กสศ. จับมือ กทม. และภาคี 4 จังหวัด ปล่อยขบวนรณรงค์ ‘โอกาส Delivery’ ขนส่งความสุขให้เด็กถึงบ้านเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ 2566

กสศ. จับมือ กทม. และภาคี 4 จังหวัด ปล่อยขบวนรณรงค์ ‘โอกาส Delivery’ ขนส่งความสุขให้เด็กถึงบ้านเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ 2566

กสศ. ร่วมกับ กทม. และภาคี 4 จังหวัด คิกออฟแคมเปญ ‘โอกาส Delivery’ เนื่องในเทศกาลวันเด็ก ปี 2566 ส่งมอบของขวัญ ‘ถุงปันยิ้มให้น้อง’ ไปยังกลุ่มเด็กเปราะบางที่เข้าไม่ถึงการเรียนรู้ ผ่านขบวนคาราวาน ‘โอกาส Delivery’ พร้อมชวนสังคมให้ความสำคัญ ‘เด็กทุกคน’ ควรมีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้ที่เสมอภาค และฟื้นฟูการศึกษาหลังโควิด-19

14 มกราคม 2566 ที่พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายจังหวัดเสมอภาค 4 แห่ง ได้แก่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำปาง และปัตตานี ร่วมรณรงค์สร้างโอกาสและการฟื้นฟูการเรียนรู้ โดยนำถุง ‘ปันยิ้มให้น้อง’ เพื่อการเรียนรู้ไปให้กับเด็กพิการที่มีความต้องการพิเศษ และเด็กกลุ่มเปราะบาง โดยใช้กลไกจากภาคีเครือข่ายจังหวัดเสมอภาค นำสิ่งของไปให้น้องๆ เป็นของขวัญวันเด็กแห่งชาติ 2566 ภายใต้แนวคิด “โอกาส Delivery” เด็กทุกคนควรมีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้ที่เสมอภาค

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า การนำถุงปันยิ้มให้น้อง เข้าไปมอบให้กับเด็กกลุ่มเปราะบางที่เข้าไม่ถึงการเรียนรู้และเด็กๆ ที่ไม่สามารถเดินทางออกมาร่วมกิจกรรมวันเด็กได้นั้น ทำผ่านขบวนคาราวาน “โอกาส Delivery” โดยจัดกิจกรรมขึ้นเพื่อรณรงค์และจุดประกายให้สังคมตื่นตัวกับปัญหาด้านการศึกษา พร้อมเชิญชวนสังคมให้ความสำคัญกับ ‘เด็กทุกคน’ ที่ควรมีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้ที่เสมอภาค และฟื้นฟูการศึกษาหลังวิกฤตโควิด-19

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ.

ภายในถุงปันยิ้มให้น้องมีชุดสื่อการเรียนรู้ เช่น หนังสือการ์ตูนวิทยาศาสตร์,โมเดลกระดาษ 3 มิติ, สมุดระบายสีฝึกกล้ามเนื้อมือ, ชุดปลูกผัก, สีไม้, เจลแอลกอฮอล์ ฯลฯ ที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการและฟื้นฟูศักยภาพการเรียนรู้ของเด็กๆ หลังจาก 3 ปีที่ผ่านมา ปัญหาโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบทำให้เด็กไทยจำนวนมากเผชิญภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ หรือ Learning loss ทำให้เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติปีนี้ กสศ. ได้เชิญชวนสังคมร่วมกันให้ความสำคัญเรื่องการฟื้นฟูการเรียนรู้ หรือ Learning recovery เพื่อเป็นของขวัญให้เด็กทุกคนมีโอกาสกลับเข้าสู่การศึกษาอย่างเหมาะสม

