🌸“เราปลูกดอกไม้ตรงนี้กันมั้ย ต้องสวยแน่ๆ เลย”
ระหว่างที่ครู ‘กิ๊ก’ พาเด็กๆ อนุบาลสองเดินสำรวจธรรมชาติ จู่ๆ เสียงเล็กๆ ก็ดังขึ้น ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อน
มันไม่ใช่กิจกรรมพาเดินสำรวจธรรมชาติธรรมดา ถ้าเห็นว่ารอบๆ และระหว่างทางเต็มไปด้วย ‘หลุมหลบภัย’ แต่ครูกิ๊ก ทัศนา พรหมวันดี ครูรัก(ษ์)ถิ่นรุ่น 1 กสศ. โรงเรียนบ้านเสาธงชัย ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งใจให้เป็นมากกว่าการเดินสำรวจธรรมชาติ
“พาเด็กๆ ไปปลูกดอกไม้ในหลุมหลบภัย” ครูกิ๊กเฉลย
เพราะโรงเรียนบ้านเสาธงชัย อยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่นี่มี ‘หลุมหลบภัย’ อยู่ราวสิบจุดในบริเวณโรงเรียนซึ่งบางหลุมห่างจากห้องเรียนเพียง 20 เมตร
อันที่จริง คนที่จุดประกายความคิดนี้ ไม่ใช่ครูกิ๊กแต่เป็นเด็กๆ
“ตรงนี้เราปลูกดอกไม้กันมั้ยครู”

ครูกิ๊กยิ้มให้ประโยคนี้ของเด็กๆ แล้วปิ๊งไอเดียถามต่อว่า“บ้านใครมีคุณนายตื่นสาย หรือดอกไม้อื่นๆ พรุ่งนี้ช่วยกันเอามาด้วยนะ ครูจะพาทุกคนปลูกดอกไม้กัน”
ไม่กี่วันต่อมา หลุมหลบภัยของโรงเรียนจึงเต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่เด็กๆ และครูช่วยกันปลูก
เมื่อน้องๆ อนุบาลสองลงมือปลูก หน้าที่รดน้ำทุกวันตกเป็นของพี่ๆ ชั้นประถมเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน เลยไม่มีใครกล้าเหยียบย่ำ มากกว่านั้นคือดูแลเป็นอย่างดีโดยไม่ต้องบอกว่าเป็นหน้าที่ เพราะสำหรับทุกคนนี่คือ ‘สวนแห่งความหวัง’

🌾หลุมหลบภัย…ที่เคยเต็มไปด้วยความกลัว
สำหรับคนในพื้นที่ชายแดน หลุมหลบภัยคือ Safe Zone ที่ปกป้องชีวิตจากอันตรายของปืนใหญ่
แต่ในความเป็นจริง มันคือพื้นที่มืด แคบ เต็มไปด้วยเสียงระเบิดและพื้นดินที่สั่นสะเทือนโดยเฉพาะภายในใจของเด็ก ๆ
ครูกิ๊กยังจำเหตุการณ์ปี 2554 ได้ดี ตอนนั้นเธอเป็นนักเรียน ป.4 ที่โรงเรียนแห่งนี้
“ได้ยินเสียงเหมือนฟ้าร้องดังเปรี้ยงๆ มองไปบนภูเขามีควันลอยขึ้นมาเต็มไปหมด หนูไม่รู้ว่าเขายิงกัน รีบวิ่งกลับบ้าน ร้องไห้ตลอดทาง พอถึงบ้าน แม่บอกให้หนูวิ่งไปหลุมหลบภัยที่วัดข้างบ้าน เสียงปืน เสียงระเบิดดัง ดินไหลลงมาในหลุม ภาพนั้นยังติดตา เสียงดังเหมือนลำโพงคอนเสิร์ตหมอลำ หัวใจเต้นแรงมาก จนเหมือนจะหลุดออกมา …จนวันนี้ยังไม่ลืมเลยค่ะ”
หลังจากวันนั้น เธอกลายเป็นคนที่ “กลัวเสียงดัง” แค่เพื่อนปิดประตูเสียงดังก็สะดุ้งแล้ว
แต่เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 10 ปี เด็กหญิงคนนั้นกลับมาที่โรงเรียนเดิมอีกครั้ง ในบทบาทใหม่
‘ครูกิ๊ก’ ครูรัก(ษ์)ถิ่น กสศ. รุ่นแรก ที่ได้กลับมาสอนเด็กๆ ที่โรงเรียนบ้านเกิด

