แค่ได้ไปถึงสนาม เด็ก ๆ ก็ชนะแล้ว “ทองผาภูมิวิทยา” ขบวนรถขนฝันจากชายแดน ที่ฝ่าภูเขา แม่น้ำ และระยะทาง 400 กิโลเมตรมาพิสูจน์หัวใจ

แค่ได้ไปถึงสนาม เด็ก ๆ ก็ชนะแล้ว “ทองผาภูมิวิทยา” ขบวนรถขนฝันจากชายแดน ที่ฝ่าภูเขา แม่น้ำ และระยะทาง 400 กิโลเมตรมาพิสูจน์หัวใจ

“แค่เดินทางไปถึงสนาม ผมก็คิดว่าเด็ก ๆ ของเราชนะแล้ว”

ครูเกียรติพงษ์ สุขเพิ่ม ผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา เล่าถึงความรู้สึกในการพาเด็ก ๆ จากจังหวัดกาญจนบุรีลงแข่งเป็นครั้งแรกในฟุตบอลนักเรียน 7 คน แชมป์กีฬา 7HD แชมเปียนคัพ 2025 แม้ผลการแข่งขันจะจบลงด้วยการพ่ายจุดโทษ 2-3 หลังเสมอในเกม 20 นาทีกับทีมโรงเรียนบางปะอิน จังหวัดอยุธยา 0-0 ทำให้ประตูสู่รอบต่อไปปิดลงทันที แต่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เด็ก ๆ วิ่งไล่ตามความฝันบนสนามฟุตบอลเทพหัสดินนั้น กลับบรรจุเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ซึ่งจะฝังในความทรงจำของทีมฟุตบอลโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาไปอีกนาน

ครูเกียรติพงษ์พูดว่า “แค่ได้ประทับรอยเท้าลงบนสนามก็เหมือนได้ชัยชนะ” นั่นใช่เพียงคำปลอบใจเพราะ ๆ หากคือความพยายามเปรียบให้เห็นภาพหลุมบ่อและเส้นทางยาวไกลกว่า 400 กิโลเมตร ที่เด็ก ๆ ต้องฝ่าฟันจากโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่สุดเขตแดนประเทศไทย บริเวณเทือกเขาตะนาวศรี พื้นที่ที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน ป่าทึบปกคลุม และความเชี่ยวกรากของแม่น้ำแควน้อยในฤดูฝน ที่ยิ่งทำให้ระยะทางสู่สนามฟุตบอลกลางกรุงเทพฯ ไกลออกไปอีกหลายเท่า

“แม้โรงเรียนเราจะเป็นโรงเรียนประจำอำเภอ แต่เพราะเป็นศูนย์กลางการเรียนต่อระดับมัธยม ทำให้มีเด็กมาจากหลายตำบล หลากหลายชาติพันธุ์ และด้วยพื้นที่อำเภอกินบริเวณกว้างใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี เด็กบางคนจึงมาจากหมู่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า บางคนมาจากพื้นที่ภูเขา บางคนต้องนั่งเรือถ่อแพล่องแม่น้ำมากกว่าครึ่งวันกว่าจะถึงโรงเรียน นักเรียนส่วนหนึ่งจึงต้องอยู่หอพักที่โรงเรียน …และน้อง ๆ นักฟุตบอลทั้งทีมก็คือเด็กกลุ่มนี้”

ครูเกียรติพงษ์เล่าว่า โรงเรียนเริ่มทำทีมฟุตบอลขึ้นเมื่อราว 3–4 ปีก่อน ด้วยแนวคิด “ใช้กีฬาเป็นเครื่องมือเปิดโอกาสในชีวิตให้เด็ก ๆ” ไม่ว่าด้านการเรียนหรือการพัฒนาอนาคต เด็กที่เรียนดี ประพฤติดี หรือมีความสามารถด้านกีฬา โรงเรียนจะหาทุนสนับสนุน ปัจจุบันทีมฟุตบอลมีสมาชิกตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.6 รวมประมาณ 20 คน เป็นเด็กหอทุกคน ได้รับอาหารครบมื้อและมีทุนการศึกษารองรับเช่นเดียวกับนักกีฬาอื่น ๆ โดยทุกวันจะฝึกซ้อมเช้า–เย็น และเรียนตามปกติในช่วงกลางวัน 

“ทีมฟุตบอลเรามีเด็กนักเรียนที่ได้ทุนเสมอภาคของ กสศ. ด้วย อุดหนุนลงไปยังเด็กจากครัวเรือนที่มีรายได้น้อยที่สุดเกือบครึ่งทีม และสำหรับน้อง ๆ เหล่านี้ หลายคนมองทุนการศึกษาว่าเป็นจุดเริ่มต้นความฝัน เป็นแรงขับให้อยากเอาชนะข้อจำกัด โดยเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่มีทุ่มเทลงไปที่การเล่นฟุตบอล ด้วยเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตได้”

