“ภูมิใจที่สุดคือได้ใบประกาศนี้มาอยู่ในมือ เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้” : สุพรรณวดี เจเถื่อน นักศึกษาทุน กสศ.
นักศึกษาทุน กสศ. ผู้กลับสู่เส้นทางการเรียนรู้ผ่านโครงการราชบุรี Zero Dropout

“ภูมิใจที่สุดคือได้ใบประกาศนี้มาอยู่ในมือ เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้” : สุพรรณวดี เจเถื่อน นักศึกษาทุน กสศ.

“ถ้าวันนั้นประตูไม่เปิดออก ไม่มีครูเดินเข้ามา หนูคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้” 

น้องหน่อย-สุพรรณวดี เจเถื่อน เล่าความรู้สึกในวันสำเร็จการศึกษาหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ หลังใช้เวลาเรียน 6 เดือนที่โรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล หัวหิน พร้อมกล่าวขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในเส้นทางการเรียนรู้ครั้งใหม่ของเธอ เส้นทางที่เปิดขึ้นอีกครั้งหลังการปักหมุดพื้นที่นำร่องโครงการราชบุรี Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน ในปี 2565 ซึ่งบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนการทำงานร่วมกับ กสศ. และคณะทำงานพื้นที่จังหวัดราชบุรี เพื่อนำไปสู่การค้นหาและค้นพบเยาวชนราว 400 คน ที่ไม่มีรายชื่ออยู่ในระบบการศึกษา และน้องหน่อยคือหนึ่งในเยาวชนกลุ่มนั้น

“หนูว่าสำหรับคนที่เคยหลุดไปแล้ว การกลับมาเรียนไม่ง่ายเลย” 

หน่อยอธิบายจากประสบการณ์ตรง ก่อนขยายความถึงสิ่งที่ว่า ‘ไม่ง่าย’ ว่าถึงแม้ตลอด 2–3 ปีที่ผ่านมา เธอจะรีดเค้นเอาพลังกายพลังใจทั้งหมดมาสู้กับปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ จนสุดตัว แต่หลายครั้งก็แทบถอดใจยอมแพ้ เพราะไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะกลับมาเรียนจนสำเร็จได้

เธอย้อนเล่าถึงชีวิตก่อนวันที่บานประตูเปิดออกว่า
“ตอนหลุดจากโรงเรียน หนูอยู่ชั้น ม.1 ช่วงนั้นแม่ป่วย ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อย ส่วนพ่อก็ทำงานหนักเพื่อหาเงิน หน้าที่ดูแลแม่ที่โรงพยาบาลจึงเป็นของหนู ทำให้ไปโรงเรียนน้อยลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายตัดสินใจเลิกเรียนเพื่อดูแลแม่เต็มตัว”

(กลาง) น้องหน่อย-สุพรรณวดี เจเถื่อน

‘อยู่ตรงนั้นเป็นปี คิดว่าอยากดูแลแม่ให้ดีที่สุด’ 

สำหรับเด็กคนอื่น วัยมัธยมต้นคือช่วงที่ภาพฉากรอบตัวกำลังเปลี่ยนผ่าน จากเด็กชาย-หญิงเข้าสู่วัยรุ่น เป็นห้วงแห่งการเรียนรู้ชีวิต สร้างสังคมใหม่ ๆ เพื่อซึมซับประสบการณ์ไว้ใช้ในการเติบโต 

…หากสำหรับหน่อย วันเดือนปีเหล่านั้นมีเพียงทิวทัศน์เดิม ๆ คือแม่ เตียงพยาบาล บ้าน และสังคมของคนทำงานในโรงพยาบาล ซึ่งกลายมาเป็นภาพคุ้นชินของชีวิตเธอ

“หนูอยู่ตรงนั้นเป็นปี จนวันที่แม่ไม่อยู่แล้ว ถึงเริ่มคิดว่าจะกลับไปเรียน” 

หน่อยพูดถึงวันที่คุณแม่จากไป ซึ่งทำให้เธอเตรียมตัวจะกลับไปเรียนอีกครั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เส้นทางชีวิตของหน่อยได้ฉีกห่างจากโรงเรียนแล้วโดยสิ้นเชิง ทั้งเพื่อนร่วมชั้นที่เปลี่ยนหน้าตาไปหมด หรือเงื่อนไขของการต้องไล่แก้ 0 ร และ มส อีกไม่น้อย เพื่อจะได้ไปต่อ 

ท้ายที่สุด ‘ความรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน’ ก็ทำให้หน่อยเลือกถอยออกมา

