เบื้องหลังของอดีตเด็กหลังห้อง ผู้ร่วมทีมคว้ารางวัล Coding ระดับชาติ

เบื้องหลังของอดีตเด็กหลังห้อง ผู้ร่วมทีมคว้ารางวัล Coding ระดับชาติ

‘คอฟฟีเมต’ ชัยมงคล ถมยา นักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง กสศ. ชั้น ปวช.2 สาขาเทคนิคคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ คือหนึ่งในสมาชิกทีม ANT_CT สาขาเทคนิคคอมพิวเตอร์ ที่คว้ารางวัลเหรียญทองแดง (Bronze) จากการแข่งขัน Coding Thailand AI-Driven Future ระดับชาติ ปี 2568 จัดโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)

เบื้องหลังความสำเร็จนี้เริ่มจาก “ห้องเรียนเล็ก ๆ ของทุนนวัตกรรมสายอาชีพ” ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ ลงมือทำจริง และต่อยอดสิ่งที่สนใจ จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คอฟฟีเมตและเพื่อน ๆ พัฒนา “เครื่องจ่ายยาอัจฉริยะ” ซึ่งสามารถเชื่อมต่อข้อมูลและควบคุมการทำงานด้วยระบบ AI เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย

โดยหลังรับรางวัล เจ้าตัวบอกว่า จุดเริ่มต้นความสำเร็จครั้งนี้ คือการนำความรู้ที่เรียนมาต่อยอด โดยต้องขอบคุณวิทยาลัย ที่เปิดโอกาสให้ท้าทายตัวเอง และเป็นแรงผลักให้ตนกับเพื่อน ๆ พัฒนานวัตกรรมส่งเข้าแข่งขันในการประกวดสิ่งประดิษฐ์

“เพราะการสนับสนุนของวิทยาลัย ที่เปิดโอกาสให้ผมกับเพื่อน ๆ ได้เข้าแข่งขันด้านสิ่งประดิษฐ์มาตลอด พอมาถึงรายการนี้ คือ Coding Thailand AI-Driven Future ซึ่งเป็นการแข่งขันเรื่อง Coding เราเลยคิดว่าต้องลองกันสักตั้ง พอมีเป้าหมายแล้วก็เริ่มรวบรวมข้อมูล ศึกษาความเป็นไปได้ในการคิดค้นโปรเจค สิ่งที่เราตั้งใจพัฒนาขึ้นคือ ‘เครื่องจ่ายยา’ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อทำงานกับอุปกรณ์อื่น ๆ ในระบบ โดยควบคุมการทำงานด้วย AI”

คอฟฟีเมตเรียบเรียงขั้นตอนทำงาน ว่ากว่าจะช่วยกันพัฒนาเป็นเครื่องต้นแบบขึ้นมาได้ ทุกคนต้องทำงานหนัก โดยหลังตกตะกอนทางความคิดจนได้ไอเดียที่ใช่ ก็เหลือเวลาให้ทำกันแค่หนึ่งอาทิตย์ ขณะที่ในการนำเสนอต่อคณะกรรมการตัดสิน ตัวเครื่องที่พัฒนาขึ้นยังเป็นเพียง Internet of Things (IoT) ที่ฝังด้วยเซ็นเซอร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้แล้ว แต่ยังไม่ได้ควบคุมโดย AI โดยสมบูรณ์ ทางทีมจึงต้องอธิบายถึงแผนพัฒนาในขั้นต่อไป จนคณะกรรมการเข้าใจแนวคิด และเห็นถึงความตั้งใจ ทีม ANT_CT จึงผ่านเข้ารอบ และได้โอกาสพัฒนาเครื่องจ่ายยาจนสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ และคว้ารางวัลเหรียญทองแดงได้สำเร็จ  

“การมาถึงจุดนี้ สิ่งที่ผมและทีมได้เห็น คือความเก่งและความพร้อมของผู้เข้าแข่งขันทีมอื่น ทุกทีมมีความตั้งใจสูงมาก การได้เข้าแข่งขันครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสให้พวกเราเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก และทำให้ผมเชื่อว่า ความตั้งใจศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างจริงจังและไม่ยอมแพ้ จะเป็นพลังเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้”

