“Free School-in-a-Box” นวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา
กสศ. จับมือ StartDee - True - Samsung- Kerry Express ริเริ่ม “Free School-in-a-Box” ช่วยเด็กหลุดจากการเรียนรู้เพราะออกไปทำงานหรือไม่มีอุปกรณ์ ได้กลับมาเรียน พร้อมชวนคนไทยร่วมกันบริจาคส่งต่อมือถือหรือแท็บเล็ต ให้น้อง ๆ ที่ขาดแคลน

“Free School-in-a-Box” นวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา

สาเหตุที่ทำให้เด็กยากจนหลุดออกจากระะบบการศึกษา  นอกจากความยากจนทำให้เด็กๆต้องออกจากโรงเรียนมาทำงานเป็นเสาหลักของบ้านแล้ว ยังพบว่ามีปัจจัยจากการไม่มีอุปกรณ์การเรียนออนไลน์  จนทำให้หลุดออกจากระบบในที่สุดเช่นกัน  นี่คือช่องว่างความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในวิกฤตโควิด-19      

5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กสศ. StartDee บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด และบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ริเริ่มโครงการ “Free School-in-a-Box” โรงเรียนหลังที่สอง เปิดกว้างให้เด็กที่หลุดออกจากการเรียนรู้และระบบการศึกษาจากวิกฤตโควิด-19 ได้กลับมาเรียนต่อ ด้วยแนวทางที่ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับความจำเป็นรายบุคคล โดยเริ่มต้นที่ 6,500 คน

พริษฐ์ วัชรสินธุ ซีอีโอ บริษัท เอ็ดดูเคชั่น เทคโนโลยี จำกัด ที่พัฒนาแอปพลิเคชัน StartDee    

Free School-in-a-Box  เกิดจากความคิดในการสร้างโรงเรียนหลังที่สอง ที่มีความยืดหยุ่น  รองรับนักเรียนที่หลุดจากระบบการศึกษา เพื่อให้กลับเข้าสู่ระบบได้อย่างไร้รอยต่อ StartDee ในฐานะที่มีซอฟต์แวร์และสื่อการสอนสำหรับทุกวิชาหลักในระดับชั้น ป.4 – ม.6 ได้ร่วมกับ กสศ. ที่มีข้อมูลเด็กกลุ่มเสี่ยงหลุดจากระบบและเด็กนอกระบบการศึกษาทั่วประเทศ และบริษัทเอกชนที่เป็นพันธมิตร ” 

“กล่องนี้จะเป็นแบบจำลองโรงเรียนที่เด็กๆ จะเข้าถึงได้ โดยภายในประกอบด้วย 3 สิ่งที่สำคัญ อย่างแรกคือ มือถือจากซัมซุง มือถือและแท็บเล็ตมือสองที่ประชาชนร่วมบริจาคเข้ามา สองคือ ซิมอินเทอร์เน็ตฟรีจากทรู และสามคือโค้ดฟรีเพื่อเข้าถึงทุกคลังความรู้ทั้งหมดในแอปพลิเคชั่น StartDee ได้ครบถ้วน หลังจากส่งกล่องไปถึงมือเด็ก ๆ แล้ว กสศ.ร่วมกับ StartDee พร้อมระดมครูอาสาสมัครที่จะคอยช่วยสนับสนุน จัดคู่มือการเรียน ให้คำแนะนำน้องๆ วางแผนการเรียน การสอบ เพื่อให้ผ่านพ้นอุปสรรคและเรียนให้สำเร็จไปในแต่ละขั้นได้”

“หลายประเทศที่มีการปฏิรูปการศึกษาในช่วงโควิดแล้วพบว่าความเปลี่ยนแปลงได้นำไปสู่ทิศทางทางการศึกษาใหม่ๆ ที่ควรคงไว้หลังจากช่วงโควิด เช่น การลงทุนด้านสิทธิ์ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตหรือโลกออนไลน์อันเป็นแหล่งความรู้มหาศาลสำหรับทุกคน การตัดเนื้อหาหลักสูตรที่ไม่จำเป็นออก หรือการปรับการสอนออนไลน์ให้มีมาตรฐานผ่านการพัฒนาทักษะครูและความหลากหลายของการผลิตสื่อการสอน รวมถึงการแบ่งบทบาทให้ครูรับผิดชอบในส่วนที่เทคโนโลยีทำไม่ได้ เช่น การออกแบบกระบวนการเรียนรู้ เป็นที่ปรึกษาให้นักเรียน พัฒนาสมรรถนะ ดูแลจิตใจ อะไรที่ถูกปรับและได้ผลสำเร็จในช่วงโควิดเราควรเก็บไว้ เพื่อพัฒนาการศึกษาในอนาคตต่อไป”

ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

ปัญหาการหลุดออกจากระบบการศึกษาของเด็กและภาวะถดถอยทางการเรียนรู้มีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ธนาคารโลกประเมินว่า จะมีระดับความเสียหายสูงที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กสศ.พยายามระดมความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนที่มีความยืดหยุ่น เพื่อให้เยาวชนมีโอกาสทางการศึกษาและการประกอบอาชีพควบคู่กันไป รวมทั้งร่วมกันทดลองต้นแบบระบบการศึกษาทางเลือกใหม่ (Alternative Education) โดยโครงการ “Free School-in-a-Box” เป็นหนึ่งในความพยายามค้นหาวิธีการเอาชนะอุปสรรคในการจัดการเรียนรู้ภายใต้สถานการณ์ Covid-19  ทำให้เห็นว่าทุกภาคส่วนสามารถระดมทรัพยากรกำลังเพื่อช่วย  “บรรเทาผลกระทบ” และ “เสริมแรง” ครูและผู้ปกครองในการดูแลเด็กเยาวชนในช่วงเวลาสำคัญนี้”

“ครู ผู้ปกครอง สถานศึกษา และภาคส่วนต่าง ๆ พยายามจะช่วยสนับสนุนเด็กเยาวชนทุกคนผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน มีนวัตกรรมที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการศึกษาและการจัดการเรียนการสอนในอนาคต และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสมอภาค รวมถึงการมีแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพและไม่จำกัดเพียงแค่ในรั้วโรงเรียน จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้การศึกษาไปถึงเด็กทุกคน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้”

ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

“จากข้อมูลพบว่าเด็กยากจนพิเศษ 80% เข้าไม่ถึงการศึกษาออนไลน์เพราะเรื่องอุปกรณ์สัญญาณ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เด็กซึ่งมีความสามารถแต่ขาดโอกาส ทางกลุ่มบริษัททรู โดยมูลนิธิสานอนาคตทางการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี (CONNEXT ED FOUNDATION) ได้มีส่วนร่วมยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้พัฒนาอย่างยั่งยืนผ่าน 5 ยุทธศาสตร์หลัก เช่น การระดมทุนเพื่อการศึกษา พัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน ที่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง ตลอดจนเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ทางบริษัททรูมีความยินดี ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการนำซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือมาให้น้องๆ6,500 ซิม ทำให้สามารถเข้าไปเรียนในแอปพลิเคชันของสตาร์ทดี ตลอดจน แอปพลิเคชันพื้นฐาน เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก ยูทูบ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมในการเรียนรู้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้ดาต้า  รวมทั้งยังช่วยเติมเต็มด้วยระบบ VLEARN ที่จะเป็นเครื่องมือสำหรับให้คุณครูเข้ามาสอนสดกับนักเรียนอีกด้วย

“สถานการณ์ขณะนี้ยังเป็นเพียงแค่เวฟแรกที่กำลังจะมีเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง ตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่พวกเรามุ่งมั่นมาช่วยกันเติมเต็มแก้ปัญหา ซึ่งความยากจนพิเศษเป็นของชั่วคราว พวกเขาจะหลุดพ้นได้หากมีความรู้ และความรู้มีวันหมดอายุ ต้องหาความรู้ใหม่เพิ่มเติม”

น.ส.ปารมี ทองเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซัมซุงได้มุ่งเน้นในการพัฒนาสังคมผ่านโครงการด้านการศึกษามาโดยตลอด เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ในการเปลี่ยนแปลงสังคมในเชิงบวกและสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน ตามวิสัยทัศน์ด้านความรับผิดชอบทางสังคม “Together for Tomorrow! Enabling People” และจากสถานการณ์ปัจจุบันที่นักเรียนต้องปรับตัวเข้าสู่การเรียนออนไลน์ จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นี้ ซัมซุงในฐานะผู้นำนวัตกรรมระดับโลกจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภาคการศึกษาไทยโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยการบริจาคสมาร์ทโฟนจำนวน 500 เครื่อง ซึ่งเป็นสินค้าที่เคยถูกนำมาใช้ในกิจกรรมทางการตลาดแต่ยังคงมีสภาพดี ผ่านโครงการ “Free School-in-a-Box”

