเปค” นาถวัฒน์ ลิ้มสกุล นักศึกษาทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ กสศ. ในฐานะตัวแทนเครือข่ายเยาวชนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ได้นำเสนอนโยบาย “Learning Passport” ต่อ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ร่วมกับเพื่อนเยาวชนอีกมากมาย ณ ตึกสันติไมตรี

อ่านข้อเสนอนโยบายฉบับเต็ม (Policy Brief) ได้ที่นี่

Learning Passport หลักประกันโอกาสทางการศึกษา

Learning Passport เป็นแนวคิดเพื่อใช้เป็นบัตรประชาชนใบเดียวเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงการเรียนรู้ที่หลากหลายและยกระดับหลักประกันการศึกษาไร้รอยต่อ ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงวัยทำงาน ไม่ว่าจะเป็นทั้งในระบบ นอกระบบ อัธยาศัย ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เหมือนดังเช่นการมีบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ (นโยบายบัตรทอง 30 บาท)

1. ปัญหาที่ต้องการแก้ไข 

ในปีการศึกษา 2567 ประเทศไทยมีเด็กวัยเรียนระดับก่อนประถมศึกษาและการศึกษาภาคบังคับ (อายุ 3–14 ปี) ประมาณ 8.5 ล้านคน ในจำนวนนี้กว่า 3 ล้านคนอาศัยอยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน (3,043 บาทต่อเดือน) โดยจากการคัดกรองด้วยวิธี Proxy Means Test พบว่ามีนักเรียนยากจนพิเศษ (อยู่ในกลุ่ม 15% ครัวเรือนที่ยากจนที่สุด) กว่า 1.3 ล้านคน ซึ่งกระจุกตัวมากที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน นราธิวาส และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สถานการณ์นี้สะท้อนความเสี่ยงในการหลุดออกจากระบบการศึกษาที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ข้อมูลจากการเชื่อมโยงระหว่าง กสศ., สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) และ ทปอ. ระบุว่า ในปี 2563 นักเรียนยากจนพิเศษที่จบ ม.3 จำนวน 165,585 คน มีเพียง 22,345 คน (13.49%) ที่ศึกษาต่อถึงระดับอุดมศึกษาในปี 2567 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของนักเรียนทั้งประเทศ (31%) ถึงกว่า 3 เท่า

ขณะเดียวกัน ยังพบว่าในปี 2567 มีเด็กและเยาวชนอายุ 3–18 ปี จำนวนกว่า 9.8 แสนคน ที่ไม่มีชื่ออยู่ในระบบการศึกษา แม้จะลดลงเหลือ 8.8 แสนคน แต่จำนวนยังถือว่าสูงสาเหตุการหลุดจากระบบมีหลากหลาย ทั้งจากปัจจัยเศรษฐกิจ ความรุนแรงในครอบครัว การหย่าร้าง สุขภาพจิต สภาวะการเรียนรู้ถดถอยหรือบกพร่อง รวมถึงปัญหาในโรงเรียน เช่น การกลั่นแกล้ง (bullying) ปัญหาเหล่านี้ล้วนสะท้อนว่า เด็กและเยาวชนคือภาพสะท้อนของปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับหลายมิติของสังคมไทย

2. เป้าหมายการเปลี่ยนแปลง/ภาพฝันที่อยากเห็น

ประเทศไทยสามารถยกระดับระบบการศึกษาด้วยการสร้าง “หลักประกันโอกาสทางการศึกษา” สำหรับเด็กและเยาวชนตั้งแต่ปฐมวัยจนถึงวัยทำงาน โดยใช้การบูรณาการข้อมูลรายบุคคลร่วมกันระหว่าง 11 หน่วยงาน ครอบคลุมเด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบางจากครัวเรือนที่มีรายได้น้อยที่สุดกว่า 3 ล้านคน และเด็กนอกระบบการศึกษาราว 9 แสนคน

ระบบนี้จะเชื่อมโยงและส่งต่อข้อมูลข้ามกระทรวง เพื่อรวมสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ สังคม ครอบครัว แรงงาน และการศึกษาไว้อย่างครบวงจร เพื่อให้ทุกคนได้รับการดูแล สนับสนุน และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทันเวลา และตรงจุด

อีกแนวทางหนึ่งคือ การยกระดับบัตรประชาชนให้เป็น “Learning Passport” สำหรับเด็กและเยาวชนทุกคน เพื่อใช้ติดตามและส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย รัฐสามารถจัดสรรงบประมาณหรือทุนสนับสนุนตรงไปยังเลขประจำตัว 13 หลักของเด็ก โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในครัวเรือนยากจนหรือเปราะบาง

Learning Passport จะช่วยให้เด็กและเยาวชนสามารถเลือกเรียนรู้ตามความถนัดผ่านหน่วยจัดการเรียนรู้ทั้งจากภาครัฐ ท้องถิ่น และเอกชนในรูปแบบที่ยืดหยุ่น และสามารถโอนหน่วยกิตระหว่างระบบการศึกษาเพื่อใช้ต่อยอดในการเรียนหรือการทำงานในอนาคต

นอกจากนี้ การเชื่อมโยง Learning Passport กับระบบ PromptPay ยังเปิดทางให้ภาครัฐและเอกชนสามารถโอนทุนการศึกษาและสวัสดิการได้โดยตรง รวดเร็ว และโปร่งใส พร้อมทั้งใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับพัฒนา “เครดิตการเรียนรู้” ที่จะช่วยสนับสนุนการสมัครงานและศึกษาต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวได้

