หนุนท้องถิ่นช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

หนุนท้องถิ่นช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

เลขาฯ พระปกเกล้า ย้ำท้องถิ่นมีความพร้อมแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เชื่อมั่นในจุดแข็งทั้งความยืดหยุ่นและอิสระในการออกแบบการศึกษาตอบโจทย์พื้นที่ เดินหน้าสู่เป้าหมายความเท่าเทียม พร้อมจับมือ กสศ. เป็นกำลังเสริมช่วยเหลือ

ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวในหัวข้อ ‘โจทย์ใหม่ท้องถิ่นไทย : การเสริมสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา’ โดยระบุว่า  ปัญหาที่เป็นรากลึกของสังคมไทยคือปัญหาความเหลื่อมล้ำ การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำอาจเป็นคานงัดสำคัญที่จะทำให้เราสามารถทำให้เรื่องอื่นขยับตัวได้ดีขึ้น โดยความเหลื่อมล้ำมีมิติการมองสองเรื่องคือ 1. การทำให้ทุกคนมีโอกาสที่ใกล้เคียงกันพูดถึงเรื่องการศึกษาคือทุกคนมีโอกาสเข้าเรียนไม่ปิดกั้นบุคคลใด และ 2. ความสามารถในการใช้โอกาสเพราะทุกคนมีโอกาสแต่ไม่ใช่ว่าจะใช้โอกาสได้เท่ากันยกตัวอย่างเช่นเด็กทุกคนจบประถมมีโอกาสเรียนต่อมัธยมทุกคนเพราะมีโรงเรียนให้แล้ว แต่ความสามารถในการใช้โอกาสไม่เท่ากัน เพราะบางคนต้องประกอบอาชีพเลี้ยงพ่อแม่พิการ  

เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าเปิดเผยอีกว่า มิติการมองเรื่องความเหลื่อมล้ำต้องมองทั้งสองด้าน ทั้งมิติเสนอทางเลือกโอกาสให้เขาได้รับประโยชน์ และการไปค้นหาข้อจำกัดของเขาว่าเพราะเหตุใดเข้าเรียนไม่ได้ ขอย้ำว่าการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่ได้แปลว่าทำให้ทุกคนเท่ากัน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ทุกคนเท่ากัน แต่จะช่วยลดความแตกต่างช่องว่างของการได้รับโอกาสและการเข้าถึงโอกาสให้ใกล้เคียงกันมากขึ้น  ทำให้ทุกโรงเรียนมีคุณภาพการศึกษาใกล้เคียงกัน ไปดูว่าคนในพื้นที่เข้าถึงหรือไม่ การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำควรเป็นเป้าหมายลำดับต้น ๆ ของยุทธศาสตร์ชาติที่จะเข้าไปแก้ไข ทั้งมิติสังคม การศึกษา เศรษฐกิจ สุขภาพ ความยุติธรรม การประกอบอาชีพ 

โดยสถานการณ์โควิด-19 ยิ่งทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำชัดเจนและซับซ้อนมากขึ้นเ เช่น การเรียนออนไลน์ของเยาวชนแต่ละคนขาดความพร้อมเรื่องอุปกรณ์แทบเล็ต ไว-ไฟ  หรือคุณภาพการเรียนการสอนที่ไม่เท่ากัน รวมทั้งการเรียนออนแฮนด์ ออนไซต์ ออนไลน์ ซึ่งไมได้เข้าถึงทุกคน หน้าที่ของท้องถิ่นคือเข้าไปหาฐานข้อมูลเหล่านี้ รวมถึงคุณภาพการศึกษาผ่านการเรียนออนไลน์ ที่ไม่สามารถจัดการศึกษาที่มีคุณภาพได้เท่าห้องเรียนจริง  ๆ บางครั้งการจัดการเรียนออนไลน์ด้วยความไม่ถนัดของครูก็เป็นปัญหาซ้ำเติม โควิดทำให้เราต้องกลับมาคิดเรื่องการจัดการศึกษาทีลึกขึ้นและค้นหารายละเอียดมากขึ้นในการทำงาน 

เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า  กล่าวอีกว่า ถามว่าทำไมท้องถิ่นต้องเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำเพราะท้องถิ่นมีความรับผิดชอบใน 3 ทาง คือ  1. ความรับผิดชอบทางกฎหายอำนาจหน้าที่ตามพ.ร.บ.กำหนดให้ท้องถิ่นต้องทำหน้าที่เรื่องการศึกษา คุณภาพชีวิต  2.  ความรับผิดชอบทางสังคม ต้องดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องลูกหลานคนในชุมชน และ 3. ความรับผิดชอบทางการเมืองงานท้องถิ่น เป็นเรื่องของอาสาสมัครไม่มีใครบังคับทำให้ท้องถิ่นตอบสนองต่อปัญหาได้เร็ว ความรับผิดชอบนี้มากกว่าความรับผิดชอบของส่วนราชการที่มีแค่ความรับผิดชอบตามกฎหมาย ดังนั้นท้องถิ่นจึงต้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพราะหากแก้ได้ก็จะแก้ปัญหาอีกหลายเรื่อง 

