–โรงเรียนวัดดอนตลุง (ราษฎร์ศรัทธาทาน)จังหวัดราชบุรี
เริ่มขับเคลื่อนการศึกษายืดหยุ่นตั้งแต่ปี 2565 จากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเด็กหนึ่งคน ก่อนพัฒนาเป็นระบบ “1 โรงเรียน 3 รูปแบบ” อย่างเป็นรูปธรรม แนวทางนี้ช่วยรองรับเด็กจากครอบครัวเปราะบาง เด็กที่ต้องทำงาน หรือไม่สามารถมาเรียนเต็มเวลา ให้ยังคงอยู่ในระบบและจบการศึกษาตามเป้าหมายได้จริง
–ครูหนึ่งคนประกบเด็กหนึ่งเคส
โรงเรียนจัดระบบดูแลรายบุคคล (case manager) เลือกครูที่เข้ากับเด็กแต่ละคน ทั้งด้านบุคลิก ภาษา ความถนัด และภาวะพิเศษ เพื่อให้เด็กไม่รู้สึกโดดเดี่ยวในระบบใหม่
–การประเมินไม่ใช่การวัดเกรด แต่เป็นการวัดชีวิต
การเทียบโอนประสบการณ์ การทำงาน รายงานชีวิตประจำวัน และงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ล้วนเป็นหลักฐานการเรียนรู้ที่โรงเรียนยอมรับอย่างเป็นระบบ
วันศุกร์ของแนท คือวันเดียวที่เขากลับมาเป็นนักเรียน
แนทหายตัวไปจากโรงเรียนนานหลายเดือน
ครูตามหาหลายรอบ ไปถึงบ้านก็ไม่เจอตัว เพื่อนบ้านบอกแค่ว่าเขาทะเลาะกับพ่อ ถูกไล่ออกจากบ้าน แม่ก็ไม่มี ไม่มีใครดูแล ต้องไปอยู่บ้านเพื่อน แล้วก็รับจ้างเลี้ยงวัวหาเงินเลี้ยงตัวเอง
หลายสัปดาห์ผ่านไป โรงเรียนติดต่อไม่ได้เลย
จนกระทั่งบังเอิญเจอญาติของน้อง ถึงได้รู้ว่าเขายังอยากเรียนอยู่ แต่อาย ไม่รู้ว่าจะกลับมาอย่างไร เพราะมาเรียนเต็มเวลาเหมือนเพื่อนๆ ไม่ได้แล้ว เขาต้องทำงาน
โรงเรียนก็เลยเสนอให้กลับมาเรียนสัปดาห์ละวันก็ได้ ไปทำงานอีกหกวันเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพไป นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เด็กคนหนึ่งไม่หลุดออกจากระบบไปตลอดกาล
ตอนนี้แนทเลือกมาเรียนทุกวันศุกร์ มาถึงก็รับงาน ทำ ส่ง ไม่เคยขาดแม้แต่สัปดาห์เดียว เขาเรียนซ้ำ ม.2 เทอมสองเพื่อให้ทันเพื่อนก่อนที่จะเดินหน้าต่อ
ความฝันของเขาคืออยากเป็นตำรวจ แต่ตอนนี้เขาต้องเลี้ยงวัวก่อน ความฝันอาจต้องพักไว้สักพัก แต่อย่างน้อย เขายังไม่ทิ้งการเรียน

