เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ ดร.ธีราภา ไพโรหกุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสรรหา ฯ เป็นประธานการประชุมชี้แจงสถานศึกษาผ่านระบบ Teleconference เกี่ยวกับการรับสมัครนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 และนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 3 “โครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ (Outstanding Development Opportunity Scholarship: ODOS)” ระดับปริญญาตรี

ดร.ธีราภา กล่าวว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในฐานะกลไกลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและการสร้างกำลังคนคุณภาพที่ประเทศต้องการในระยะยาว โครงการ ODOS ได้รับมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนที่เก่งแต่ขาดโอกาส ได้มีช่องทางเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในสาขา STEM ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งรัฐบาลเปิดโอกาสให้นักเรียนจากครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสศึกษาต่อได้ตั้งแต่สำเร็จการศึกษาภาคบังคับ จนสำเร็จการศึกษาระดับ ม.ปลาย/ปวช. – ป.ตรี รวม 7-8 ปี ทั้งในและต่างประเทศได้เต็มศักยภาพสุดความสามารถ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศที่มีเด็กช้างเผือกจำนวนมากกว่า 20,000 คน ที่หลุดออกจากระบบการศึกษาหลังสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ

ดร.ธีราภา กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้ามอบทุนรวม 7,200 ทุน ในช่วงปีงบประมาณ 2568 – 2576 แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ทุนระดับมัธยมปลาย/ปวช. ในประเทศ จำนวน 4,800 ทุน (ดำเนินการโดย กสศ.) ทุนระดับ ปวส. และปริญญาตรีในต่างประเทศ จำนวน 200 ทุน (ดำเนินการโดย สำนักงาน ก.พ. โดยมีประเทศปลายทาง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย) ทุนระดับปริญญาตรีในประเทศ จำนวน 2,200 ทุน (ดำเนินการโดย สป.อว. ผ่านระบบ TCAS)
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า โครงการ ODOS เคยดำเนินการมาแล้วในอดีต และแม้จะมีเป้าหมายที่ดี แต่ก็พบปัญหาและอุปสรรคหลายประการ อาทิ การคัดเลือกผู้รับทุนที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ขาดโอกาสจริง นักเรียนขาดการเตรียมความพร้อมด้านภาษาและสุขภาพจิต ทำให้ไม่สามารถปรับตัวกับการเรียนและการใช้ชีวิตในต่างประเทศได้ การขาดระบบติดตามที่ต่อเนื่อง และข้อผูกพันในการกลับมาทำงานเพื่อพัฒนาประเทศอย่างชัดเจน

ในการกลับมาครั้งนี้ เราได้เรียนรู้จากบทเรียนเหล่านั้น และออกแบบโครงการใหม่ให้รอบคอบและครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในเรื่อง เกณฑ์คัดเลือกที่โปร่งใส การเตรียมความพร้อมด้านภาษาและทักษะชีวิต ระบบดูแลระหว่างศึกษา รวมถึงข้อผูกพันที่ชัดเจนในการกลับมาทำงานในประเทศไทย โดยเฉพาะในภูมิภาค เราเชื่อมั่นว่า โครงการ ODOS รุ่นใหม่นี้ จะเป็น “สะพานของโอกาส” ที่พาเด็กช้างเผือก เดินข้ามความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไปสู่การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศ
“สำหรับรุ่นแรกที่จะเริ่มเปิดรับสมัครในปีนี้ เวลาที่เรามีค่อนข้างกระชั้นชิด จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่กระบวนการคัดเลือกจะต้องรวดเร็ว แม่นยำ และเป็นธรรม ซึ่งบทบาทของสถานศึกษานั้นจึงสำคัญมาก เพราะครูและผู้บริหารโรงเรียนคือผู้ที่รู้จักนักเรียนดีที่สุด และมีส่วนอย่างยิ่งในการส่งต่อโอกาสนี้ไปยังเด็กที่เหมาะสม”