ความสำเร็จจากงานประกวดครั้งนี้ ทำให้คอฟฟีเมตนึกย้อนถึงเรื่องราวของตัวเองว่า “ผมมาจากครอบครัวที่ไม่ได้มีต้นทุนอะไรมาก ตอนมัธยมต้นเคยได้รับทุนเสมอภาคจาก กสศ. มาก่อน จนใกล้จะจบ ม.3 มีรุ่นพี่แนะนำว่าถ้าสนใจเรียนต่อสายอาชีพ กสศ. มีทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงเปิดรับสมัคร ตัวผมเองชอบเรื่องการการตัดต่อคลิปวีดิโอ เรียนรู้เรื่องการใช้โปรแกรมต่าง ๆ มาบ้าง เลยคิดว่าอยากเรียนต่อทางด้านนี้ จึงสมัครเรียนที่สาขาวิชาเทคนิคคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ และได้รับเลือกเป็นนักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง

“พอได้ทุนโอกาสต่าง ๆ ก็ตามมามากมาย หนึ่งในนั้นคือได้เริ่มเรียนเรื่อง Coding ซึ่งอาจารย์ตั้งใจสอนพวกเรามาก จนความรู้ที่ตั้งต้นจากศูนย์ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น แล้วผมจะใช้ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนขวนขวายหาความรู้เติมเข้าไปอีก ทั้งจากหนังสือ คลิป การพูดคุยกับอาจารย์ รวมถึงพยายามเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติแต่ละครั้ง จากปี 1 ถึงปี 2 เราจึงเห็นตัวเองเปลี่ยนแปลงช้า ๆ เริ่มมั่นใจว่าเราก็ทำเหมือนคนอื่นได้ และตั้งมั่นว่าถ้าอยากทำให้ดีกว่านี้ เราก็ต้องพัฒนาตัวเองต่อไปไม่หยุด”

คอฟฟีเมตกล่าวถึงแผนที่วาดไว้หลังจบการศึกษาชั้น ปวส. ตามหลักสูตร 5 ปีของทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ว่าเขามองถึงการสมัครรับทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ ของ กสศ. ที่รองรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เพื่อให้ได้วุฒิปริญญาตรีหรือสูงกว่านั้น เพราะเป้าหมายปลายทางที่มองไว้ คืออยากเป็นอาจารย์ผู้ถ่ายทอดความรู้ ส่งต่อกำลังใจ และนำประสบการณ์ไปส่งต่อให้เด็กรุ่นต่อไป

“ผมเคยเป็นเด็กหลังห้องที่ไม่กล้าคุยกับใคร ไม่กล้าแสดงออก ไม่ค่อยมีเพื่อน จมอยู่กับความรู้สึกไม่มั่นใจ แต่ที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนมีวันนี้ได้ ก็เพราะมีอาจารย์ที่มองเห็นผม เอาใจใส่ผม และดูแลช่วยเหลือผมด้วยความรัก สิ่งที่ท่านได้ทำนั้นคือแรงผลัก คือกำลังใจ และคือสิ่งที่มาเปลี่ยนให้ผมเป็นคนใหม่ ด้วยความเชื่อที่ว่าแม้วันนี้เราไม่ดีพร้อม แต่ถ้าไม่หยุดเรียนรู้ เราจะก้าวจากจุดที่ต่ำที่สุดแล้วลุกขึ้นมาทำอะไรดี ๆ เพื่อตัวเอง เพื่อคนรอบ ๆ ตัวเราได้ อาจารย์จึงเป็นเหมือนไอดอลที่ผมอยากเดินตาม อยากเป็นอย่างท่าน อยากใช้โอกาสที่ผมได้รับมาช่วยเหลือคนอื่น ๆ ที่เคยอยู่ในจุดเดียวกันให้ลุกยืนขึ้นได้”