“ซัมซุงเชื่อว่านวัตกรรมมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคมได้ทุกมิติ​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการศึกษา ซึ่งการมีอุปกรณ์ที่ดีจะช่วยต่อยอดพร้อมขยายขอบเขตการเรียนรู้ของเยาวชนให้กว้างไกลยิ่งขึ้น ด้วยสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพนี้จะทำให้นักเรียนสามารถเข้าถึงการเรียนออนไลน์ได้อย่างสะดวกขึ้น ไร้อุปสรรคทางด้านเทคนิค ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเรียนผ่านโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันต่างๆ การถ่ายภาพเพื่อส่งการบ้านได้อย่างคมชัด หรือการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายขึ้น พร้อมผลักดันให้เด็กๆ สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพโดยไม่ต้องกังวลถึงปัญหาด้านเทคโนโลยี”

คุณวราวุธ นาถประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ที่ผ่านมาทางเคอรี่ได้จัดส่งอุปกรณ์การศึกษาให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัย เด็กมัธยม ในช่วงที่ต้องจัดการเรียนการสอนที่บ้านอย่างต่อเนื่อง เมื่อได้รับโจทย์ที่จะต้องจัดส่ง “Free School-in-a-Box” จึงตอบรับโดยไม่ลังเล เพื่อขอรับไม้ต่อเป็นไม้สุดท้ายในการนำเครื่องมืออุปกรณ์ที่ดีไปส่งถึงมือน้องๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ชายขอบห่างไกล พื้นที่เกาะ หรือบนดอย ก็จะไปส่งให้ถึงปลายทางให้กับน้อง ๆ ทุกคน ด้วยการจัดส่งให้เร็วที่สุด ผ่านเครือข่ายที่เข้มแข็งทั่วประเทศ”  

“เราเชื่อเรื่องความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่มีความพร้อม ซึ่งเคอรี่เองมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศและมีความพร้อมในเรื่องจัดส่ง ทำให้ส่งอุปกรณ์ไปถึงมือน้องทุกคนได้อย่างรวดเร็ว และถ้าทุกหน่วยงานใช้ความพร้อมและความเข้มแข็งในโครงการที่ดีเช่นนี้ เราก็จะร่วมขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าได้ รวมทั้งหากต่อไปมีโครงการอื่นอีก ทางเคอรี่ก็พร้อมที่จะสนับสนุนและจะช่วยส่งต่อไม้สุดท้ายเพื่อทำให้น้อง ๆ เกิดการเรียนรู้”

สำหรับ “Free School-in-a-Box” ประกอบไปด้วย

  1. แพ็คเกจการเรียนของ StartDee ตลอดปีการศึกษา มีเนื้อหาการเรียนการสอนครอบคลุมทุกบทเรียนในทุกวิชาหลัก ตั้งแต่ ป.4 ถึง ม.6 ด้วยคลิปวิดีโอบทเรียนกว่า 10,000 คลิป และการันตีคุณภาพด้วยยอดนักเรียนดาวน์โหลดเรียนกว่า 1,000,000 คนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา 
  2. ซิมการ์ดจากทรูเพื่อให้น้องๆเรียนออนไลน์และท่องโลกการเรียนรู้โดยไม่เสียค่าอินเทอร์เน็ตจำนวน 6,500 ซิม และสิทธิพิเศษกดรับสิทธิในการใช้งานแอปพลิเคชัน StartDee โดยไม่มีค่าบริการอินเทอร์เน็ต 12เดือน ด้วยความเร็วต่อเนื่อง 4Mbps. สิทธิพิเศษสำหรับซิมเรียนที่บ้านเท่านั้น รับสิทธิ์กด *900*1311# โทรออก
  3. มือถือสมาร์ทโฟน กรณีที่น้อง ๆ ไม่มีอุปกรณ์และบริการจัดส่งถึงมือน้อง ๆ ทั่วประเทศ โดย Kerry Express
  4. ทีมครูอาสา พูดคุย ให้คำปรึกษา และแนะนำเรื่องการเรียน เพื่อช่วยให้น้อง ๆ ทุกคนสามารถกลับเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ที่เปิดกว้างได้อย่างไร้รอยต่อ

ผู้สนใจสามารถร่วมบริจาคมือถือหรือแท็บเล็ตร่วมโครงการได้ที่
“โครงการ StartDee Free School”
บริษัท เอ็ดดูเคชั่น เทคโนโลยี จำกัด เลขที่ 926 โครงการบล็อก 28 อาคารซี ชั้น3 ซอย จุฬา 7 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
โทร. 0-2481-9981