“ทำไมท้องถิ่นต้องให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษา เดิมเราอาจคิดว่าโรงเรียนเทศบาลเป็นโรงเรียนชั้นสอง แต่ตอนนี้มีโรงเรียนเทศบาลที่เหนือกว่าโรงเรียน สพฐ. จำนวนมาก จากการการประเมินจัดการศึกษา โรงเรียนของท้องถิ่นอยู่ในอันดับที่ดีกว่าโรงเรียนของกระทรวง ท้องถิ่นสามารถเข้ามาจัดการศึกษาได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยท้องถิ่นมีต้นทุนทางสังคมที่ดี มีความรับผิดชอบต่อประชาชนในท้องถิ่น การศึกษาเป็นบันไดการเคลื่อนตัวของสังคม คนยากจนด้อยโอกาสถ้ามีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดีจะมีโอกาสขยับฐานะทางสังคมได้” เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าว 

นอกจากนี้ ท้องถิ่นยังมีความยืดหยุ่น และมีอิสระในการใช้ทรัพยากรทางการบริหารและมีความยืดหยุ่นที่จะออกแบบเป้าหมายได้มากกว่ากระทรวงศึกษาธิการ เรามีหลักสูตรแกนกลางแต่จะออกแบบหลักสูตรอีกหลายเรื่องให้สอดรับกับท้องถิ่นควรมีความรู้เข้าใจเรื่องใดเป็นพิเศษ และการจัดการศึกษาเชื่อมโยงไปสู่ปัญหาอื่น สามารถนำปัญหาในชุมชนเป็นตัวตั้งเชื่อมกับการศึกษาเรียนรู้ของเด็ก ท้องถิ่นสามารถขยายปรัชญาการศึกษาเพื่อสร้าง Education for All หรือ การจัดการศึกษาที่ครอบคลุมทุกคน ทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่แค่เด็กเท่านั้น ตอนนี้มีการพูดถึงเรื่อง Upskill Reskill มากขึ้น และ All for Education ขยายการเรียนรู้มากว่าในห้องเรียน   การศึกษาของท้องถิ่นช่วยลดความเหลื่อมล้ำในท้องถิ่นได้  การศึกษาคือคานงัดสำคัญในการแก้ไขปัญหาสังคม

ศาสตราจารย์วุฒิสาร กล่าวว่า เป้าหมายของการศึกษาท้องถิ่นในปัจจุบันคือการศึกษาที่มีความเท่าเทียมทุกคนต้องได้รับโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ Education for Equalization รองรับทุกคนให้ได้เรียนไม่ให้มีใครหลุดไป โรงเรียนเทศบาลไม่มีสิทธิเลือกรับเด็ก ไม่ว่าจนหรือรวยต้องได้เรียน ระดับที่สองคือการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ อาจเลือกบางโรงเรียนพัฒนาเป็นโรงเรียนเพื่อความเป็นเลิศในบางด้านเช่น ดนตรี กีฬา หัตถกรรม การเดินทางทางการศึกษาของท้องถิ่นมีสองระดับ ระดับแรกคือทำให้เกิดความมเสมอภาคและเพื่อความเป็นเลิศด้านต่าง ๆ เราสามารถกำหนดเป้าหมายได้ ถ้าเราทำได้ดีจะสร้างอนาคตได้ดี

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาท้องถิ่นทำเรื่องการศึกษาอยู่แล้วทั้งการจัดการศึกษา การสนับสนุนอาหารกลางวัน อุปกรณ์การเรียน การเรียนเสริม โดย ปี 2563 มีอปท. ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น 48 แห่ง แต่ต้องถามว่าทำครบถ้วนหรือยัง ท้องถิ่นทำอะไรได้อีก เช่น  1. Coverage คือต้องไปดูว่ามีใครตกสำรวจ ทำให้ครบถ้วนเด็กทุกคนต้องเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา 2. Deepening ทำให้ลึกขึ้น และ 3. กำหนดเป้าหมายการศึกษาท้องถิ่นคือเรื่องความเสมอภาคและความเป็นเลิศ  สรุปท้องถิ่นสามารถแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำได้  โดยเริ่มจากกำหนดเป้าหมาย กำหนดแนวทางที่เหมาะสม และสร้างระบบเอื้ออำนวยต่อการจัดการศึกษาผนวกกำลังชุมชนในท้องถิ่น  ผู้ปกครองชุมชนควรเป็นหุ้นส่วนวนในการตัดสินใจทิศทางการศึกษาควรเป็นอย่างไร 

นอกจากนี้ยังมี กสศ. ที่เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนและรวมพลังท้องถิ่น จะเข้ามาเป็นกำลังเสริมในการพัฒนา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ และสถาบันพระปกเกล้าจะร่วมพัฒนาท้องถิ่นต่อไปโครงการนี้เป็นการเรียนรู้ร่วมกัน แบ่งปันประสบการณ์ช่วยกันเติมเต็ม หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้ท้องถิ่น  5,000-6,000 แห่งได้เกิดการเรียนรู้ นำไปรับใช้ในพื้นที่ ทางสถาบันพระปกเกล้าและ กสศ. พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานร่วมกันต่อไป