20 นาทีแห่งการล่าฝัน บนสนามฟุตบอล 7 สี

“จริง ๆ เราไม่ได้มาเป็นปีแรก” ครูเกียรติพงษ์เท้าความถึงประสบการณ์ปีก่อน ที่เด็ก ๆ จากทองผาภูมิต้องกลับบ้าน โดยยังไม่มีใครสักคนได้ย่างเท้าลงสนาม 

“ฟุตบอล 7 สีปีก่อน เป็นระบบเก่า คัดเลือกรอบแรกด้วยวิธีจับสลากหาทีมชนะ แน่นอนว่าทีมเราที่มาครั้งแรกและไม่ได้เป็นทีมวางก็ต้องพึ่งดวง ซึ่งผลออกมาว่าเราจับได้ตกรอบ เลยกลับบ้านโดยยังไม่ได้เตะสักนัด ปีนี้เราเลยกลับมาอีกครั้ง พร้อมกฎใหม่ที่ทุกทีมจะได้แข่งแบบแพ้คัดออก หมายความว่ายังไงคราวนี้เราจะมีหนึ่งแมตช์แน่ ๆ ก่อนไปเลยตั้งเป้ากันว่าขอชนะสัก 1-2 เกม ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะเราซ้อมหนักมาหลายเดือน ตระเวนไปแข่งก็หลายที่ เราถึงเชื่อว่าจะทำได้” คุณครูพูดถึงความเชื่อมั่นก่อนเกม  

หลายเดือนที่ผ่านมา เด็ก ๆ ซ้อมหนักและเดินทางไปแข่งหลายที่ ครูจึงเชื่อมั่นว่าพวกเขามีโอกาส แต่สิ่งที่คณะผู้ฝึกสอนกังวลมากกว่าคู่แข่งในสนาม คือ “ระยะทาง” จากทองผาภูมิ ถึงสนามเทพหัสดิน

หนึ่งวันก่อนแข่งขัน เด็ก ๆ และทีมโค้ชออกเดินทางด้วยรถสองแถวเก่า ๆ หนึ่งคัน กับรถตู้อายุไม่น่าจะต่ำกว่า 30 ปีอีกคันหนึ่ง

“โรงเรียนเราเคยมีรถหกล้อ หน้าตาคล้าย ๆ รถขนฝันของหมอนทองวิทยา แต่ใช้เดินทางไกลบ่อยก็เลยพังไป ตอนนี้เลยใช้รถตู้โรงเรียนกับรถที่ยืมครูในโรงเรียนมาอีกคัน ขนเด็ก 15 คนกับผู้ฝึกสอนส่วนหนึ่ง ออกเดินทางตอนตี 3 ก่อนแข่งหนึ่งวัน เพราะจากโรงเรียนไปถึงตัวจังหวัดก็หลายชั่วโมงแล้ว คืนแรกจึงวางแผนค้างกันที่นครปฐม อาศัยพึ่งพาบ้านของคนรู้จักกัน ก่อนที่เช้าวันถัดมาค่อยออกแต่เช้ามืดเพื่อไปสนามเทพหัสดิน”         

คุณครูบอกว่าแม้การเดินทางไม่สะดวกสบาย อาหารการกินก็ต้องหอบหิ้วมาเอง จากพ่อแม่ผู้ปกครองที่ฝากติดไม้ติดมือมาให้ แต่น้อง ๆ ยังมีกำลังใจดี จนไปถึงสนาม ทุกคนตื่นเต้น ดีใจที่จะได้ลงแข่ง ปลุกใจกันว่าจะลงไปทำให้ดีที่สุด 

“สุดท้ายผลปรากฏว่าเราเสมอในเกม แล้วแพ้ด้วยการยิงจุดโทษ”

ในฐานะผู้ฝึกสอน ครูเกียรติพงษ์มองว่า นี่คือวันที่เด็ก ๆ แสดงให้เห็นหัวใจอันแข็งแรง แม้เหนื่อยจากการเดินทางข้ามภูเขา หรือกดดันจากการลงแข่งขันรายการใหญ่ครั้งแรก แต่การเล่นกับทีมที่มีทักษะและประสบการณ์เหนือกว่า แล้วเสมอในเวลา ถือว่าพวกเขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว

“ในเกมเราก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เราประทับใจที่เด็กเต็มที่กันทุกวินาที ยิ่งทบทวนว่าพวกเขาต้องสู้กับอะไรบ้างกว่าจะได้ไปอยู่ตรงนั้น ผมถึงบอกว่าแค่เดินทางไปถึงสนาม เด็ก ๆ ก็ชนะแล้ว” 