เริ่มจากเด็กคนหนึ่งที่ขาหัก แล้วกลายเป็นระบบที่ช่วยเด็กหลายสิบคน
โรงเรียนวัดดอนตลุง (ราษฎร์ศรัทธาทาน) จ.ราชบุรี เริ่มทำแบบนี้ตั้งแต่ปี 2565 ไม่ใช่เพราะมีนโยบายมาบังคับ แต่เพราะมีเด็กคนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ ขาขาด ไม่สามารถมาโรงเรียนได้ แต่ยังอยากเรียนต่อ
ครูก็เลยไปสอนถึงบ้าน ส่งงาน วิดีโอคอล ปรับวิธีสอนตามสภาพร่างกายของเด็ก
พอหลังจากนั้นเขตพื้นที่การศึกษามีนโยบาย “1 โรงเรียน 3 รูปแบบ” โรงเรียนวัดดอนตลุงเห็นโอกาสที่เปิดกว้างขึ้นจากนโยบายนี้ จึงปรับสิ่งที่ทำอยู่แล้วให้เป็นทางการ ตั้งเป็น “ห้องเรียนสร้างโอกาส” ขึ้นมา
แล้วก็พบว่า เด็กที่เสี่ยงหลุดจากระบบมีเยอะกว่าที่คิด และการนั่งรอให้เด็กกลับมาเอง – ไม่เคยได้ผลเลย
วันนี้โรงเรียนมีนักเรียนในหลักสูตรการศึกษายืดหยุ่นมากกว่า 30 คน มีเด็กที่เรียนจบไปแล้ว 4 คน ทั้งกรณีตั้งครรภ์ในวัยเรียน เด็กที่ต้องทำงาน เด็กที่ถูกส่งต่อมาจากโรงเรียนอื่น และเด็กพิเศษที่เรียนผ่านออนไลน์เป็นหลัก

ที่นี่ เด็กหลายคนไม่มีพ่อแม่ดูแล มีแต่ปู่ย่าตายายที่แก่ตัวลง
โรงเรียนวัดดอนตลุงอยู่ในพื้นที่ชนบทของ จ.ราชบุรี ผู้ปกครองส่วนใหญ่เป็นแรงงาน รับจ้าง หรือแยกทางกันไปแล้ว
เด็กหลายคนอยู่กับญาติผู้สูงวัย การดูแลไม่สม่ำเสมอ บ้างก็ต้องดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก เลยเสี่ยงต่อการขาดเรียน ติดเพื่อน หรือหลุดจากระบบโดยไม่มีใครสังเกต
การศึกษายืดหยุ่นเลยกลายเป็นตาข่ายที่คอยรองรับเด็กพวกนี้ไว้ ไม่ให้ตกหล่นไปจนกลับไม่ได้

เรียนวันเดียว ทำงานหกวัน แต่เก็บหลักฐานการเรียนรู้ครบทุกอย่าง
รูปแบบที่โรงเรียนใช้กับกลุ่มเด็กในรูปแบบการศึกษายืดหยุ่นมีหลักๆ ดังต่อไปนี้
เรียนที่โรงเรียนสัปดาห์ละวัน แนทเลือกวันศุกร์ มาเต็มวัน รับใบงาน พบครู ดูงานที่ต้องทำต่อ
เทียบโอนประสบการณ์จากชีวิตจริงในอีกหกวันที่ไปทำงาน เด็กต้องบันทึกชีวิตประจำวัน โรงเรียนเอาบันทึกนี้มาเทียบโอนเป็นตัวชี้วัดวิชาต่างๆ เช่น
1.วิชาพละ เทียบโอนจากงานเลี้ยงวัว การดูแลสัตว์
2.ทักษะชีวิต เทียบโอนจากการจัดการเวลา การทำงาน
3.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เทียบโอนจากความรับผิดชอบ วินัย การทำงานจริง

เรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และกูเกิลฟอร์ม ครูเริ่มทดลองให้เด็กทำงานออนไลน์ “เมื่อไรก็ได้” ไม่ต้องรอใบงานกระดาษ ลดภาระครูในการตรวจ และทำให้การเรียนรู้ต่อเนื่องขึ้น
มีครูดูแลแบบรายคน เด็กหนึ่งคนมีครูดูแลหนึ่งคน เพื่อให้การส่งงาน การวิดีโอคอล และการประสานวิชาต่างๆ ไม่สะเปะสะปะ บางเคสเป็นเด็กพิเศษที่เขาชอบเรียนภาษาอังกฤษ ครูก็เลือกคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นครูพี่เลี้ยง
นี่คือระบบที่ใช้แรงใจและแรงพลังของครูเยอะมาก แต่ช่วยเด็กได้จริง
ที่นี่มีผู้อำนวยการและครูที่ลงพื้นที่จริง ไม่ได้แค่นั่งอ่านเอกสาร
อะไรคือปัจจัยที่ทำให้การศึกษายืดหยุ่นปักหลักอย่างมั่นคงในโรงเรียนวัดดอนตลุง? จากการพูดคุย พบว่า นอกจากผู้อำนวยการและครูต่างอินกับการให้โอกาสเด็กแล้ว ความสำเร็จของเรื่องนี้ยังเกิดจาก 2 ปัจจัยสำคัญ
1.ครูประจำชั้นรายงานทันทีที่เด็กหายไป 1-2 วัน ที่โรงเรียนวัดดอนตลุง ครูประจำชั้นใส่ใจและคอยดูแลอยู่เสมอว่าเด็กคนไหนหายไปบ้าง และทันทีที่สังเกตว่าเด็กหายไปจนน่ากังวล โรงเรียนจะลงพื้นที่เยี่ยมบ้านทันที พร้อมร่วมคิดร่วมคุยหาแนวทางระหว่างครู ผู้บริหาร และครอบครัวเด็ก เพื่อไม่ปล่อยให้เด็กหายไปนานเป็นปีเหมือนในอดีต
2.มองเด็กเป็นรายบุคคล ไม่ใช่รายชั้น ผู้อำนวยการจะลงพื้นที่ร่วมกับครูทุกเคส ติดตามวิธีเรียน งานที่ต้องทำ การประเมิน จนมั่นใจว่าเด็กทุกคนมีโอกาสจบการศึกษาตามเกณฑ์จริง ไม่ใช่แค่ตามเอกสาร
โรงเรียนยังรับเคสที่โรงเรียนอื่นแก้ไม่ได้ และหลายครั้งเด็กสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ที่นี่

เด็กไม่ได้ไม่อยากเรียน แค่ชีวิตไม่ให้เรียน
ช่วงท้ายของบทสนทนา ผู้อำนวยการและคณะครูจากโรงเรียนวัดดอนตลุง ยืนยันว่า การศึกษายืดหยุ่นไม่ใช่การลดมาตรฐาน แต่เป็นการออกแบบระบบให้รองรับชีวิตจริงของเด็กในพื้นที่เปราะบาง
อย่างกรณีของ แนท เขาต้องการแค่วุฒิ ม.3 เพื่อเอาไปสมัครงานในอนาคต ซึ่งการศึกษายืดหยุ่นคือสะพานที่พาเขากลับมาสู่เส้นทางการศึกษา โดยไม่บังคับให้เลือกระหว่าง “เรียน” หรือ “รอดชีวิต”
ถ้าทุกโรงเรียนทำได้แบบนี้ เด็กจะไม่ต้องหายไปเพราะปัญหาที่บ้าน เพราะความยากจน หรือภาระที่แบกเกินวัย
โรงเรียนจะกลายเป็นที่ที่เด็กกลับมาได้เสมอ

| โรงเรียนวัดดอนตลุง (ราษฎร์ศรัทธาทาน) จังหวัดราชบุรี เริ่มต้นจากการช่วยเด็กเป็นรายกรณี ก่อนต่อยอดเป็นระบบการศึกษายืดหยุ่น “1 โรงเรียน 3 รูปแบบ” ตั้งแต่ปี 2565 โมเดลนี้เปิดโอกาสให้เด็กจากครอบครัวเปราะบางหรือมีข้อจำกัดด้านเวลา ยังสามารถเรียนต่อและจบการศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม หากโรงเรียนหรือครูต้องการข้อมูล หรือคำแนะนำเชิงปฏิบัติในการจัดการศึกษายืดหยุ่นสามารถปรึกษาแบบตัวต่อตัวได้ที่ LINE OA กสศ.การศึกษายืดหยุ่น คลิก |