ลองอีกครั้งบนเส้นทางเรียนรู้อีกรูปแบบ : ‘ธราธิป สีสมุทร’ นักเรียนในโครงการ Thailand Zero Dropout
ที่จบการศึกษา ม.3 ผ่านศูนย์การเรียนสร้างสรรค์การเรียนรู้ จ.ราชบุรี

ลองอีกครั้งบนเส้นทางเรียนรู้อีกรูปแบบ : ‘ธราธิป สีสมุทร’ นักเรียนในโครงการ Thailand Zero Dropout

“ครูบอกว่าประสบการณ์ทำงานของผม เอามาใช้ออกแบบบทเรียน วิธีการเรียน แล้วจะใช้สิ่งที่ผมทำแต่ละวันมาวัดผลได้ด้วย ก็ตัดสินใจกันกับแม่ว่าอยากลองดูครับ”

ตั้งแต่ก่อนจบชั้น ป.6 ‘พีม’ ธราธิป สีสมุทร พบว่าแปลงผักเล็ก ๆ หน้าบ้าน คือที่ที่ง่วนอยู่ได้ทั้งวัน และทำให้เขาตัดสินใจไม่ไปโรงเรียนอีกหลังเรียน ม.1 ได้เทอมเดียว  

‘แม่นก’ คุณแม่ของพีมเล่าว่า เขาทำกิจกรรมซ้ำเดิมทุกวันตั้งแต่ยังเล็ก คือตื่นแต่เช้า ออกไปที่แปลงผัก อยู่ตรงนั้นจนเย็น และเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อลุกขึ้นมาทำเหมือนเมื่อวาน จนวันนี้พีมเติบโต อายุเต็ม 18 ปี แต่ละวันของเขาก็ยังคงอยู่ที่แปลงผัก หากจะมีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมา คงเป็นพื้นที่ทำงานที่ขยายกว้างขึ้น และงานที่งอกเงยจากปลูกพืชผักผลไม้ เป็นฟาร์มสัตว์เล็ก ๆ ซึ่งทำรายได้ประจำเดือนละไม่น้อย

กับอีกกิจวัตรที่เพิ่งเป็นภารกิจประจำในช่วงสองปีหลัง คือพีมต้องเรียบเรียงทุกสิ่งที่ทำ เพื่อสร้างโจทย์คำถามและหาคำตอบของสิ่งที่ได้เรียนรู้ในทุก ๆ วัน ผ่านการทำบันทึก รายงาน หรือชิ้นงานส่งครู อันเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาที่มีเป้าหมายเพื่อวุฒิ ม.3

นี่คือเรื่องราวโดยสังเขปของพีม ก่อนถึงวันที่จบการศึกษาและรับวุฒิบัตรพร้อมกับเพื่อน ๆ อีก 6 คน จาก ‘ศูนย์การเรียนสร้างสรรค์การเรียนรู้’ จังหวัดราชบุรี ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

…ย้อนไปช่วงตัดสินใจออกจากโรงเรียน พีมให้เหตุผลกับแม่ว่า “อยากทำงาน อยากช่วยแม่หาเงิน” ซึ่งแม่ไม่ได้เห็นด้วย แต่ “เข้าใจดี” ว่าลึกกว่าเหตุผลที่ลูกเล่า คือพีมเห็นทางเดินของตัวเองแล้ว ว่าเขาหลงใหลในงานด้านเกษตร ชอบทำไร่ทำสวน ชอบขลุกอยู่บนพื้นดินผืนหญ้า อยากเรียนรู้เรื่องการปลูกผักผลไม้ และอยากเดินหน้าในทางที่เลือกอย่างเต็มตัว แม่จึงตัดสินว่าอยากให้ลูกได้ทำสิ่งที่รัก เพราะรู้ว่า “ถึงบังคับ แต่เมื่อใจลูกไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน สุดท้ายวันใดวันหนึ่งก็จะหลุดออกมาอยู่ดี”   

อย่างไรก็ตาม คุณแม่บอกว่าการ ‘ยอมรับ’ คือเรื่องหนึ่ง แต่ความ ‘เป็นห่วง’ ก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะจากวันที่พีมเลิกเรียน แม้จะแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในสิ่งที่ทำ ด้วยแปลงผักหน้าบ้านค่อย ๆ ขยายพื้นที่ และมีผลผลิตซึ่งเปลี่ยนเป็นรายได้ตามมา แต่ 4-5 ปีที่ผ่านไป แม่นกยังกังวลว่านอกจากปฏิสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับงานแล้ว พีมไม่ได้เจอสังคมในแง่มุมอื่น ๆ เลย ทั้งวุฒิแค่ชั้น ป.6 ก็อาจ ‘น้อยไป’ เมื่อคิดว่าพีมต้องรับมือกับงานและขั้นตอนชีวิตที่จะซับซ้อนขึ้น 

