นิวซีแลนด์ทุ่ม 1,200 ล้านยกเครื่องระบบการศึกษาพิเศษ
โดย : John Gerritsen - RNZ
แปลและเรียบเรียง : นงลักษณ์ อัจนปัญญา

นิวซีแลนด์ทุ่ม 1,200 ล้านยกเครื่องระบบการศึกษาพิเศษ

รัฐบาลนิวซีแลนด์จัดงบมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ประกาศเดินหน้ายกเครื่องระบบการศึกษาพิเศษทั่วประเทศ พร้อมให้คำมั่น ระบบการศึกษาพิเศษจะขยายการสนับสนุนการเรียนรู้แก่เด็กพิการอีกหลายพันคนของนิวซีแลนด์

Jan Tinetti รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนิวซีแลนด์ กล่าวว่า แผนการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากการทบทวนของรัฐบาลเกี่ยวกับการให้การสนับสนุนเด็กที่มีความต้องการและความเอาใจใส่พิเศษด้านการเรียนรู้ ซึ่งได้เริ่มขึ้นในช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ภายใต้แนวทางดังกล่าว จะเปลี่ยนแปลงจากระบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันที่โรงเรียนและครอบครัวสมัครขอทรัพยากรปันส่วน แทนที่จะให้ครอบครัวได้เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจให้การสนับสนุนที่ลูกได้รับมากขึ้น  และทำให้ครูสามารถดูแลรับผิดชอบผู้เรียนพิการในห้องเรียนได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม Tinetti กล่าวว่า รายละเอียดต่าง ๆ ยังไม่ได้รับการตัดสินใจ และทางกระทรวงศึกษาธิการจะต้องผ่านการตรวจสอบเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาการศึกษาดังกล่าวในเชิงธุรกิจภายในเดือนมิถุนายนปีหน้า

“เราไม่ได้พูดถึงการอุดรูรั่วของระบบการศึกษาพิเศษที่มี แต่เรากำลังพูดถึงวิธีใหม่ในการทำสิ่งต่าง ๆ เราทราบดีว่าพื้นที่นี้ (การศึกษาพิเศษ) เป็นพื้นที่ที่แตกแยกมากที่สุดในด้านการศึกษา เนื่องจากมีความเปราะบางและซับซ้อน อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ไม่เพียงแต่ภาคส่วนนี้เท่านั้นที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง แต่ยังรวมถึงครอบครัวของเยาวชนที่ด้อยโอกาสด้วย” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นิวซีแลนด์ ระบุ

Tinetti เชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนแปลงจะช่วยเพิ่มจำนวนเด็กพิการของนิวซีแลนด์ให้ได้ได้รับความช่วยเหลือที่สมควรมากขึ้น

ทั้งนี้ เจ้าตัวยังกล่าวอีกว่า ทางกระทรวงศึกษาธิการทราบจากหน่วยงานสวัสดิการสังคมว่า สำหรับเด็กทุก ๆ เจ็ดคนมีสามคนที่อาจไม่ได้รับการสนับสนุนการเรียนรู้ ซึ่งนั่นเท่ากับว่ารัฐบาลนิวซีแลนด์ ยังทำไม่ดีพอ

“เราต้องการให้เยาวชนทุกคนที่ได้รับการสนับสนุนด้านการเรียนรู้ที่จำเป็นและต้องได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้องเมื่อพวกเขาต้องการ” Tinetti ชี้แจง ก่อนย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้มีความชัดเจนและมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ เอกสารของคณะรัฐมนตรีที่เผยแพร่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงจะต้องมีการลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่อง และว่าทางกระทรวงศึกษาธิการจะยังคงเป็นผู้จัดสรรงบประมาณสำหรับทุนการศึกษาพิเศษ เพียงแต่จะจัดสรรทรัพยากรในรูปแบบที่ตอบสนองความต้องการของครูและเจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนการเรียนรู้ได้ดีที่สุด

ขณะที่ ครอบครัวของเด็ก ครู และเจ้าหน้าที่กระทรวงจะตัดสินใจในเรื่องการสนับสนุนใด ๆ ที่เด็กแต่ละคนต้องการ แทนที่จะปล่อยให้การตัดสินใจนั้นเป็นเรื่องของคณะกรรมการ ฯ ซึ่งไม่รู้จักและไม่เข้าใจเด็กอย่างถ่องแท้เท่ากับครอบครัว ครู และเจ้าหน้าที่กระทรวง ฯ ที่ทำงานใกล้ชิดกับเด็กมากกว่า

รายงานระบุว่า ในเอกสารได้เขียนถึงวิธีการใหม่ที่จะเพิ่มความต้องการให้ตรงกับผู้ที่ได้รับ โดยเอกสารจะระบุความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองในปัจจุบัน

Tinetti อธิบายว่า ครูจะได้รับการฝึกอบรมมากขึ้นในการทำงานกับเด็กพิการ

นอกจากนี้ เอกสารของคณะรัฐมนตรียังระบุว่ารัฐบาลจะพยายามจัดการกับโรงเรียนบางแห่งและครูบางคนที่ต่อต้านการมีเด็กพิการในห้องเรียน

