สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 สุดยอดครู 14 ประเทศในอาเซียน ติมอร์-เลสเต บังกลาเทศ ภูฏาน และมองโกเลีย ผู้เปลี่ยนแปลงชีวิตศิษย์ และช่วยเด็กขาดโอกาส ทรงย้ำในยุคการเรียนรู้ที่ AI มีอิทธิพล ครูควรใช้ AI ให้เกิดประโยชน์ในการทำงาน และสอนนักเรียนให้ใช้ AI อย่างชาญฉลาด มีจริยธรรมและความรับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ประจำปี 2568 ณ ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยเป็นการประชุมในรูปแบบผสมผสานทางออนไลน์โดยเชื่อมสัญญาณกับสถานทูตไทยใน 13 ประเทศ ผู้เข้าร่วมพิธีทางออนไลน์ ประกอบด้วย เอกอัครราชทูตไทยประจำ 13 ประเทศ ผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ และแขกผู้มีเกียรติซึ่งจัดโดยสถานเอกอัครราชทูตไทยในแต่ละประเทศ
สำหรับผู้เข้าร่วมพิธีพระราชทานรางวัล ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัด คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครูไทยที่ได้รับรางวัลครูยิ่งคุณและครูขวัญศิษย์ และนักการศึกษา

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำรัสเนื่องในพิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี 2568 ว่า ขอแสดงความยินดีกับครูทั้ง 14 ท่าน จาก 10 ประเทศในอาเซียน ติมอร์-เลสเต บังกลาเทศ ภูฏาน และมองโกเลีย ที่ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นครูที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นครูผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตศิษย์ ครูที่มีคุณภาพจะนำไปสู่นักเรียนที่มีคุณภาพซึ่งจะกลายเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศต่อไป ครูจำเป็นต้องพัฒนาวิธีการสอนที่สอดคล้องกับบริบทของนักเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต หลักสูตรและวิธีการสอนควรจะวางรากฐานการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้นักเรียนพร้อมรับมือและเสริมสร้างทักษะสำหรับการทำงาน และทักษะสังคม ครูมีหน้าที่สร้างความตระหนักถึงคุณค่าทางวัฒนธรรม ชี้นำทางให้ลูกศิษย์ได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาตนเองให้ดีที่สุด ฃ
ในโลกปัจจุบัน AI มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้มากขึ้น ครูควรใช้ AI ให้เกิดประโยชน์ในการทำงาน และสอนนักเรียนให้ใช้ AI อย่างชาญฉลาด มีจริยธรรมและความรับผิดชอบ นับจากนี้ สุดยอดครูทั้ง 14 ท่าน สามารถร่วมมือกับครูเครือข่ายรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เพื่อช่วยเหลือครูท่านอื่น ๆ โดยเชื่อมั่นว่าครูรางวัลแต่ละท่านเปรียบเสมือนแสงเทียนที่จุดประกายเทียนเล่มใหม่อีกมากมาย ขอให้ครูถ่ายทอดความรู้และทักษะ และสร้างแรงบันดาลใจให้ครูท่านอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือนักเรียนได้มากขึ้น

ศ.ดร.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในโลกยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ครูที่ดีต้องไม่เพียงแต่เป็นผู้นำทางและเป็นที่ปรึกษาเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นโค้ชและนักนวัตกร ผู้ที่กล้าที่จะจิตนาการการเรียนรู้ใหม่ ผู้ที่เชื่อมโยงบทเรียนในห้องเรียนกับประสบการณ์จริง และผู้ปลูกฝังคุณธรรม ความยืดหยุ่น และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ

ศ.ดร.ดร.นฤมล กล่าวว่ากระทรวงศึกษาธิการมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพผ่านการพัฒนาวิชาชีพอย่างครอบคลุม เพื่อให้ครูสามารถตอบสนองความต้องการของโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งรวมถึงการขยายโอกาส การฝึกอบรม การบูรณาการเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การนำ AI มาใช้ และการส่งเสริมการสอนที่เป็นนวัตกรรม รวมถึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการลดภาระงานของครู เพื่อให้ครูสามารถอุทิศเวลาให้กับการสอนและการดูแลนักเรียนมากขึ้น พร้อมกับพัฒนาสวัสดิการและระบบสนับสนุนครู เพื่อสร้างหลักประกันว่า ทุกคนจะได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ ครอบคลุม เท่าเทียม และทั่วถึง

ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี กล่าวว่า รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เป็นรางวัลเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติครูผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตศิษย์และช่วยเหลือเด็กขาดโอกาส ในประเทศอาเซียน ติมอร์-เลสเต บังกลาเทศ ภูฏาน และมองโกเลีย รวม 14 ประเทศ ประเทศละ 1 รางวัล โดยจัดมอบรางวัลในทุก 2 ปี และเพื่อถวายเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เจ้าฟ้านักการศึกษา รางวัลประกอบด้วย เหรียญรางวัล ประกาศนียบัตร โล่ เข็มเชิดชูเกียรติทองคำ และเงินรางวัล รางวัลละ 10,000 เหรียญสหรัฐ โดยความร่วมมือของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ จาก 14 ประเทศ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง


