6 หน่วยงานความร่วมมือเชิงระบบ เตรียมบรรจุครูรัก(ษ์)ถิ่น รุ่น 2 จำนวน 295 อัตรา
ประจำการโรงเรียนบ้านเกิดในพื้นที่ห่างไกล ลดปัญหาครูโยกย้าย–ขาดแคลนครู

6 หน่วยงานความร่วมมือเชิงระบบ เตรียมบรรจุครูรัก(ษ์)ถิ่น รุ่น 2 จำนวน 295 อัตรา

13 มิถุนายน 2568 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ 5 องค์กรหลักร่วมดำเนินโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น ประกอบด้วย กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) และคุรุสภา จัดประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อชี้แจงแนวทางการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ในโครงการ “ครูรัก(ษ์)ถิ่น” รุ่นที่ 2 โดยมีผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนปลายทางเข้าร่วม

ดร.อุดม วงษ์สิงห์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณภาพครูและสถานศึกษา กสศ. เปิดเผยว่า ปัจจุบันครูรัก(ษ์)ถิ่น รุ่น 2 จำนวน 295 คน สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีจาก 10 สถาบันต้นแบบการผลิตครูคุณภาพ ครอบคลุมสาขาปฐมวัย 155 คน และประถมศึกษา 140 คน พร้อมเข้าสู่กระบวนการบรรจุในตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ที่โรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกล จำนวน 285 แห่งใน 45 จังหวัด 73 เขตพื้นที่การศึกษา ช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2568 เป็นต้นไป โดยกระจายไปในพื้นที่ต่าง ๆ  เช่น พื้นที่สูง บนภูเขา พื้นที่เสี่ยงภัย บนเกาะ พื้นที่ชายแดน พื้นที่ทุรกันดาร พื้นที่หลากหลายทางชาติพันธุ์ และโรงเรียนที่มีการโยกย้ายบ่อย

ก่อนการบรรจุอย่างเป็นทางการ ทั้ง 73 เขตพื้นที่การศึกษา จะจัดสอบสัมภาษณ์และดำเนินการแต่งตั้งเป็นข้าราชการต่อไป ขณะนี้ครูรัก(ษ์)ถิ่น รุ่น 2 ได้เข้าทำงานในฐานะครูอาสาสมัครที่โรงเรียนปลายทางตั้งแต่ 1 มิถุนายน โดย กสศ. สนับสนุนค่าครองชีพเดือนละ 8,000 บาท จนกว่าจะได้รับเงินเดือนข้าราชการจากต้นสังกัด

ดร.อุดม วงษ์สิงห์

“กสศ. ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ สพฐ. และ ก.ค.ศ. มีการส่งหนังสือไปยังทั้ง 2 หน่วยงาน เป็นการทำงานที่เป็นขั้นตอนเหมือนรุ่นที่ 1 และนำประสบการณ์ทำงานรุ่นแรก มาปรับปรุงขั้นตอนวิธีการทำงานในครั้งนี้” ดร.อุดม กล่าว

ดร.อุดม ระบุเพิ่มเติมว่า กสศ. และ 5 องค์กรร่วมดำเนินโครงการฯ จะยังดูแลและช่วยส่งเสริมครูรัก(ษ์)ถิ่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ครูรัก(ษ์)ถิ่นจะรับราชการในโรงเรียนปลายทางการบรรจุไม่น้อยกว่า 6 ปี เพื่อแก้ปัญหาการโยกย้ายบ่อยและขาดแคลนครูในพื้นที่

ดร.พัฒนะ พัฒนทวีดล

ดร.พัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า สพฐ. ได้จัดสรรตำแหน่งครูผู้ช่วยไว้สำหรับครูรัก(ษ์)ถิ่น รุ่น 2 ครบถ้วนแล้วทั้ง 295 อัตรา เพราะเล็งเห็นว่า โครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น มีบทบาทสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เนื่องจากครูรัก(ษ์)ถิ่นเป็นผู้ที่ต้องการกลับไปทำงานในโรงเรียนบ้านเกิด เข้าใจบริบทของพื้นที่ และสามารถปฏิบัติงานในระยะยาวได้อย่างมีคุณภาพ

