ผู้จัดการ กสศ. ชูแนวคิด ‘AI สร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต’ ขับเคลื่อนความเสมอภาคทางการศึกษาด้วยวิจัยและนวัตกรรม บนเวที KBTG Techtopia 2025

ผู้จัดการ กสศ. ชูแนวคิด ‘AI สร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต’ ขับเคลื่อนความเสมอภาคทางการศึกษาด้วยวิจัยและนวัตกรรม บนเวที KBTG Techtopia 2025

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมนำเสนอแนวคิดการใช้งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา บนเวที KBTG Techtopia 2025 จัดโดยบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ภายใต้แนวคิด “KBTG Techtopia: At World’s Beginning” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นเวทีระดับนานาชาติที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และการศึกษา เพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ว่าด้วยการใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนอนาคตมนุษยชาติและแก้ไขปัญหาสังคมโลก

บนเวทีเสวนาในหัวข้อ “ทำอย่างไรให้การวิจัยและนวัตกรรมกลายเป็นนิยามใหม่ของการเรียนรู้ตลอดชีวิต” ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. ได้นำเสนอแนวคิดถึงบทบาทของงานวิจัยและนวัตกรรมในการขับเคลื่อนโอกาสทางการเรียนรู้สู่ความเสมอภาคทางการศึกษา

ดร.ไกรยส อธิบายว่า ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเชื่อมโยงโดยตรงกับรายได้ครัวเรือน สุขภาพ และผลลัพธ์การเรียนรู้ โดยครัวเรือนที่มีรายได้น้อยมักเผชิญข้อจำกัดในการเข้าถึงการศึกษา จนกลายเป็น “วงจรแห่งความยากจน” ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น การสร้างโอกาสทางการเรียนรู้จึงต้องตอบโจทย์ทั้งในด้านอุปสงค์ (Demand Side) และด้านอุปทาน (Supply Side) ของผู้เรียน

“Supply Side หรือเศรษฐศาสตร์ด้านอุปทาน คือ ความพร้อมใช้ (Availability) และความสามารถในการเข้าถึง (Affordability) ส่วน Demand Side หรือด้านอุปสงค์ ต้องเข้าใจว่าผู้เรียนต้องการอะไร สนใจอาชีพแบบไหน และมีเป้าหมายชีวิตอย่างไร หากสองด้านนี้สอดรับกัน ก็มีโอกาสสร้างระบบการเรียนรู้อย่างเสมอภาคให้เกิดขึ้นจริงอย่างมีประสิทธิภาพ”

ดร.ไกรยสกล่าวเพิ่มเติมว่า เทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับการศึกษา เพราะช่วยสร้างการเรียนรู้ที่ปรับให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน (Personalized Learning) ซึ่งเป็นกุญแจในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ 

อย่างไรก็ตาม การพัฒนา AI เพื่อการศึกษาเป็นเรื่องที่ต้องใช้การลงทุนสูง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และเพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด การออกแบบ AI ด้านการศึกษาต้องคำนึงถึง ผู้คน (People), ข้อมูล (Data), โมเดล (Models), ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และจริยธรรม (Ethics) เพื่อให้เทคโนโลยีนี้ทำงานเพื่อมนุษย์ ไม่ใช่ทำงานแทนมนุษย์ พร้อมทั้งเชื่อมโยงผลวิจัยไปสู่เชิงนโยบายและการพัฒนาการเรียนรู้

บนเวทีเดียวกันมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายสาขาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เดวิด จอห์น รูฟโฟโล อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ความเห็นถึงความสำคัญของการศึกษานอกระบบและการฝึกอบรม (Training) โดยระบุว่าการมีเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นต้องปรับวิธีการและกรอบการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับผู้เรียนยุคปัจจุบัน

“เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตมีอยู่แล้ว แต่ความท้าทายสำคัญของเรื่องนี้ คือ เราจะออกแบบการนำเสนออย่างไรเพื่อให้เข้าถึงคนทุกกลุ่ม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับกรอบการเรียนรู้ให้ตอบโจทย์ได้จริง”

ด้าน รองศาสตราจารย์พิเศษ ดร.นพ.ชัยภัทร ชุณหรัศมิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการบริหารและวิเคราะห์ข้อมูล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ชี้ว่า แม้การพัฒนา AI เพื่อการศึกษาจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ยังไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของการศึกษา เพราะหัวใจสำคัญของการเรียนรู้คือการสร้างแรงบันดาลใจและปลูกฝัง Growth Mindset ให้ผู้เรียนมีความเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Lifelong Learner

รองศาสตราจารย์พิเศษ ดร.นพ.ชัยภัทร เสนอให้แบ่งระดับการเรียนรู้ออกเป็น 3 ขั้น คือ 1.เข้าถึงง่าย ค้นหาความรู้ได้สะดวก 2.ลงมือทำจริง นำความรู้ไปสร้างทักษะ 3.สร้างคุณค่า ใช้ทักษะเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ โดยเน้นว่า AI ควรถูกใช้เพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ไม่ใช่เพียงวัดผลลัพธ์ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของการศึกษา คือการเข้าใจวิธีการเรียนรู้ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ AI ไม่สามารถทดแทนมนุษย์ได้

ช่วงท้ายของการเสวนา วิทยากรทั้ง 3 ท่านฝากข้อคิดสำคัญไว้ร่วมกันว่า การสร้างระบบการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและเสมอภาค สามารถอาศัยงานวิจัย นวัตกรรม และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดย ดร.ไกรยส ระบุว่า AI ต้องเป็นเครื่องมือสนับสนุนการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงอุดมศึกษา ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เดวิด ระบุว่าประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายคือกุญแจสำคัญในการแข่งขันของทุกระดับ และ รองศาสตราจารย์พิเศษ ดร.นพ.ชัยภัทร เน้นว่า AI ควรมีบทบาทในการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ ไม่ใช่เข้ามาทดแทนการทำงานด้านนี้ของมนุษย์ 

และสิ่งที่ทุกฝ่ายสะท้อนตรงกันคือ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดเชิงทฤษฎี แต่คือพันธกิจสำคัญของสังคมที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันขับเคลื่อน โดยสามารถอาศัยพลังของงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างระบบการเรียนรู้ที่เสมอภาค ครอบคลุม และตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่