อาจารย์อารันต์ ความสวัสดิ์ สาขาวิชาเทคนิคคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ ที่ปรึกษาทีม ANT_CT กล่าวว่า มากกว่ารางวัลที่ได้รับ คือการลงสนาม Coding Thailand AI-Driven Future ครั้งนี้ นักศึกษาคือผู้คิดค้นและลงมือเองทั้งหมด ตั้งแต่การออกแบบ ผลิต จนถึงการเขียน AI Coding ซึ่งในฐานะครู รู้สึกดีใจที่ได้เห็นทุกคนได้แสดงศักยภาพ และยังได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่จะทำให้เติบโตขึ้นไปอีก ที่สำคัญคือผลงานชิ้นนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาความรู้เรื่อง AI Engineer ที่จะต่อยอดไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอัตโนมัติต่าง ๆ เช่น หุ่นยนต์ ระบบ AI-Vision สำหรับยานยนต์อัจฉริยะเช่นรถยนต์ไร้คนขับ หรือในการพัฒนาเกษตรกรรมอัจฉริยะ และอื่น ๆ อีกมากมายในอนาคต

“ความสำเร็จของ ทีม ANT_CT เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ในชั้นเรียนและแรงไขว่คว้าพยายามที่จะเก่งขึ้นของเด็ก ๆ เพราะพวกเขาต้องใช้ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนเรียนพิเศษเรื่อง AI Coding เพื่อต่อยอดความรู้เรื่อง Internet of Things (IoT) ก่อนจะช่วยกันพัฒนาโปรเจคออกมาเป็นชิ้นงาน”

“พวกเขาคือความภาคภูมิใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราส่งนักศึกษา ปวช. ลงสนามแข่งขันด้าน AI แล้วเรายังมองว่าปัจจัยจากภายนอกก็สำคัญ เช่น การที่วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญผลิตพัฒนานักศึกษาร่วมกับ กสศ. และทีมสนับสนุนต่าง ๆ ทำให้แผนกของเราผ่านการอบรม Microcontroller จนมีชุดสื่อการเรียน Raspberry Pi สำหรับเรียนรู้เรื่องการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ทั้งด้านการใช้งานทั่วไป หรือการบ่มเพาะทักษะเขียนโปรแกรมด้านการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย แล้วความรู้พวกนั้นเองที่นักศึกษาได้เอามาประยุกต์สร้าง ‘เครื่องจ่ายยา’ ที่ทำงานด้วยระบบ AI สแกนใบหน้าผู้ป่วย โดยจะครอบคลุมเชื่อมโยงกับข้อมูลทั้งหมดในการรักษา รวมถึงรอบการจ่ายยาและการกินยาตามคำสั่งแพทย์ เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ถือเป็นนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง ซึ่งพวกเขาได้พาผลงานออกไปพิสูจน์ตัวเองแล้ว ในการแข่งขัน AI Coding ครั้งนี้”

ความสำเร็จของทีม ANT_CT เกิดขึ้นจากระบบการเรียนรู้ที่บูรณาการของ วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ หนึ่งในสถานศึกษาร่วมพัฒนา ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง กสศ.

วิทยาลัยแห่งนี้เน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติจริง เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้คิดและลงมือสร้างสรรค์ผลงาน โดยมีคณาจารย์คอยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงของ กสศ. ยังเป็น “สะพานเชื่อม” ที่ต่อยอดจากทุนเสมอภาคในระดับมัธยมต้น เพื่อให้นักเรียนยากจนมีโอกาสเรียนต่อสายอาชีพ และพัฒนาทักษะเทคโนโลยีดิจิทัลที่ตรงกับความต้องการของประเทศ

ด้วยระบบที่เชื่อมโยง “ทุน–ครู-หลักสูตร–โอกาส” อย่างต่อเนื่อง ทำให้เด็กหลังห้องคนหนึ่งกลายเป็นผู้สร้างนวัตกรรม AI เพื่อช่วยชีวิตคนได้จริง