3. การขับเคลื่อนที่ผ่านมา

  • ความร่วมมือของ 11 หน่วยงาน ได้พัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง โดยบูรณาการฐานข้อมูลรายบุคคลจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานทะเบียนราษฎร์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น
  • กสศ. ชี้เป้า เด็ก เยาวชน ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ทั้งในและนอกระบบการศึกษา เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลและส่งต่อให้หน่วยงานระดับนโยบายและระดับพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การสนับสนุนติดตามการศึกษาหรือการเรียนรู้เต็มตามศักยภาพ  นอกจากนี้ ยังนำตัวแบบทุนการศึกษา และรูปแบบการทำงานไปขยายผล

4. ข้อเสนอนโยบาย

1.การสร้างระบบหลักประกันโอกาสการศึกษาให้เด็กเยาวชนตลอด 20 ปี จากปฐมวัยถึงมีงานทำ ผ่านการบูรณาการข้อมูลรายบุคคลระหว่าง 11 หน่วยงาน ครอบคลุมเด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยงที่มาจากครัวเรือนซึ่งมีรายได้น้อยที่สุดของประเทศจำนวน 3 ล้านคน และเด็กเยาวชนนอกระบบการศึกษาจำนวน 9 แสนคน เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยง และส่งต่อข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทุกกระทรวง บูรณาการชุดสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาวะ สังคม ครอบครัว แรงงาน การศึกษา ฯลฯ ที่มีอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้รับสวัสดิการ การดูแล พัฒนา และส่งต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ทันเวลา นอกจากนี้ ควรเพิ่มศักยภาพของสวัสดิการแบบมุ่งเป้า (Targeting) เพื่อลดต้นทุนการเข้าถึงการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่มาจากครัวเรือนซึ่งมีรายได้น้อยที่สุดของประเทศ

2.ยกระดับบัตรประจำตัวประชาชนของเด็กและเยาวชนทุกคนให้เป็น Learning Passport สำหรับการศึกษาและการเรียนรู้ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย โดยรัฐสามารถจัดสรรเงินอุดหนุนจากรัฐบาลตรงไปยังเลข 13 หลักของเด็กและเยาวชนโดยตรง โดยเฉพาะผู้อาศัยอยู่กับครัวเรือนยากจนและเปราะบาง เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถเลือกศึกษาต่อและเรียนรู้ผ่านการศึกษาทั้ง 3 ระบบผ่านหน่วยจัดการเรียนรู้ทั้งของภาครัฐ ท้องถิ่น และเอกชนได้อย่างยืดหยุ่น และหลากหลายตามความถนัดและศักยภาพของเด็กและเยาวชนเป็นรายบุคคล รวมทั้งสามารถถ่ายโอนหน่วยกิตระหว่างการศึกษาทั้ง 3 ระบบเพื่อใช้ในการศึกษาต่อ และการสมัครงานได้ในอนาคตได้ 

รวมทั้ง การเชื่อมโยงและผูกเลข 13 หลักบัตรประจำตัวประชาชนให้เป็น Learning Passport สำหรับการจัดสรรเงินอุดหนุนจากรัฐบาลไปยังเด็กและเยาวชนกลุ่มยากจนด้อยโอกาสโดยตรง ให้สามารถใช้ Credit ดังกล่าวในการเลือกเรียนการศึกษาทางเลือกทุกรูปแบบโดยจัดสรรจากงบประมาณแผ่นดิน ทุนอุดหนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนผ่านเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก และ Prompt Pay ของเด็กและเยาวชนทุกคนอย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งใช้ในการเก็บข้อมูลเครดิตการเรียนไปใช้ในการสมัครงาน และศึกษาต่อในอนาคต

 

5. สิ่งที่ต้องการสนับสนุนจากรัฐบาล/การสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  1. บูรณาการฐานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และการเชื่อมต่อชุดสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาวะ สังคม ครอบครัว แรงงาน การศึกษา ฯลฯ ที่มีอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้รับสวัสดิการ การดูแล พัฒนา และส่งต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ทันเวลา 
  2. เพิ่มศักยภาพของสวัสดิการการศึกษาแบบมุ่งเป้า (Targeting) ที่เพียงพอ ครอบคลุม กลุ่มเป้าหมายเด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยงที่มาจากครัวเรือนซึ่งมีรายได้น้อยที่สุดของประเทศจำนวน 3 ล้านคน และ เด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาจำนวน 9 แสนคน เพื่อลดต้นทุนการเข้าถึงการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่มาจากครัวเรือนซึ่งมีรายได้น้อยที่สุดของประเทศ
  3. พัฒนาระบบ Credit Bank ให้เด็กและเยาวชนทุกคนสามารถเทียบโอนหน่วยกิตและประสบการณ์การเรียนรู้หรือประสบการณ์ฝึกงานต่าง ๆ ทั้งจากการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ให้สามารถนำไปสมัครเรียนต่อ หรือ สมัครงานได้ในอนาคต


อ่านข่าว: เครือข่ายเยาวชนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา นำเสนอนโยบาย “Learning Passport” ต่อคณะรัฐมนตรี ชูแนวคิดบัตรประชาชนใบเดียว พาเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ฟรีได้ตลอดชีวิต