รายชื่อโรงเรียน พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

จังหวัด นราธิวาส จำนวน 4 โรงเรียน

  • โรงเรียนผดุงมาตร
  • โรงเรียนสวนพระยาวิทยา
  • โรงเรียนราชพัฒนา
  • โรงเรียนนราสิกขาลัย

จังหวัดยะลา จำนวน 15 โรงเรียน

  • โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 94 (บ้านบ่อน้ำร้อน)
  • โรงเรียนคุรุชนพัฒนา
  • โรงเรียนบ้านตาเซะ
  • โรงเรียนบ้านราโมง
  • โรงเรียนบ้านกาตอง
  • โรงเรียนบ้านหลักเขต
  • โรงเรียนพัฒนาบาลอ
  • โรงเรียนบ้านโกตาบารู
  • โรงเรียนบ้านตะโละหะลอ
  • โรงเรียนบ้านเยาะ
  • โรงเรียนบ้านโต
  • โรงเรียนบ้านลูโบ๊ะปันยัง
  • โรงเรียนบ้านคลองน้ำใส
  • โรงเรียนบ้านสะเอะ
  • โรงเรียนกาบังพิทยาคม

จังหวัดปัตตานี จำนวน 16 โรงเรียน

  • โรงเรียนวุฒิชัยวิทยา
  • โรงเรียนนิคมสร้างตนเองโคกโพธิ์ มิตรภาพที่ 148
  • โรงเรียนบ้านบางมะรวด
  • โรงเรียนบ้านท่าน้ำตะวันออก
  • โรงเรียนบ้านน้ำบ่อ
  • โรงเรียนบ้านปาลัส
  • โรงเรียนบ้านตรัง
  • โรงเรียนบ้านกระเสาะ
  • โรงเรียนบ้านบูดี
  • โรงเรียนบ้านฝาง
  • โรงเรียนบ้านตะโละไกรทอง
  • โรงเรียนบ้านน้ำดำ
  • โรงเรียนบ้านโลทู
  • โรงเรียนบ้านวังกว้าง
  • โรงเรียนสะนอพิทยาคม
  • โรงเรียนวังกะพ้อพิทยาคม

รายชื่อโรงเรียน ภาคตะวันตก

จังหวัดตาก จำนวน 1 โรงเรียน

  • โรงเรียนบ้านร่มเกล้า 2

รายชื่อโรงเรียน พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

จังหวัด นราธิวาส จำนวน 6 โรงเรียน

  • โรงเรียนผดุงมาตร
  • โรงเรียนสวนพระยาวิทยา
  • โรงเรียนราชพัฒนา
  • โรงเรียนนราสิกขาลัย
  • โรงเรียนพิทักษ์วิยากุมุง
  • บ้านบูเก๊ะตาโมง มิตรภาพที่ 128

จังหวัดสงขลา จำนวน 20 โรงเรียน

  • โรงเรียนบ้านม้างอน
  • โรงเรียนวัดประจ่า
  • โรงเรียนจะนะชนูปถัมภ์
  • โรงเรียนบ้านป่าโอน
  • โรงเรียนชุมชนนิคม สร้างตนเองเทพา
  • โรงเรียนบ้านกระอาน
  • โรงเรียนบ้านวังใหญ่
  • โรงเรียนเทพา
  • โรงเรียนบ้านป่าเร็ด
  • โรงเรียนบ้านนาปรัง
  • โรงเรียนทับช้างวิทยาคม
  • โรงเรียนชุมชนบ้านนากัน
  • โรงเรียนบ้านโคกตก
  • โรงเรียนบ้านคอลอมุดอ
  • โรงเรียนบ้านบาโหย
  • โรงเรียนเขาแดงกุศลวิทยา
  • โรงเรียนบ้านเขาพระ
  • โรงเรียนบ้านพระพุทธ
  • โรงเรียนบ้านปากบางนาทับ
  • โรงเรียนบ้านคูนายสังข์

จังหวัดยะลา จำนวน 10 โรงเรียน

  • โรงเรียนบ้านราโมง
  • โรงเรียนพัฒนาบาลอ
  • โรงเรียนบ้านโกตาบารู
  • โรงเรียนบ้านตะโละหะลอ
  • โรงเรียนบ้านคลองน้ำใส
  • โรงเรียนบ้านสะเอะ
  • โรงเรียนกาบังพิทยาคม
  • บ้านด่านสันติราษฎร์
  • อัยเยอร์เวง
  • บ้านจุโป

จังหวัดปัตตานี จำนวน 8 โรงเรียน

  • โรงเรียนวุฒิชัยวิทยา
  • โรงเรียนบ้านกระเสาะ
  • โรงเรียนบ้านตะโละไกรทอง
  • โรงเรียนบ้านน้ำดำ
  • โรงเรียนบ้านโลทู
  • โรงเรียนบ้านวังกว้าง
  • โรงเรียนวังกะพ้อพิทยาคม
  • บ้านบางทัน

รายชื่อโรงเรียน ภาคตะวันตก

จังหวัดตาก จำนวน 1 โรงเรียน

  • โรงเรียนบ้านร่มเกล้า 2