“หนูคิดว่าคงกลับไปเรียนไม่ได้แล้ว เลยว่าจะเริ่มเรียน ม.1 ใหม่ หรือไม่ก็ไปเรียน สกร. แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้ทำสักที จนพ่อเริ่มสุขภาพแย่ลงเพราะโหมงานหนักมาหลายปี ทีนี้เราเลยต้องล้มเลิกแผนทั้งหมดมาดูแลพ่อ”

การอยู่บ้านดูแลพ่อครั้งนี้ ต่างจากคราวอยู่โรงพยาบาลกับแม่ หน่อยเริ่มรู้สึกถึงความคิดภายในที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป จากคำถามว่า “เมื่อไหร่จะได้กลับไปเรียน” กลายเป็น “สงสัยว่าคงจะไม่ได้กลับไปแล้ว”

และคือช่วงที่หน่อยบอกว่า 

ถ้าวันนั้นประตูไม่เปิดออก เธอคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้

“ตอนนั้นหนูอยู่แต่บ้าน แทบไม่ได้ไปไหน เรื่องเรียนก็หลุดจากหัวไปเรื่อย ๆ …แต่ในวันธรรมดา ๆ วันหนึ่ง ก็มีครูมาหาที่บ้าน และบอกว่าจะพาเรากลับไปเรียน”

ครูที่หน่อยพูดถึงคือ ‘ครูพีท’ จรรยวรรธน์ ผิวเกลี้ยง ครูโรงเรียนมหาราช 7 ผู้มีบทบาทสำคัญในการพาเด็กจำนวนไม่น้อยในอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี กลับมาสู่เส้นทางการเรียนรู้ ผ่านแนวทาง ‘1 โรงเรียน 3 รูปแบบ’ ซึ่งเป็นระบบการจัดการเรียนรู้ที่โรงเรียนปรับให้ยืดหยุ่นได้ทั้งหลักสูตร สถานที่เรียน ตัวชี้วัด วิธีประเมินผล และการนับเวลาเรียน

“จำได้ค่ะว่าดีใจมาก เพราะอยากเรียน แต่เราก็บอกครูว่ากลัวหลุดออกมาอีก เพราะต้องดูแลพ่อ” หน่อยเล่าว่า ครูพีทได้แนะนำรูปแบบการเรียนที่ช่วยให้เธอสามารถเรียนและดูแลพ่อไปพร้อมกันได้ที่เรียกว่า 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ และนั่นทำให้เธอตัดสินใจสมัครทันที

ครูพีท-จรรยวรรธน์ ผิวเกลี้ยง

“…1 โรงเรียน 3 รูปแบบคืออะไร พูดให้เห็นภาพคือ เราจะเรียนจากที่ไหนก็ได้ โดยครูจะออกแบบบทเรียนที่ปรับจากชีวิตประจำวันของเรา อย่างของหนูหลัก ๆ เป็นเรื่องการดูแลพ่อ ดูแลบ้าน และจะมีบางวิชาที่ต้องเข้าไปเก็บที่โรงเรียน สัปดาห์ละ 1–2 วัน”

เมื่อได้กลับมาเรียนตามที่ตั้งใจ หน่อยใช้โอกาสอย่างคุ้มค่า และใช้เวลาราว 1 ปีเก็บหน่วยกิตครบตามหลักสูตร จนจบชั้น ม.3 ได้สำเร็จ ระหว่างนั้นเธอมีโอกาสร่วมกิจกรรมแนะแนวอาชีพ และได้พบว่าประสบการณ์จากการดูแลพ่อแม่ กำลังกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ก้าวไปสู่การเรียนรู้ในระดับต่อไป    

“ช่วงกำลังจะจบ ม.3 หนูได้รู้จักโรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล หัวหิน ซึ่งเป็นสถาบันสอนเรื่องการดูแลเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ตอนนั้นเลยคิดว่า หลายปีที่ใช้เวลาดูแลแม่กับพ่อ ทำให้เราสนใจและอยากเรียนรู้เรื่องการพยาบาลอย่างจริงจัง พอเรียนจบจากโรงเรียนมหาราช 7 หนูจึงเลือกเรียนต่อหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ และย้ายมาเรียนที่หัวหิน”

‘เกือบทิ้งฝันกลางทาง เพราะไม่เชื่อในตัวเอง แต่ก็ฮึบกลับมาได้เพราะกำลังใจจากคนที่เชื่อมั่นในตัวเธอ’ 

การจากบ้านที่อำเภอจอมบึงมาเรียนที่หัวหิน หน่อยบอกว่าเป็นความท้าทายที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะทุกอย่างล้วนใหม่หมด โดยเฉพาะการใช้ชีวิตลำพังในเมืองที่ไม่คุ้นเคย ความเหงาและความกลัวค่อย ๆ ก่อตัว และแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกว่า ‘ไม่มั่นใจในตัวเอง’