ทั้งนี้ หนึ่งในปัญหาที่กระทรวงศึกษาธิการได้รับการร้องเรียนบ่อยที่สุด คือ การขอย้ายของครูที่ได้รับการบรรจุให้ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกลจากภูมิลำเนา แต่สำหรับครูรัก(ษ์)ถิ่น กลับเป็นผู้ที่มีโอกาสได้ทำงานในโรงเรียนบ้านเกิดของตนเอง ซึ่งแม้โรงเรียนในพื้นที่เหล่านี้จะมีข้อจำกัดหรือความขาดแคลนในหลายด้าน แต่ครูทั้ง 295 คนที่สำเร็จการศึกษาภายใต้โครงการนี้ ต่างได้รับการเตรียมพร้อมมาอย่างมีคุณภาพ และพร้อมเข้าไปเติมเต็มสิ่งที่ขาดแคลน สร้างการเรียนรู้ให้แก่เด็ก ๆ ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของชุมชน

รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์

รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา และอนุกรรมการพัฒนาระบบการผลิต พัฒนาครูสำหรับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลและพัฒนาคุณภาพโรงเรียนทั้งระบบ กสศ. กล่าวเสริมว่า โครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น เป็นโมเดลที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และสอดคล้องกับแนวทางขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD (Organisation for Economic Co-operation and Development) ในการสร้างครูคุณภาพเพื่อพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 6 หน่วยงานที่ร่วมดำเนินโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น ต่างคาดหวังว่า ผู้ที่กำลังจะได้รับการบรรจุในครั้งนี้จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความเจริญให้กับชุมชนบ้านเกิดของตนเอง เป็นผู้ส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล ตลอดจนเติบโตเป็นผู้นำชุมชนที่ใช้ศักยภาพและความรู้ความสามารถที่มีอยู่ สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ดร.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า

ขณะที่ ดร.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า อนุกรรมการพัฒนาระบบการผลิต พัฒนาครูสำหรับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลและพัฒนาคุณภาพโรงเรียนทั้งระบบ กสศ. ได้ฝากถึงผู้บริหารสถานศึกษาและเขตพื้นที่ฯ ให้ดูแลและสนับสนุนครูรุ่นใหม่อย่างใกล้ชิด เปิดพื้นที่ให้นำเสนอแนวทางการสอนที่สร้างสรรค์และสอดคล้องกับชุมชน

รศ.ดร.มนตรี แย้มกสิกร

รศ.ดร.มนตรี แย้มกสิกร ที่ปรึกษาด้านพัฒนาวิชาชีพของคุรุสภา ยืนยันว่า คุรุสภาจะติดตามพัฒนาจิตวิญญาณความเป็นครู สนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่องผ่านชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ Professional Learning Community (PLC) และรณรงค์คุณธรรมจริยธรรม เพื่อให้ครูรัก(ษ์)ถิ่นได้เป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งในโรงเรียนและสังคม

โครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น เป็นโครงการที่สร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนที่สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (อายุ 18-24 ปี) ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส แต่มีผลการเรียนดีและมีจิตวิญญาณความเป็นครู ได้ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในสาขาวิชาที่ขาดแคลนครู และเมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการครูในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลซึ่งเป็นท้องถิ่นของตนเอง เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนครู ครูไม่ครบชั้นและการโยกย้ายบ่อย ควบคู่กับการพัฒนาต้นแบบการผลิตครูคุณภาพในสถาบันอุดมศึกษา ให้สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียนและชุมชนในพื้นที่ห่างไกล เป็นนักพัฒนาชุมชน เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นที่ เพื่อเป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูในโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลการส่งเสริมหรือสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสถาบันต้นแบบในการผลิตและพัฒนาครู  รวมถึง การศึกษา วิจัย หรือค้นคว้าแนวทางในการพัฒนาครู ให้มีความรู้ ความสามารถในการจัดการเรียนการสอนและการพัฒนาผู้เรียนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของ กสศ. ตาม พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. 2561 หลังจากนี้ ภายในระยะเวลา 4 ปี โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลจะมีครูรุ่นใหม่กลับไปบรรจุเป็นข้าราชการครู ราว 1,500 คน ครอบคลุมพื้นที่ 62 จังหวัด ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