ผลวิจัยอังกฤษชี้โรงเรียนในชนบทมีบทบาทสำคัญต่อชุมชนเทียบเท่าโบสถ์
โดย : Robbie Meredith - BBC
แปลและเรียบเรียง : นงลักษณ์ อัจนปัญญา

ผลวิจัยอังกฤษชี้โรงเรียนในชนบทมีบทบาทสำคัญต่อชุมชนเทียบเท่าโบสถ์

มหาวิทยาลัย Queen’s University of Belfast (QUB) เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นของบรรดาครูใหญ่ภายใต้โครงการวิจัยเกี่ยวกับโรงเรียนขนาดเล็กพบว่า โรงเรียนขนาดเล็กมีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อชุมชนในชนบทเช่นเดียวกับโบสถ์ของทางคริสตจักรท้องถิ่น ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่โรงเรียนในชนบทสมควรมีอยู่และได้รับการสนับสนุนเพื่อยกระดับคุณภาพทางการศึกษาให้เสมอภาคเท่าเทียมกับโรงเรียนในเมืองใหญ่

ผลการศึกษาระบุว่า  โรงเรียนขนาดเล็กในชนบทมีจุดแข็งหลายประการ ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับชุมชนท้องถิ่นและอัตราส่วนนักเรียนต่อครูที่ไม่สูงมากนัก ทำให้ครูสามารถดูแลนักเรียนได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม  เว็บไซต์ข่าวของบีบีซี รายงานว่า โรงเรียนหลายแห่งในชนบทขณะนี้กำลังเผชิญกับความท้าทาย ซึ่งรวมถึงจำนวนนักเรียนที่ลดลงและแรงกดดันที่บีบให้ต้องปิดโรงเรียน

สำหรับ การศึกษา “Small School Rural Community Study” หรือ การศึกษาโรงเรียนขนาดเล็กในชุมชนชนบทของอังกฤษครั้งนี้ ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนประถมศึกษาในชนบทขนาดเล็กกับชุมชนท้องถิ่น หลังมีรายงานจาก Education Authority (EA) พบว่า ยังมีโรงเรียนในชนบทขนาดเล็กจำนวนมากในไอร์แลนด์เหนืออยู่ในสภาวะ ไม่มั่นคง และ ไม่ยั่งยืน สถานการณ์ดังกล่าวสวนทางกับแนวนโยบายของกรมสามัญศึกษา (DE) เกี่ยวกับโรงเรียนที่ยั่งยืน ซึ่งระบุว่าโรงเรียนประถมศึกษาควรมีนักเรียนอย่างน้อย 140 คน ในเขตเมืองและ 105 คนในพื้นที่ชนบท

ทั้งนี้ หากพิจารณาตามแผนกลยุทธ์ของ EA สำหรับปี 2022 – 2027 จะพบว่า มีโรงเรียนประถมศึกษาประมาณ 230 แห่งจาก 800 แห่งในไอร์แลนด์เหนือมีนักเรียนน้อยกว่าจำนวนที่แนะนำ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชนบท โดยมีโรงเรียนประถมในชนบทประมาณ 190 แห่งจาก 440 แห่ง ซึ่งมีนักเรียนน้อยกว่า 105 คน โดยเฉพาะในเขต Tyrone, Antrim หรือ Down

อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพบว่า โรงเรียนในชนบทขนาดเล็กมักสร้างความเชื่อมโยงที่แน่นแฟ้นกับชุมชนท้องถิ่นของพวกเขา และทำได้ดีในการ “ระบุและตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลของนักเรียน”

การศึกษาระบุว่า ถ้าโรงเรียนเล็ก ๆ ปิดตัวลง อาจทำให้เด็กในชนบทไม่มีโรงเรียนในท้องถิ่น ส่งผลกระทบต่อการศึกษาและชีวิตทางสังคม และปัญหาการคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว ยกตัวอย่างเช่นในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทาง EA ต้องออกมาขอโทษหลังจากนักเรียนประถมมากกว่า 100 คนในชนบทของเขต Antrim ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการรับส่งไปยังโรงเรียนเป็นเวลา 2 วัน