ด้าน ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า โครงการทุน ODOS เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ. และ กสศ. ซึ่งจะนำรูปแบบการทำงานในอดีตมามาปรับปรุงพัฒนาในโครงการนี้อย่างรัดกุมทุกมิติ
สำหรับเกณฑ์การพิจารณาในรุ่นที่ 1 ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสรรหาและคัดเลือกผู้รับทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศการคัดเลือกผู้มีสิทธิรับทุนการศึกษา เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้นักเรียนจากครัวเรือนยากจน และยากจนพิเศษ ได้รับการพิจารณาเป็นลำดับแรก แต่หากโรงเรียนใดไม่มีนักเรียนในกลุ่มดังกล่าว จึงจะพิจารณานักเรียนจากครัวเรือนที่มีรายได้เกินเกณฑ์ตามลำดับ นอกจากนี้ต้องเป็นนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยสะสม 3.00 ขึ้นไป มีความประพฤติดี มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งกายและจิตใจ ที่สำคัญคือผู้ปกครองยินยอมให้นักเรียนที่ได้รับทุนเดินทางไปศึกษาต่อได้ทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้จัดทำบัญชีรายชื่อสถานศึกษาที่มีความพร้อม ในการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (SMTE) และด้าน STEM และภาษาอังกฤษ ครบจำนวน 602 แห่ง โดยสถานศึกษาตามบัญชีนี้ สามารถเสนอชื่อนักเรียนของแต่ละแห่งไม่เกิน 2 คน

ดร.ไกรยส กล่าวว่า สำหรับรายชื่อนักเรียนที่ได้รับทุน ODOS รุ่นแรก จะมีการประกาศในเดือนกันยายน 2568 โดยจะมีนักเรียนจำนวน 100 คนที่ได้รับคัดเลือกให้ไปศึกษาต่อยัง 3 ประเทศที่สำนักงาน กพ. กำหนด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย โดยเฉพาะในกรณีของประเทศออสเตรเลีย จะเน้นสำหรับเด็กสายอาชีพ ส่วนเด็กสาย STEM+ จะถูกส่งไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรส่วนผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกให้ไปศึกษาต่อต่างประเทศจะยังคงได้รับโอกาสทางการศึกษาโดยจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รวมถึงจากสลากการกุศล เพื่อให้สามารถศึกษาต่อในสาขา STEM กับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยได้


ทุน ODOS ของรัฐบาลจะเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ ที่ช่วยปิดช่องว่างสำคัญในเส้นทางการศึกษาของเด็กยากจน จากรายงานความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของ กสศ. พบว่า ในปีการศึกษา 2567 มีนักเรียนยากจนและนักเรียนยากจนพิเศษ จำนวนเพียง 22,345 คน จากนักเรียนทั้งหมด 165,585 คน หรือคิดเป็น 13.49% เท่านั้น ที่สามารถคงอยู่ในระบบการศึกษาจนสามารถเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอัตราการเรียนต่อระดับอุดมศึกษาของประชากรไทยกว่า 2 เท่า
นี่คือโจทย์สำคัญที่ กสศ. ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ผลักดันการสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษาให้เด็กเยาวชนตลอด 20 ปีจากปฐมวัยถึงมีงานทำ ผ่านการบูรณาการข้อมูลรายบุคคล เพื่อให้เกิดการรัฐบาลคิกออฟ ค้นหาเด็กช้างเผือก รับทุน ODOS รอบ 1 ครอบคลุม 602 สถานศึกษาสาย STEM เสนอชื่อ ภายใน 4 ก.ค. 68 เพิ่มโอกาสลดเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ช่วยเด็กเก่งแต่ขาดโอกาส
ทั้งนี้ สำหรับทุน ODOS เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม 2568 ทางเว็บไซต์ของ กสศ. https://scholarshipreg.eef.or.th/ สามารถโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-079-5475 ต่อ 11 ไม่เว้นวันหยุดราชการ