นี่คือสีหน้าของคนแพ้
แพ้แต่ก็อยากมาอยู่ดี – เขาบอก
“11-0 ไม่ก็ 12-0 ครับ” เป็นสกอร์ ที่ ‘อิ๊กคิว’ วรภพ กาเตจ๊ะ 1 ใน 7 ตัวจริงทีมฟุตบอลเยาวชนลำปางหลวง วัย 15 คิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าฟุตบอลนัดพิเศษ การแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน แชมป์กีฬา 7HD 2025 เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา จบลงด้วยสกอร์นี้แน่ๆ
ยิ่งพอมาถึงกรุงเทพฯ ครั้งแรก เท้าสองข้างได้เหยียบสนามศุภชลาศัย ในฐานะทีมฟุตบอลของ กสศ. เด็กที่เกิดลำปางอย่างอิ๊กคิวก็ใจเต้นตู้มต้ามเข้าไปอีก ไม่ต้องพูดถึงตอนเจอคู่แข่ง ‘ทีมรวมตัวตึง กระแสดัง’ ของแชมป์กีฬา 7 HD ที่อุดมไปด้วยคนที่ตัวใหญ่กว่า อายุเยอะกว่า เก๋ากว่า ไหนจะมีต่างชาติเข้ามาดวลแข้งด้วยอีก หัวจิตหัวใจของเด็กวัย 15 มันจะหลุดออกมาเลยมั้ยนะ
“ตื้นเต้นมากๆๆๆ ใจเต้นแต่เมื่อคืนนอนหลับครับ” คงเป็นเพราะอิ๊กคิวและทีมซ้อมหนักมาหลายเดือนก่อนแข่งจริงก็มีแข่งอุ่นเครื่องก่อนอีก
อีกไม่กี่นาทีลงสนาม อิ๊กคิวบอกว่ามาดวลแข้งหนนี้ เผื่อใจไว้แล้วว่าแพ้
“ถ้าไม่ชนะ ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราได้มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ที่ที่คนเค้ามากันเยอะ” สายตาหลังจบประโยคนี้มันแสนจะวิบวับมาก ส่วนใจ – ไปอยู่สนามเรียบร้อยแล้ว

สำหรับอิ๊กคิว การเล่นฟุตบอลต้องใช้ประสบการณ์ ไม่เหมือนห้องเรียน การลงสนามจึงไม่ต่างจากการสอบ ที่ไม่ว่าชนะหรือแพ้ก็ได้ประเมินตัวเองเสมอ “สนามใหญ่สอนแรงเรา จะได้รู้ว่าแรงของเรามันไหวแค่ไหน”
เกิดมา 15 ปี นักฟุตบอลแต่ชื่อเล่นเป็นเณรน้อย มีกองเชียร์อย่างมากสุดก็แค่เพื่อนๆ เพิ่งมาได้เห็นกองเชียร์มหาศาลก็หนนี้
“คนเชียร์เยอะ ทำให้เราสู้ ถ้าคนโห่ ก็ไม่เป็นไร ให้เค้าโห่ไป”
เพราะเจ้าตัวพกกำลังใจมาเต็มเปี่ยม
“ตายายบอกสู้ๆ นะ เดี๋ยวที่บ้านเป็นกำลังใจให้ เดี๋ยวตากับยายจะรอดูถ่ายทอดอยู่ที่บ้าน ตายายดูผ่านทีวี แม่ดูทางมือถือ เพราะทำงานอยู่อีกที่”