การศึกษาของทางมหาวิทยาลัย QUB ยอมรับว่าโรงเรียนขนาดเล็กต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ รวมถึง “การคุกคามที่จะถูกปิดตัวลงเนื่องจากขาดความยั่งยืนทางการเงิน” ส่งผลให้ โรงเรียนขนาดเล็ก “ได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมและไม่เอื้ออำนวยจากเวทีนโยบายหลักของภาครัฐ เนื่องจากโรงเรียนเสี่ยงที่จะถูกปิดหรือควบรวมกิจการ”

ทั้งนี้ ผลการศึกษานี้มาจากการสำรวจมุมมองความเห็นของบรรดาผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็ก 91 คน และการศึกษาเชิงลึกของโรงเรียนแต่ละแห่งที่ไม่ระบุชื่อ 5 แห่ง ซึ่งรวมถึงมุมมองของนักเรียน ผู้ปกครอง และสมาชิกในชุมชนท้องถิ่น ผู้บริหารส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมกล่าวว่ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันทางการเงินและการขาดเงินทุน ปริมาณงานของพนักงาน และจำนวนนักเรียนที่มีความต้องการการศึกษาพิเศษ หรือ Special Educational Needs (SEN) เพิ่มขึ้น

ครูใหญ่คนหนึ่งของโรงเรียนที่ถูกขู่ว่าจะปิด ระบุว่า ภาวะคุกคามดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่เครียดที่สุดในชีวิต ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ขณะที่ครูใหญ่อีกคนย้ำถึงความสำคัญของโรงเรียน ว่านอกจากจะเป็นสถานที่อบรมให้ความรู้เด็กนักเรียนแล้ว ทางโรงเรียนยังเป็นหัวใจของชุมชนและทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในชนบทที่สำคัญสำหรับชุมชนที่ห่างไกลออกไป

“โชคไม่ดี ที่ภัยคุกคามการปิดตัวยังคงมีอยู่ และสิ่งนี้ได้หยุดบางครอบครัวที่ลงทะเบียนเรียนที่โรงเรียน ส่งผลให้จำนวนการลงทะเบียนของเราลดลงซึ่งยากต่อการฟื้นตัว” ครูใหญ่คนดังกล่าวระบุ

นอกจากนี้ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนท้องถิ่นกับโรงเรียน ครูใหญ่ส่วนใหญ่กล่าวว่าโรงเรียนของพวกเขาเป็นอันดับสองรองจากโบสถ์ของคริสตจักรท้องถิ่นในแง่ของความสำคัญในชุมชน

ยิ่งไปกว่านั้น รายงานยังพบว่า โรงเรียนและโบสถ์ต่างมีความสัมพันธ์ที่เกื้อหนุนกันและกัน มีการแบ่งปันทรัพยกรร่วมกัน เช่น ขณะที่โรงเรียนบางแห่งให้โบสถ์ใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรม ทางโบสถ์ก็มีการจัดกิจกรรมทางศาสนาและงานเฉลิมฉลองที่โรงเรียนเพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองมีส่วนร่วมและได้ใกล้ชิดกับศาสนามากขึ้นเช่นกัน  รวมถึงโรงเรียนหลายแห่งยังเตรียมนักเรียนสำหรับพิธีรับศีลต่าง ๆ เช่น ศีลมหาสนิทร่วมกับคริสตจักรท้องถิ่น

ทีมนักวิจัยกล่าวว่า โรงเรียนในชนบทขนาดเล็กมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น “ในหลากหลายวิธี” ก่อนสรุปว่า โรงเรียนขนาดเล็กในชนบทสามารถช่วยพัฒนาความรู้สึกเป็นเจ้าของและความภาคภูมิใจในชุมชนภายในนักเรียน เจ้าหน้าที่ และผู้ปกครอง เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนได้ นอกจากนี้ โรงเรียนขนาดเล็กในชนบทจะมีบทบาทสำคัญต่อการขจัดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

Dr Montserrat Fargas – Malet และ Professor Carl Bagley จากมหาวิทยาลัย QUB ผู้ร่วมเขียนรายงานการศึกษาครั้งนี้ให้ข้อเสนอแนะว่า บทบาทสำคัญที่กล่าวมาข้างต้น ควรนำมาพิจารณาเมื่อมีการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของโรงเรียนขนาดเล็กในชนบท

ที่มา : Small rural schools as important as church, study says