‘ปรากฎการณ์หมอนทองถึงทองผาภูมิ หวังให้ไฟที่จุดติดสาดแสงถึงโรงเรียนห่างไกลโอกาสอีกนับร้อย …ที่ก็สู้อยู่เช่นกัน’           

“นอกจากชื่นชมให้กำลังใจ เราบอกเด็กให้เก็บทุกอย่างเป็นบทเรียน เพื่อปีต่อไปเราจะกลับมา”

 แต่การกลับมานั้น ไม่ใช่แค่การฝึกซ้อมหนักขึ้นเท่านั้น ยังมีคำถามและอุปสรรคมากมายที่ทีมต้องช่วยกันคิดต่อ

“ถึงจะบอกว่าได้ขนาดนี้ก็ถือว่ามาไกลมากแล้ว และเราจะพยายามกันมากขึ้นเพื่อไปไกลยิ่งกว่าเดิม แต่เชื่อเถอะว่าทุกทีมต่างคิดเหมือนกัน และการฝึกซ้อมในรอบหนึ่งปีนี้ จะเป็นตัววัดว่าใครแกร่งขึ้นได้มากกว่า พอพูดถึงเรื่องนี้ก็มาคิดว่าเราต้องกลับไปแข่งกับทีมที่มีสนามซ้อม มีอุปกรณ์ หรือมีทุนที่พร้อมกว่า แล้วจะมีประตูไหนให้เราสู้ได้บ้าง”

เด็ก ๆ โรงเรียนทองผาภูมิวิทยายังไม่มีสนามฟุตบอลในโรงเรียน ต้องไปใช้สนามเทศบาล แม้โรงเรียน ชุมชน และวัดจะช่วยดูแล แต่ก็ยังขาดอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น ลูกฟุตบอลและรองเท้า ซึ่งต้องรอการบริจาคจากผู้ใหญ่ใจดี 

“เราไม่ได้ใช้ความเสียเปรียบด้านทรัพยากรเป็นข้ออ้างของความพ่ายแพ้ เพราะสุดท้ายแล้วฟุตบอลมันต้องวัดกันจริง ๆ ที่ช่วงเวลาในสนาม แต่สิ่งที่อยากชวนคิด คืออยากให้ย้อนดูความเป็นไปได้ ที่เราจะหันไปมองโรงเรียนเล็ก ๆ หรือโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล แล้วช่วยกันกระจายทรัพยากรไปถึงให้มากกว่านี้  

“ปรากฎการณ์ของทีมโรงเรียนหมอนทองวิทยาในฟุตบอล 7 สีปีนี้ มันทำให้เรามีความหวังว่าไฟที่จุดติดแล้วจะสาดแสงไปถึงโรงเรียนอีกนับร้อยที่กำลังสู้อยู่ลำพัง เพื่อที่ในอนาคตเราจะมีนักฟุตบอลและทีมฟุตบอลของแต่ละโรงเรียนที่ ‘พร้อมพอ’ จะเอาศักยภาพที่ดีที่สุดไปวัดกันในสนาม โดยไม่มีทีมใดต้องมาพร้อมสตอรีของความขัดสนอีก แล้วถ้าทำได้จริง ประโยชน์ก็จะตกเป็นของประเทศไทยที่จะมีนักฟุตบอลหรือนักกีฬาดี ๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก”

ใช้กีฬาพาเด็ก ๆ ไปสู่โอกาสทางการศึกษา

ครูเกียรติพงษ์กล่าวว่า การส่งเสริมให้เด็กเล่นกีฬา สำหรับบางโรงเรียนอาจต่อยอดไปสู่โอกาสทางการศึกษาได้โดยตรง เช่นในอำเภอที่ถูกล้อมด้วยภูเขาสูงและความกันดารห่างไกลของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ได้มอบพื้นฐานให้กับเด็ก ๆ ทั้งด้านวินัย ความพยายาม การเคารพผู้อื่น จนถึงความตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้สามารถประยุกต์กับชีวิตประจำวัน หรือใช้ได้ในทุกอาชีพ

“เราพยายามใช้กีฬามาช่วยต่อยอดการศึกษา และสร้างรากฐานชีวิตให้กับเด็ก เพราะเชื่อว่าเมื่อเด็ก ๆ ได้พบสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวได้ มันจะเป็นเส้นทางใหม่ ๆ ที่พาไปสู่ความสำเร็จ อย่างที่ผ่านมาโรงเรียนเรามีนักฟุตบอลและกีฬาอื่น ๆ ได้โควตาไปเรียนต่อระดับสูงในสถาบันใหญ่ในเมือง หรือบางคนก็ถูกเรียกไปคัดตัวเป็นเยาวชนทีมชาติ มีเบี้ยเลี้ยง มีโอกาสก้าวหน้า จึงมั่นใจว่าทางโรงเรียนได้มาถูกทางแล้ว และจะพยายามเดินตามแนวทางนี้ต่อไป”