ดร.กฤษณพงศ์ กล่าวว่า ครูผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี 2568 จาก 14 ประเทศ ในปีนี้มีครูจากบังกลาเทศ ภูฏาน และมองโกเลีย เข้าร่วมพิธีพระราชทานรางวัลเป็นปีแรก โดยแต่ละประเทศได้คัดเลือกครูที่ดีที่สุดของประเทศเพื่อเข้ารับพระราชทานรางวัล ซึ่งมีประวัติที่น่าสนใจ ดังนี้
1. สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ นายโมฮัมหมัด ชาฟิอุล อิสลาม (Mr. Mohammad Shafiul Islam) ครูผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาเบงกาลี ผู้ให้การสนับสนุนนักเรียนนอกห้องเรียนด้วยการเยี่ยมบ้านและให้ความรู้เรื่องโภชนาการ จัดการสอนโดยบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สร้างบทเรียนวิดีโอสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียน และใช้สมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ จัดกิจกรรมสวมบทบาทในโรงเรียนโดยอิงจากวิชาต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนได้สัมผัสประสบการณ์จริงและพัฒนาคุณสมบัติความเป็นมนุษย์ ความเมตตาและการมุ่งเน้นชุมชน นับเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของผู้เรียนอย่างแท้จริง
2. ราชอาณาจักรภูฏาน นางสาวชิมี เดมา (Ms. Chimi Dema) ครูผู้สอนภาษาอังกฤษและได้ตีพิมพ์นวนิยายชื่อ “Twice Born” เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงจากเรื่องเล่า จุดประกายให้เกิดการเคลื่อนไหวด้านการเขียนในหมู่นักเรียนและเป็นพี่เลี้ยงให้นักเรียนที่มีปัญหาด้านภาษา จนนักเรียนสามารถตีพิมพ์นวนิยายและมีทุนสำหรับการศึกษา เป็นผู้นำจัดหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรีในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน และจัดหลักสูตรภาษาอังกฤษเข้มข้นให้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนไม่ดี
3. เนการาบรูไนดารุสซาลาม นางชาริฟะฮ์ บินติ ฮาจี โมห์ด ชาห์ลัน (Mrs. Shahrifah binti Haji Mohd Shahlan) ครูสอนวิทยาการคอมพิวเตอร์ ผู้สนับสนุนการเรียนรู้จากประสบการณ์ โดยเชื่อว่านักเรียนควรเรียนรู้ผ่านกระบวนการเรียนรู้ ไม่ใช่ผ่านการสอบ จึงใช้การมีส่วนร่วมกับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนสนุกกับการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แข่งขัน กระตุ้นด้วยนิทรรศการเพื่อขยายมุมมองและสัมผัสกับประสบการณ์จริง ปฏิบัติจริงเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น
4. ราชอาณาจักรกัมพูชา นางเมียะ โสมาวาเตย์ (Mrs. Mea Somavatey) ครูสอนคณิตศาสตร์ที่ใช้เครื่องมือดิจิทัลและกลยุทธ์เชิงสร้างสรรค์ เพื่อสนับสนุนให้นักเรียนผู้ด้อยโอกาสประสบความสำเร็จทางการศึกษา และสร้างความไว้วางใจกับครอบครัวของนักเรียน พร้อมทั้งเป็นผู้นำทางให้ผู้เรียนสามารถก้าวข้ามความท้าทายต่าง ๆ
5. ประเทศอินโดนีเซีย นางอาเด ปูตรี ซาร์เวนดะห์ (Mrs. Ade Putri Sarwendah) ครูสอนการศึกษาพิเศษผู้อุทิศตนเพื่อช่วยให้นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาได้เรียนรู้ โดยพัฒนาเครื่องมือช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชันบนมือถือเพื่อช่วยนักเรียนหูหนวก แอปพลิเคชันด้านสุขภาพการเจริญพันธุ์สำหรับนักเรียนวัยรุ่นที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เอกสารการเรียนรู้ภาษามือ และการเรียนรู้แบบมัลติมีเดียเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ เติบโต และพึ่งพาตนเองได้
6. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นางบุนมา โพธิลาด (Mrs. Bounma Phothilath) ผู้อำนวยการโรงเรียนและครูสอนวิชาเคมีและชีววิทยา ใช้สื่อการเรียนรู้ที่เน้นการปฏิบัติจริงและสอดคล้องกับชีวิตประจำวัน ทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนให้ร่วมกันสนับสนุนโรงเรียนและจัดหาทรัพยากร ภายใต้หลักการทำงาน 4 ประการ ได้แก่ การวางแผน การดำเนินการ การประเมิน และการปรับปรุง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกงานได้รับการวางแผนอย่างรอบคอบและสำเร็จ ความเป็นผู้นำของครูบุนมาเป็นที่ยอมรับจากทั่วประเทศ
7. ประเทศมาเลเซีย ทีเอส. โมฮัมหมัด รอสนิซัม บิน โมฮัมหมัด ยซอฟ (Ts. Mohd Rosnizam bin Mohd Yusoff) ครูอาชีวศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การอาหารและนักเทคโนโลยีมืออาชีพที่พัฒนาโมเดล T.A.R.S. – คิด (Think) วิเคราะห์ (Analyses) ค้นคว้า (Research) และแก้ปัญหา (Solve) ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการแก้ปัญหา ส่งเสริมสร้างศักยภาพให้กับนักเรียนจากภูมิหลังชนบทและครอบครัวที่มีรายได้น้อย ริเริ่มโครงการ “โฉมหน้าใหม่ของการเกษตร” เพื่อฝึกให้นักเรียนคิดนอกกรอบและเป็นผู้ประกอบการ
