เมื่อพื้นที่ชายแดนส่งสัญญาณถึงความไม่สงบอีกครั้ง “ครู” คือคนแรก ๆ ที่ต้องลุกขึ้นสวมบทบาท “ผู้รักษาความปลอดภัย” ให้เด็กและชุมชน
วันนี้ ครูเบนซ์ – จันจิรา ฉิมทะเล ครูรัก(ษ์)ถิ่นรุ่นแรก จากโรงเรียนบ้านทดวงศ์สมบูรณ์ ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว เล่าให้ฟังถึงความอ่อนไหวบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และทำให้การเตรียมพร้อมกลับมาเป็นวาระสำคัญอันดับหนึ่งอีกครั้ง
พื้นที่ที่ไม่เคยเหมือนเดิม หลังเหตุปะทะครั้งแรก
“ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่มีเหตุการณ์ปะทะครั้งแรก พื้นที่โรงเรียนก็มีทหารมาประจำการ กลายเป็นภาพที่กระทบจิตใจเด็ก ๆ รอบก่อนโรงเรียนปิดไปสองสัปดาห์ ต้องปรับเป็นครูเดินแจกใบงานตามบ้านนักเรียน 149 คน จนเหตุการณ์กลับสู่ปกติ”
แม้โรงเรียนจะอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุถึง 68 กิโลเมตร แต่ครูเบนซ์บอกว่า
“เราไม่เคยวางใจ เพราะความปลอดภัยทั้งภายนอกและภายในของเด็กต้องมาก่อนเสมอ”
หลังเหตุการณ์นั้น โรงเรียนซ้อมแผนเผชิญเหตุเป็นประจำ และครูทุกคนรู้สึกเหมือนกันว่า
“จากวันนั้น โรงเรียนไม่เคยกลับไปเหมือนเดิมอีกเลย”

ความหลากหลายที่เคยอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน…กลับค่อย ๆ เงียบลง
โรงเรียนตั้งอยู่ในชุมชนที่มีความหลากหลาย ทั้งคนไทย ชาวกัมพูชา และกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งเคยใช้ชีวิตปะปนกันตามวิถีปกติ
แต่ความไม่สงบทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“เด็กเชื้อสายกัมพูชาส่วนหนึ่งไม่กล้ามาโรงเรียน เพราะกลัวถูกจับส่งกลับประเทศ ผู้ปกครองบางคนก็ให้ลูกหยุดเรียนไปก่อนจากกระแสข่าวที่ได้รับ ทางโรงเรียนก็พยายามช่วยกันสื่อสารทำความเข้าใจ และให้ความมั่นใจว่าเด็กทุกคนยังมาเรียนได้ตามปกติ”
ในชีวิตประจำวัน ภาพที่คุ้นเคยก็หายไปทีละอย่าง
“เมื่อก่อนเวลาไปตลาด เราจะเจอเด็กหรือคนทำงานชาวกัมพูชาเดินปะปนกันตามปกติ แต่วันนี้แทบไม่เห็นแล้ว งานที่เคยจัดการสนุกสนานในชุมชนก็เงียบ ไม่ค่อยมีคน เหมือนชีวิตคนในพื้นที่ถูกฉีกแยกออกจากกันไป”

บทบาทใหม่ของโรงเรียนและครู: ปกป้องความรู้สึกปลอดภัยของเด็กเหนือสิ่งอื่นใด
ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ทำให้บทบาทของโรงเรียนและครูต้องปรับตัวอย่างมาก
“กับเด็ก ๆ เราต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เขา โดยเฉพาะการประคับประคองดูแลจิตใจ ไม่ว่าเขาจะมีเชื้อชาติใดก็ตาม เพราะเรามีทั้งเด็กที่กลัวเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจะลุกลามมาถึงชุมชน หรือบางคนกลัวจะถูกริบสถานะนักเรียน บางคนกลัวจะถูกแยกจากครอบครัว ซึ่งหมายถึงทุกคนกำลังสับสนไม่แน่ใจ กับความไม่แน่นอนของอนาคต
เพราะสำหรับเด็ก ความรู้สึกปลอดภัยคือเงื่อนไขแรกของการเรียนรู้
“ส่วนอีกด้านของความไม่สงบที่ส่งผลต่อพื้นที่ ก็ต้องมีแผนสำรองเผื่อไว้ ว่าถ้าเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีกหรือมีแนวโน้มจะกระทบมาถึงชุมชน เราจะทำให้เด็ก ๆ และคนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ โรงเรียนปลอดภัยได้อย่างไร นอกจากการจัดการเรียนการสอนและดูแลเด็ก อีกหน้าที่ของครูและโรงเรียนในตอนนี้ จึงต้องเป็นเหมือนผู้ดูแลความปลอดภัยของชุมชนด้วย”

เมื่อความไม่สงบอาจยืดเยื้อ…ระบบการศึกษาต้องมีแผนรับมือเฉพาะพื้นที่ชายแดน
ครูเบนซ์เล่าว่า แม้บางวันที่โรงเรียนต้องปิด แต่ครูทุกคนยังคงอยู่ที่โรงเรียนเต็มเวลา ผลัดเวรดูแลพื้นที่ตลอด
และยิ่งมองไปข้างหน้า เธอก็ยิ่งเชื่อว่า พื้นที่ชายแดนต้องมี “แผนการเรียนรู้เฉพาะ” ไม่ใช่ใช้แนวทางเดียวกับพื้นที่ทั่วไป
“ตอนนี้ถ้าโรงเรียนปิด เราทำได้แค่แจกใบงานแบบออนแฮนด์ ซึ่งผู้บริหารและคุณครูที่โรงเรียนมองว่ายังไม่พอ เราต้องการระบบที่ยืดหยุ่นกว่านี้ ทั้งสื่อการเรียนรู้ อุปกรณ์ และแนวทางที่รองรับสถานการณ์ยืดเยื้อ”ครูเบนซ์ทิ้งท้ายว่า
“ความสำคัญอันดับแรกตอนนี้คือความปลอดภัยของเด็กและชุมชน ส่วนการจัดการเรียนรู้ระยะยาว…เราต้องร่วมมือกับนักการศึกษาและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อหานวัตกรรมมาช่วยแก้ปัญหา คลี่คลายอุปสรรคไปด้วยกัน”