“สำหรับเด็กคนหนึ่งจะมีโอกาสร่วมงานวันเด็กเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิต ทุกครั้งเราจะเห็นว่าพวกเขามีความสุข ความสุขของเด็กที่เกิดขึ้นในงานวันเด็กนั้น ก็มาจากการเรียนรู้ การได้เห็นสิ่งใหม่ๆ ได้ทำกิจกรรมที่สนุก ได้เล่น แล้วการเรียนรู้ที่เกิดจากการเล่น เป็นการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยพัฒนาทักษะในระยะยาว แต่แม้กระทั่งในงานวันเด็ก เด็กทุกคนก็ยังไม่มีโอกาสที่เสมอภาคกัน เด็กบางคนต้องอยู่กับบ้านเพราะเขาไม่มีค่าเดินทาง บางคนพ่อแม่ต้องทำงานหรือกำพร้าไม่มีคนพาออกมาทำกิจกรรมข้างนอก หรือมาร่วมงานวันเด็กเหมือนคนอื่น ๆ กสศ. คิดว่าการจะทำให้เด็กทุกคนได้เดินทางออกมาเป็นเรื่องยาก เราจึงควรเอางานวันเด็กหรือโอกาสทางการเรียนรู้ให้เดินทางไปหาเขา จึงเป็นที่มาของโอกาส Delivery ที่เราจะทำให้ความเสมอภาคมาอยู่ในเรื่องของงานวันเด็กให้ได้ โดยตั้งแต่วันเด็กปีนี้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี กสศ. จะนำแนวคิดโอกาส Delivery มาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเสมอภาคด้านการเรียนรู้ไปอย่างต่อเนื่อง”

ดร.ไกรยส กล่าวว่า ภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ และเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาเพราะความยากจน คือหนึ่งในสถานการณ์ที่น่ากังวลของเด็กและเยาวชนในปัจจุบัน ล่าสุด กสศ. มีข้อมูลสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พบว่า นักเรียนยากจนที่สุด 15% แรกในระบบการศึกษาไทย จำนวนกว่า 1.3 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยครัวเรือนเพียงเดือนละ 1,044 บาท หรือเฉลี่ยวันละ 34 บาทเท่านั้น ขณะเดียวกันพบผลกระทบกับเด็กทั่วไปเรื่องพัฒนาการเรียนรู้และภาวะกล้ามเนื้อบกพร่องในเด็กปฐมวัยและเด็กประถมต้น ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบถึงสถานการณ์ทักษะแรงงานและปัญหาเศรษฐกิจของเด็กในอนาคต

“เพราะการศึกษาคือการลงทุนที่ประเทศไทยและทุกคนได้ประโยชน์สูงสุด การทำให้เด็กทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีความเสมอภาคคือการลงทุนที่ไม่มีวันขาดทุน และสำคัญกว่านั้นยังเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ทำให้ประเทศไทยมีฐานภาษีที่กว้างขึ้นจากการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีรายได้มากขึ้น ถือว่าได้ก่อประโยชน์ในระยะยาวและผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า” ดร.ไกรยส กล่าว

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วันเด็กไม่ควรมีเพียงวันเดียวในหนึ่งปี แต่ทุกวันควรเป็นวันเด็ก โดยในทุกวันทุกโอกาสเราต้องคิดถึงเด็กให้มากที่สุด เพราะว่าเด็กคือสิ่งที่มีค่าที่สุดของเมือง เด็กคืออนาคต คือคนที่จะมาสร้างและดูแลเมืองของเราต่อไป สำหรับงานที่พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร) ปีนี้มีนิทรรศการ ‘Pay it Forward’ เป็นกิจกรรมให้ความรู้เรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม และการส่งต่อโอกาสที่มีคุณภาพและเท่าเทียมซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.

“มีเด็กอีกจำนวนมากที่ไม่ได้โชคดีเหมือนกับเด็กที่มาร่วมงานวันนี้ บางคนป่วยต้องรักษาตัว บางคนขาดแคลนโอกาสไม่พร้อมที่จะออกมาสนุกได้ วันนี้จึงอยากส่งกำลังใจไปให้เด็กในทุกๆ ที่ ให้เขาได้มีวันเด็กที่สนุกสนาน มีความสุขเหมือนเด็กคนอื่นๆ ขบวนคาราวาน โอกาส Delivery เปรียบได้กับเส้นเลือดฝอยของเมือง ที่เราจะลำเลียงความสุขส่งตรงไปถึงเด็กๆ อย่างเสมอภาค ดังที่บอกไว้ว่าทุกวันควรเป็นวันเด็ก เพราะพวกเขาคือสิ่งที่มีค่าที่สุดของเมืองของเรา”

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อไปว่า ขอให้เด็กทุกคนมีความสุข ได้เล่น ได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ และขอให้ดูแลกันและกัน สำหรับทางผู้ใหญ่ หรือ กทม. พร้อมที่จะให้โอกาสและร่วมมือกับทุกภาคส่วนสนับสนุนการเดินหน้าไปด้วยกัน โดยย้ำว่าทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของเมือง กทม. สัญญาว่าจะดูแลเมืองนี้ให้ดีที่สุด และจะส่งต่อเมืองที่มีคุณภาพให้กับเด็ก ๆ ทุกคน