8. ประเทศมองโกเลีย นางอุยังกะ อาดิยาสุเรน (Mrs. Uyanga Adiyasuren) ครูและผู้จัดการฝึกอบรมที่โรงเรียนอาชีวศึกษาเอเนเรล โดยสอนนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา สนับสนุนการเรียนรวม ฝึกให้นักเรียนมีทักษะต่าง ๆ เช่น การทำอาหารและการเย็บผ้า ทักษะการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการสื่อสารที่สอดคล้องกับบริบทของนักเรียนเพื่อให้พึ่งพาตนเองในการใช้ชีวิตและการทำงาน
9. สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นางสาวมอว์ มอว์ (Ms. Maw Maw) ครูสอนภาษาอังกฤษ ผู้ช่วยให้นักเรียนบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเอง ทั้งความสามารถทางวิชาการหรือการจัดการกับความท้าทาย สนับสนุนนักเรียนที่มีความหลากหลายทางสติปัญญาและมีรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน โดยใช้เวลาทำความรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล และสร้างโอกาสให้นักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันพูดภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะของตน ส่งเสริมพัฒนาการรอบด้านของนักเรียน
10. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ นางเลอา โดมิงโก (Mrs. Lea Domingo) ครูประถมศึกษา ผู้ริเริ่มโครงการสิ่งแวดล้อม เช่น ร้านจัดการขยะที่เปลี่ยนขยะให้เป็นสมบัติ พื้นที่สีเขียว สำหรับการปลูกต้นไม้ และปกป้องสัตว์ป่าและนก สนับสนุนให้นักเรียนสร้างโครงการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างความตระหนักถึงการจัดการขยะในชุมชน ส่งผลให้มีการลดขยะและเสริมสร้างศักยภาพของชุมชน
11. สาธารณรัฐสิงคโปร์ มาดาม อัง ซิง ยี (Mdm. Ang Sing Yee) ครูผู้ส่งเสริมการศึกษาแบบเรียนรวม ที่เปิดรับและส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้เรียนรู้ โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างด้านความสามารถ ภูมิหลัง หรือความพิการ เน้นการสนับสนุนนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษและนักเรียนที่ประสบปัญหา ริเริ่มโครงการ STAR เพื่อส่งเสริมจุดแข็งของนักเรียนด้วยประสบการณ์จริง พัฒนาบุคลิกภาพและความสามารถในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเชื่อมโยงประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของนักเรียน
12. ประเทศไทย นายไพรวัลย์ ยาปัญ (Mr. Phaiwan Yapan) ครูโรงเรียนบ้านไล่โว่ ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ. สังขละบุรี จ. กาญจนบุรี โดยนำการศึกษาไปสู่ชุมชนชาติพันธุ์ที่อยู่ห่างไกล ทำให้นักเรียนได้รับโอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิตและขัดเกลาให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศ สร้างรายได้ให้กับชุมชนและเป็นทุนการศึกษาของนักเรียน ส่งเสริมการรู้หนังสือและสิทธิในหมู่เด็กชนกลุ่มน้อย จนได้รับการขนานนามว่า “ดวงตะวันหรือแสงสว่างสำหรับเด็กชายขอบ”
13. สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต นายฟรานซิสโก เดอ คาร์วัลโญ่ (Mr. Francisco de Carvalho) ครูและผู้อำนวยการโรงเรียนที่ใช้วิธีการสอนที่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลางและสอนแบบคละชั้นเรียนเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ ส่งเสริมการใช้ภาษาแม่ในการสอนเพื่อช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางทรัพยากรที่จำกัด ครูได้ระดมผู้ปกครองและชุมชนเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนในโรงเรียน นำไปสู่ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของชุมชนในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็ก ๆ
14. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นางเหงียน ถิ ถู ลาน (Mrs. Nguyen Thi Thu Lan) ครูอนุบาลและเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย เสริมสร้างศักยภาพให้ทีมครูด้วยการสร้างกิจกรรมที่สนุกสนานและสร้างสรรค์ เน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง ริเริ่มโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โรงเรียนสีเขียว พัฒนาพื้นที่สีเขียว และห้องเรียนอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีช่วยให้เด็กเล็กพัฒนาทักษะการเรียนรู้พื้นฐาน และพื้นที่เรียนรู้วัฒนธรรมโฮจิมินห์ สร้างความร่วมมือร่วมกับผู้ปกครองในการพัฒนาผู้เรียน