🧡 ครูผู้โอบอุ้มใจเด็กๆ ท่ามกลางเสียงระเบิด
เมื่อเสียงปืนใหญ่กลับมาดังก้องอีกครั้งในพื้นที่ ครูกิ๊กเข้าใจดีว่าเด็กๆ จะรู้สึกอย่างไร
“นักเรียนคนหนึ่งเป็นลูกแม่ครัวโรงเรียน วันนั้นเขาหนีไม่ทัน ต้องอยู่ในหลุมหลบภัยตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงบ่ายสาม เสียงระเบิดดังตลอด โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ เด็กร้องไห้ทั้งวัน… มันฝังใจ”
เมื่อเหตุการณ์ไม่สงบ โรงเรียนจึงต้องหยุด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทุกคน
แต่ครูไม่ได้หยุดไปด้วย หลังเหตุการณ์นั้น ครูทุกคนในโรงเรียนไปเยี่ยมเด็กๆ ที่ศูนย์อพยพทุกวัน เพื่อถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ชวนเด็กๆ ทำกิจกรรมสนุก ๆ เพื่อคลายเครียด
เมื่อกลับมาเรียน ครูกิ๊กและคุณครูทุกคนในโรงเรียนก็พยายามจัดกิจกรรมฮีลใจให้เด็กๆ อย่างต่อเนื่อง

“ฉีก ตัด ปะ กระดาษ ฝึกสมาธิ ออกไปศึกษาธรรมชาติ ให้เขาได้สงบใจ และมีสมาธิ”
และหนึ่งในกิจกรรมที่เด็กๆ ชอบ คือ “ปลูกดอกไม้ในหลุมหลบภัย”
อาจเป็นกิจกรรมที่ดูเรียบง่าย แต่มีความหมายและผ่านการคิดมาอย่างดี
“ครูอยากให้เด็กๆ รู้สึกว่าการดูแลเอาใจใส่ ปลูกดอกไม้ คือการดูแลสิ่งมีชีวิต เหมือนที่ครูดูแลเขา ช่วยให้เขารู้สึกว่าปลอดภัยและอบอุ่น”
ครูกิ๊กอธิบายว่า แค่เด็กๆ มีดอกไม้ของตัวเองในหลุมหลบภัย ก็เหมือนมีพลังบวกเล็กๆ ที่ทำให้ใจสงบลง คลายความกังวล มาเรียนอย่างมีความสุข

🌼 จากหลุมหลบภัย…สู่พื้นที่ปลอดภัยในใจ
วันนี้ หลุมหลบภัยของโรงเรียนบ้านเสาธงชัยไม่ได้เป็นเพียงหลุมดินหรือบังเกอร์ทั่วไป แต่เป็น “สวนดอกไม้ของความหวัง”
ชาวบ้านและคุณครูช่วยกันวาดภาพ และตัวอักษรสีสันสดใสให้เด็กๆ อ่านเล่น
ขณะเดียวกันโรงเรียนยังคงซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการดูแลใจเด็ก ๆ ทุกวัน
เพื่อให้เด็กๆ รู้สึกว่า ทุกพื้นที่ในโรงเรียน เป็นพื้นที่ปลอดภัยในใจของพวกเขา

“สถานการณ์แบบนี้ เราให้ความสำคัญกับอารมณ์และจิตใจเป็นอันดับแรก การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อหัวใจของเด็กปลอดภัยก่อน รวมถึงการรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต เช่น การที่เด็กๆ ต้องมาเรียนชดเชยทดแทนเวลาที่หายไป ก็ต้องอธิบายให้เข้าใจเรื่องการจัดการเวลาด้วยเช่นกัน” ครูกิ๊กบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
⸻
สิบกว่าปีผ่านไป เด็กหญิงที่เคยร้องไห้ในหลุมหลบภัยได้กลับมาเป็นครูของเด็กๆ ที่โรงเรียนบ้านเกิดแห่งนี้ พร้อมกับปณิธานว่า
“เราจะปกป้องเด็กๆ ทุกคน โอบกอดพวกเขาตลอดให้ทุกคนรู้สึกว่า โรงเรียนคือ Safe Zone ของหัวใจและพวกเขายังมีครูอยู่ข้าง ๆ เสมอ 🌷”