“หนูเริ่มต้นอย่างมั่นใจว่าอยากทำอาชีพนี้ เพราะเป็นความผูกพันตั้งแต่ดูแลแม่กับพ่อ แต่สามเดือนแรกของการเรียนกลับเป็นช่วงที่ยากที่สุด ทุกอย่างใหม่หมด ทั้งโรงเรียน เพื่อน เมือง ที่อยู่ หนูรู้สึกเหงามาก จนมีความคิดว่าเราอาจทำไม่สำเร็จวนอยู่ในหัว พอเป็นแบบนั้น บางวันตื่นมาก็ไม่อยากไปเรียน บางทีก็แวบขึ้นมาว่า…กลับบ้านดีกว่า

…แต่อุตส่าห์มาตั้งไกล ยังไงก็ต้องจบให้ได้”

ถึงท้อถอยเป็นบางครั้ง แต่หน่อยไม่เคยหยุดพยายาม ยังคงก้าวไปช้า ๆ อาศัยความสม่ำเสมอ และใช้แรงใจจากคนที่เชื่อมั่นในตัวเธอมาช่วยผลักดันจนพ้นผ่าน

“ช่วงที่ท้อที่สุด หนูพยายามบอกตัวเองว่าเราอุตส่าห์มาตั้งไกล ต้องสู้ อย่ายอมแพ้ แต่บางทีแค่นั้นก็ยังไม่พอ โชคดีที่มีกำลังใจจากคนรอบข้างคอยช่วย ทั้งเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในชั้นเรียน ที่บอกให้พยายามไปด้วยกัน เขาจะสอนทุกอย่างที่เราไม่เข้าใจ คอยบอกเสมอว่าเขาเชื่อว่าเราทำได้ และจะไม่ปล่อยมือเราจนกว่าจะถึงตรงนั้น กำลังใจแบบนี้ทำให้หนูมั่นใจขึ้นมาก”

เธอยังเล่าว่า พ่อก็เป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญ
“พ่อจะบอกว่าถึงยังทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่อย่ายอมแพ้ เพราะเราได้โอกาสมาแล้ว พ่อไม่อยากให้ทิ้งไป”

และอีกคนที่ไม่เคยห่าง คือครูพีท
“ครูคอยโทรมาถามตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง สิ่งที่ครูทำมีผลมาก ๆ ค่ะ เพราะทำให้รู้ว่าเราไม่ได้สู้คนเดียว”

‘วันแห่งความสำเร็จที่มาถึง’

มาถึงวันนี้ น้องหน่อยถือใบประกาศไว้ในมือ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเส้นทางสายอาชีพของเธอกำลังเริ่มต้นขึ้น หน่อยบอกว่าสิ่งที่ประทับใจที่สุด คือวินาทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกับใบประกาศนียบัตร เพราะมันคือการยืนยันว่า “ทุกสิ่งที่เคยกลัว ได้ผ่านไปแล้ว”

“ดีใจค่ะ ตื่นเต้นด้วย ปนกันไปหมด ภูมิใจที่สุดคือตอนได้ใบประกาศมาอยู่ในมือ และได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ เพราะเราไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ หนูอยากขอบคุณทุก ๆ คนที่คอยสนับสนุน และอยากบอกตัวเองว่าจะไปต่อให้ได้ จะทำให้ได้มากกว่านี้อีก”

หน่อยบอกว่า ตอนนี้เธอมีงานทำแล้ว ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุของโรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล ซึ่งเป็นทั้งการเริ่มต้นประกอบอาชีพ และคือช่วงแห่งการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ เพื่อรอวันพร้อมศึกษาต่อในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล และต่อไปถึงการศึกษาปริญญาตรีพยาบาลศาสตรบัณฑิต อันเป็นความฝันสูงสุดของเธอในตอนนี้

กสศ. ขอแสดงความยินดีกับ ‘น้องหน่อย’ สุพรรณวดี เจเถื่อน ในโอกาสสำเร็จการศึกษาหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ จากโรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล หัวหิน และขอขอบคุณบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) โรงเรียนมหาราช 7 โรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล ตลอดจนครูและคณะทำงานในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ที่ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการ “เปิดประตูบานนั้น” เพื่อพาเด็กทุกคนกลับสู่เส้นทางเรียนรู้ ด้วยความหวังว่า…
การศึกษาจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็ก ๆ ได้ในวันข้างหน้า