แพ้แค่ไหนก็จะมา
2-0 คือสกอร์จบเกมจริงที่เกิดขึ้นระหว่างทีมฟุตบอลเยาวชนลำปางหลวง กสศ.และ ทีม ‘รวมตัวตึง กระแสดัง’ ของแชมป์กีฬา 7 HD
แต่สีหน้าของคนแพ้กลับไม่เศร้าเลย
แพ้แต่อยากมา – อิ๊กคิวยังยืนยันคำเดิม
“มันนิดดดดเดียว” อิ๊กคิวเน้นเสียงสูงตรงคำว่านิดเป็นพิเศษเพื่อย้ำว่ามันนิดเดียวจริงๆ หลังจากตำแหน่งริมเส้นของเขาในแมตช์เห็นเพื่อนศูนย์หน้าได้โอกาสยิงลูกแล้วชนคาน พลาดองศาไปนิดเดียว
นอกจากจะไม่เศร้า แววตาของอิ๊กคิวยังบอกอีกแรงว่า 2-0 ก็มาไกลมากแล้วสำหรับเด็กคนหนึ่งที่เคยหลุดออกนอกระบบตอน ม.1 เพราะตอนนั้นเอาเวลาเรียนไปซ้อมและแข่งฟุตบอล ก่อนที่โค้ชและฟุตบอลจะชวนกลับมาเข้ามาเรียนได้
ตอนนี้อิ๊กคิวเป็นนักเรียนโรงเรียนมือถือ (Mobiel School) รุ่น 2 เทศบาลตำบลลำปางหลวง ด้วยรูปแบบการเรียนที่ยืดหยุ่นกับชีวิต จนไม่ต้องเลือกระหว่างฟุตบอลกับการเรียน
“เราใช้วิธีให้เรียนผ่านศูนย์การเรียน CYF ควบคู่ไปกับการดูแลทีมฝึกซ้อม พาไปแข่งขัน จนระหว่างทางมีน้องๆ ในทีมสามารถจบ ม.3 ได้สำเร็จจากการเรียน Mobile School รุ่นแรก” หมอตุ้ย – สันติพงษ์ ศิลปสมบูรณ์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลลำปางหลวง และแกนนำเครือข่ายค้นหาและช่วยเหลือเด็กนอกระบบการศึกษา กสศ. ซึ่งพัฒนาโครงการ ‘ร่วมสร้างชุมชนแห่งโอกาสและการเรียนรู้’ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) อธิบายให้ฟัง

เพราะ ‘โรงเรียนเคลื่อนที่’ แบบนี้มีไว้สำหรับเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา อายุระหว่าง 7 -24 ปี ที่มีข้อจำกัดในชีวิตทำให้ไม่สามารถเรียนในโรงเรียนหรือสถานศึกษารูปแบบอื่นได้ ทั้งหมดนี้เป็นความร่วมมือของโครงการการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น (flexible learning) สมัชชาการศึกษาจังหวัดลำปาง ที่ดำเนินการเรื่องการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (Area-based Education : ABE) กับ กสศ.
ผู้ใหญ่อาจเคยสอนว่าไม่ควรจับปลาสองมือ แต่อิ๊กคิวแทงสวนด้วยการจับทั้งฟุตบอลและการเรียน และทำมันทั้งคู่ได้ดีด้วยรูปแบบการเรียนที่ยืดหยุ่นตามจังหวะของชีวิต
“แต่ก่อนเพื่อนพาโดดเรียนเล่นบอลบ้าง เล่นฟุตซอลบ้าง ไม่ได้เข้าเรียนเลย แต่ตอนนี้พอได้กลับมาเรียน ได้เรียนภาษา ได้ความรู้ไปด้วย ได้ทักษะฟุตบอลไปด้วย มันส่งเสริมกัน”
ที่สำคัญ “มันทำให้ผมเล่นบอลอย่างสบายใจมากขึ้นด้วย” ตอนนี้ฟุตบอลกลายเป็นชีวิตประจำวันไปแล้ว อิ๊กคิวบอก
อิ๊กคิวไม่ได้คิดเองไปคนเดียว เพราะ ‘จ่าเย็น’ มงคล ทศไกร อดีตทีมชาติไทย โค้ชของทีมฟุตบอลเยาวชนลำปางหลวงที่ดูแลเด็กๆ ย้ำว่าการเล่นฟุตบอลอย่างสบายใจไม่มีเรื่องทุกข์ข้างหลัง มันสำคัญจริงๆ
“สำคัญมาก เพราะทุกกีฬามันต้องใช้กำลังและความคิด ถ้าเราเครียดหรือมีเรื่องกังวล ความสามารถจะลดลงโดยธรรมชาติ แต่ถ้าเราเล่นด้วยความสบายใจ จินตนาการมันเกิด เล่นแล้วมีความสุข สนุก มันก็เกิดไอเดีย พอเล่นสนุกมันก็สร้างผลงานได้ สร้างอะไรหลายอย่างให้กับตัวเองให้ทีม ถ้าเครียดเมื่อไหร่ความสามารถจะลดลงทันที ถ้าคุณเล่นแล้วมีความสุขเมื่อไหร่ เมื่อนั้นความสามารถคุณก็จะออกมาเองโดยธรรมชาติ”

