รัฐมนตรีอว.ขอความร่วมมือให้มหาวิทยาลัยลดค่าเล่าเรียน ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19

รัฐมนตรีอว.ขอความร่วมมือให้มหาวิทยาลัยลดค่าเล่าเรียน ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19

รัฐมนตรี อว. ร้องขอมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้ลดค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้นิสิตนักศึกษา เพื่อลดความลำบากทางเศรษฐกิจให้แก่ครอบครัวเยาวชนกว่า 2.2 ล้านคนที่อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวง

ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงให้ประชาชนได้ทราบถึงความหนักหน่วงของการระบาดโควิดในรอบที่สามนี้ เมื่อคืนวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา และวิงวอนให้ทุกฝ่ายหนุนช่วยแพทย์พยาบาลกันและหนุนช่วยกันและกันในการฟันฝ่าวิกฤตในรอบนี้

ล่าสุด นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม  เปิดยว่า ขอเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยลดค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายให้แก่นิสิตนักศึกษาทั่วประเทศโดยเร็ว ส่วนจะลดแค่ไหน อัตราเท่าไร ก็ให้แต่ละแห่งพิจารณาเอาเอง ซึ่งขณะนี้อย่างน้อยมีสามแห่งแล้วที่ประกาศลดค่าเล่าเรียนและหรือค่าใช้จ่าย อื่นๆ คือ

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

• มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในภาคฤดูร้อนที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้ ลดค่าธรรมเนียมการศึกษาลงไป 2,250 บาท และ ลดค่าหอพักลง 10 เปอร์เซนต์
• มหาวิทยาลัยสงขลาครินทร์ ลดค่าเล่าเรียน 20 เปอร์เซนต์ ค่าหอพัก ลด 10 เปอร์เซนต์
• มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลดค่าธรรมเนียมการศึกษา 10 เปอร์เซนต์ รวมถึงหลักสูตรนานาชาติด้วย

รมว.อว. กล่าวว่า ท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและมีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากขึ้นตามมา  ในส่วนของอว. มีบทบาทเปิด รพ.สนาม จำนวนมากหนุนช่วยสาธารณสุขและมหาดไทยสู้กับภัยโควิด-19 ได้ถึงขณะนี้ เป็นเพราะบรรดามหาวิทยาลัยและองค์กรทางวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมทั้งหลายของกระทรวงได้อาสา หรือ เสนอตัวมาช่วย มาเหน็ดมาเหนื่อยเอง ทำงานโดยไม่ถามก่อนเลยว่ามีงบประมาณ มีกำลังคน ให้เพิ่มหรือเปล่า

นอกจากนี้ ยังมีนิสิตนักศึกษาแพทย์ จำนวนหนึ่ง อาสามาช่วย 1668 และ 1669 ตอบคำถามที่สงสัยกันเกี่ยวกับการรักษาตนเอง และการเข้ารับการรักษาโควิด-19ในรพ. ตลอดจนให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ รพ.สนาม  ทั้งหลาย

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอให้มีการลดค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าหอพัก และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ไม่ได้สั่งการลงไป แต่ได้หารือ ให้คำแนะนำและร้องขอให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกประเภท ทุกจังหวัด พิจารณาลดเอาเอง เชื่อว่าในภาวะที่ผู้ปกครองตกงาน ว่างงาน และประกอบอาชีพหรือทำงานได้เงินน้อยลง เช่นขณะนี้ มหาวิทยาลัยควรจะรู้ร้อนรู้หนาวและรีบช่วยกัน “บำบัดทุกข์” ให้ผู้ปกครองและนิสิตนักศึกษาของตนด้วย