เนื้อความในเอกสารระบุอีกว่า ความร่วมมือนี้จะได้ผลดีที่สุดเมื่อนักการศึกษายอมรับความรับผิดชอบอย่างเต็มที่สำหรับผู้เรียนทุกคนในความดูแลของตน สิ่งนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมที่มีมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับความต้องการการสนับสนุนการเรียนรู้ในทุกระดับของระบบการศึกษา รวมถึงความเป็นผู้นำของโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้รับการต้อนรับและเห็นคุณค่าในฐานะส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ปฐมวัยหรือชุมชนโรงเรียน

“นักเรียนที่มีความต้องการได้รับการช่วยเหลือทางการเรียนรู้เป็นพิเศษในระดับสูงสุดยังคงประสบปัญหาอุปสรรคอย่างต่อเนื่องในการเข้าร่วมเรียนรู้ในชั้นเรียน ตลอดจนเรียนรู้ได้อย่างก้าวหน้า และประสบความสำเร็จในเส้นทางการศึกษาของพวกเขา ศูนย์การเรียนรู้และโรงเรียนระดับปฐมวัยยังคงไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอเพื่อให้รู้สึกมั่นใจและสามารถสนับสนุนนักเรียนที่มีความต้องการสูงสุดเหล่านี้ได้” เอกสารระบุ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นิวซีแลนด์ ให้คำมั่นว่าทางกระทรวง ฯ จะทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในเวลานี้ เช่น การลดความซับซ้อนของระบบการขอรับการสนับสนุนการเรียนรู้

ทั้งนี้เอกสารของคณะรัฐมนตรีได้แก้ไขการเปลี่ยนแปลงในทันทีที่สามารถทำได้ แต่จะไม่สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างขวางต่อระบบปัจจุบัน

จากการวิเคราะห์โดยฝ่ายสวัสดิการสังคม พบว่า นักเรียนประมาณ 5 % มีแนวโน้มที่มีความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองสูง ณ จุดใดจุดหนึ่งของเส้นทางการศึกษา ซึ่งหมายความว่าในปีใดปีหนึ่ง นักเรียนประมาณ 25,000 คนอาจพลาดการได้รับการสนับสนุนที่พวกเขาต้องการ เพื่อมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ในช่วงต้นหรือโรงเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ

ยิ่งไปกว่านั้น เอกสารยังระบุการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาในโรงเรียน

“เครือข่ายโรงเรียนแบบบูรณาการมีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดระบบสนับสนุนแบบคู่ขนานที่แยกนักเรียนพิการออกจากเด็กทั่วไป และทำให้แน่ใจว่าการตั้งค่าเฉพาะทางเหล่านี้จะผสานรวมเข้ากับโรงเรียนในท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนสามารถย้ายระหว่างการตั้งค่าต่าง ๆ ได้ตามความต้องการในขณะนั้น”

แม้จะยังคงมีประเด็นปลีกย่อยที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่น แต่ความเห็นของชาวนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่ต่างให้การสนับสนุนและตอบรับต่อการดำเนินการดังกล่าวของภาครัฐ ฯ รวมถึงโรงเรียน ซึ่งระบุว่า สิ่งที่เสนอมานี้เป็นที่ทางโรงเรียนร้องขอมานานอย่างต่อเนื่องแล้ว

Mark Potter อธิการบดีที่ได้รับเลือกจากสถาบันการศึกษา กล่าวว่า งบประมาณที่สนับสนุนมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา อย่างน้อยการที่รัฐบาลจัดสรรเงินทุนก่อนนี้มาเพื่อขยายขอบเขตโอกาสการศึกษาของผู้พิการทุพพลภาพย่อมดีกว่าไม่มีแน่นอน และอย่างน้อยที่สุดจำนวนเงินที่ได้จะเป็นก้าวแรกที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของระบบการศึกษานิวซีแลนด์ ซึ่งพิจารณาจากโครงการ การเปลี่ยนแปลงที่เสนอจะต้องใช้เวลาในการพัฒนารายละเอียด

ด้าน  Melanie Webber ประธานสมาคมครูมัธยมศึกษา กล่าวว่า สหภาพแรงงานกำลังมองหาข้อพิสูจน์ถึงการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงสำหรับกรณีดังกล่าวในปีหน้า

“เป็นความจำเป็นเร่งด่วนอย่างยิ่งสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจสำหรับครูที่เห็นการขาดการสนับสนุน” Webber กล่าว

John Bangma ครูใหญ่ของ Christchurch ตัวแทนของสมาพันธ์หลักและอยู่ในคณะทำงานที่ให้คำแนะนำแก่รัฐบาลในการทบทวน กล่าวว่ารู้สึกดีมีกำลังใจที่รัฐบาลได้ให้คำมั่นสัญญาในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและกำลังสละเวลาเพื่อพัฒนารายละเอียด“นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น และเราจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถวางแผนและทำให้มันเกิดขึ้นได้ ผมมีความหวังมาก” Bangma  กล่าว พร้อมระบุว่า ข้อมูลที่ทางรัฐบาลประมาณการว่า ยังมีเด็กอีก 30 % ที่ต้องการความช่วยเหลือดังกล่าวค่อนข้างน้อยกว่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และยังมีเด็กอีกมากที่ระดับความต้องการไม่ได้รับการตอบสนอง

ที่มา : Overhaul of the $1.2 billion special education system announced