จ่าเย็นบอกอีกว่า ไม่ใช่แค่เด็กลำปางหลวง ยังมีเด็กอีกหลายจังหวัดที่ขาดโอกาสด้านการศึกษา โครงการฯ นี้สร้างแรงบันดาลใจและชักนำน้องที่อยู่นอกระบบได้กลับเข้ามาร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ดนตรี ฯลฯ
ตลอดสองเดือนเต็มที่ได้ดูแลทีม ทำให้จ่าเย็นเห็นว่ามีเพียง ‘โอกาสทางการศึกษา’ เท่านั้นที่เด็กกลุ่มนี้มีไม่เท่าเด็กคนอื่น
“เราได้เห็นเค้าในวันแรกตั้งแต่ไม่เป็นเลย มาจนถึงวันที่เค้าเข้าใจกีฬาฟุตบอลมากขึ้น ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่ต้นเก่ง ผมก็เหมือนกัน เค้าพยายามเรียนรู้ในสิ่งที่เราให้ สิ่งที่เราบอก เด็กกลุ่มนี้ตั้งใจมาก อยากทำเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เค้าสู้มากกว่าปกติ สู้กับคำดูถูกต่างๆ มันช่วยได้เยอะ”
แพ้อย่างเดียวแต่ชนะทุกอย่าง
ในฐานะโค้ช จ่าเย็นบอกว่าการมาแข่งที่กรุงเทพฯ หนนี้มีอย่างเดียวที่แพ้คือแต้ม นอกนั้นเด็กๆ ชนะหมด
“ในสนามมีสิ่งเดียวที่เค้าแพ้คือสกอร์ แต่สิ่งที่ผมเห็นคือเค้าเอาชนะใจตัวเอง เอาชนะขีดความสามารถที่เค้าเคยมี เอาชนะทุกอย่างที่เค้าไม่เคยคิดว่าจะเอาชนะได้”

และความพ่ายแพ้มักจะสอนอะไรมากกว่าชัยชนะเสมอ
“ทำให้น้องๆ รู้ว่ายังมีคนที่เก่งกว่าเค้า กำลังมีคนที่ทำงานหนักกว่าเค้า การพ่ายแพ้มันคือบทเรียน คือความผิดพลาด กีฬาฟุตบอลใครผิดพลาดมากกว่าก็แพ้ไป การพ่ายแพ้มันทำให้เรากลับมาแข็งแกร่งขึ้นได้ และพยายามปรับปรุงแก้ไขส่วนที่เราผิดพลาด ให้เหลือน้อยที่สุด ถ้าใครผิดพลาดน้อยสุดคนนั้นคือผู้ชนะ” จ่าเย็นบอก
อิ๊กคิวก็คิดแบบนี้เหมือนกัน รู้มาตั้งแต่ก่อนลงสนามว่าคู่แข่ง ‘ตัวตึง’ แค่ไหน
“ไม่เป็นไรครับ กลับไปพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น โอกาสหน้าเราก็อาจได้มาในจุดๆ นี้อีก เราจะไม่หยุดพัฒนา ทีมเค้าตึงทุกคน เค้ารู้ระบบ วันนี้ได้เห็นว่ากำลังเค้ามากกว่าเราเยอะ ทักษะด้วย ความเร็ว ตัวใหญ่ ถ้ากลับไป ผมจะกลับไปพัฒนาตัวเองมากขึ้น จาก 1 เท่าก็เป็น 2-3 เท่าเลย”
จบแมตช์หยุดโลกไปแล้ว อิ๊กคิวบอกว่าหลังจากนี้จะกลับไปให้เวลาการเรียนเป็นหลักก่อน อยากเอาให้จบ ม.3 แต่ก็จะซ้อมบอลเรื่อยๆ ไม่หยุดพัฒนา

อิ๊กคิวรักตากับยายมาก การได้กลับไปเรียนและเรียนให้จบ เป็นสิ่งที่ตากับยายฝันไว้
“เขาอยากให้เรามีงานทำ งานอะไรก็ได้ ไม่อยากให้เราทุกข์ โตมาให้อยู่สบาย”
และทั้งหมดนี้คือสีหน้า แววตา และความคิดของคนแพ้