“พีมทำให้เห็นว่าเขาทำสิ่งที่สนใจจนเป็นอาชีพได้จริง เพราะเขาตั้งใจ แล้วมีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว มีวินัยจัดการตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาแม่เลย คือไม่กี่ปีที่ทำมาจากแปลงผักเล็ก ๆ มันก็มีอะไรเพิ่มขึ้นมา มีเลี้ยงหมูเลี้ยงวัว ขยายผลออกมาเรื่อย ๆ ตรงนี้เราเชื่อว่าเขาไปได้อยู่แล้ว แต่ที่เราห่วงคืออยากให้เขาได้ไปเจอคน ไปเจอสังคมอื่น ๆ นอกจากงานบ้าง เพื่อเปิดมุมมองให้กว้าง 

“อีกอย่างคือถ้าทำสวนทำไร่อย่างเดียวแล้วไม่มีวุฒิติดตัวเลย กลัวว่าวันข้างหน้าจะลำบาก  เพราะการเรียนรู้มันควรมีทั้งสองอย่าง ทั้งจากงานที่ทำ และจากประสบการณ์ชีวิต ที่สำคัญคือถ้ามีวุฒิการศึกษามาประกอบด้วย ชีวิตก็น่าจะมั่นคงขึ้นอีก” แม่เล่า

จนช่วงปี 2566 ข้อมูลเรื่องการทำงาน Thailand Zero Dropout จังหวัดราชบุรี ก็แว่วมาเข้าหูพีมกับแม่ ไม่นานจากนั้นก็มีครูจากศูนย์การเรียนสร้างสรรค์การเรียนรู้มาหาที่บ้าน เพื่อชวนพีมกลับไปเรียน

พีมบอกว่าเขากับแม่ปรึกษากันอยู่นาน ส่วนหนึ่งเพราะหลังเรียนรู้ด้วยตัวเองคนเดียวมาตลอด พีมเองเริ่มเข้าใจถึงสิ่งที่แม่บอกว่าถ้ามีวุฒิการศึกษาที่สูงกว่าชั้น ป.6 ติดตัวไว้ ยังไงเสียคงดีกว่า     

“ช่วงคิดถึงการเรียนมาก ๆ มันวนไปมาหลายเรื่องครับ อย่างแรกผมไม่ได้เรียนมาหลายปี งานที่ทำตอนนี้ก็กินเวลาทั้งวัน จะกลับไปเรียนในโรงเรียนคือไม่มีทาง หรือจะเรียน กศน. ก็คิดว่าตัวเองไม่เหลือพื้นฐานความรู้ที่ต่อติดกับวิชาเรียนในหลักสูตรแล้ว”   

พีมเว้นช่วงเพื่อเรียบเรียงคำพูดในหัว ก่อนพูดต่อว่า  “…แต่ข้อมูลที่ครูศูนย์การเรียนเอามาบอก คือการกลับไปเรียนครั้งนี้ เราจะลองไปกันในเส้นทางเรียนรู้อีกแบบ ที่เขาจะพยายามเอาประสบการณ์ทำงานของผมมาใช้ออกแบบบทเรียน หาวิธีเรียนและการวัดผล โดยจะยึดโยงจากสิ่งที่ผมทำแต่ละวัน ก็ตัดสินใจกันกับแม่ว่าอยากลองดู”

จนบทเรียนเริ่มต้น พีมจึงค่อย ๆ เข้าใจ ว่าสิ่งที่ครูบอกว่าเป็น ‘การเรียนรู้ที่ออกแบบจากประสบการณ์ทำงาน’ คือการที่ครูจะนำชีวิตประจำวันของเขา มาคลี่ออกเป็นเนื้อหาวิชา แล้วจะเอาแต่ละสิ่งที่ทำไปเทียบเคียงกับสาระวิชาต่าง ๆ เช่นเรื่องการคำนวณขนาดหรือพื้นที่ทำงานซึ่งเชื่อมโยงกับวิชาคณิตศาสตร์ การผสมปุ๋ยกำจัดวัชพืชหรือในบางขั้นตอนดูแลสัตว์ ก็เชื่อมโยงกับวิชาวิทยาศาสตร์ แล้วยังมีเรื่องของการเอาสิ่งที่ทำอยู่แล้วมาถอดเป็นคำศัพท์ หรือลองเรียบเรียงเป็นเรื่องเล่าประจำวันด้วยภาษาอังกฤษ ทั้งหมดนั่นทำให้เขาเห็นภาพว่า ‘ชีวิตประจำวันกลายเป็นการเรียนรู้ได้อย่างไร’ และแม้รูปแบบการเรียนจะใช้วิธีรับโจทย์และส่งชิ้นงานผ่านโทรศัพท์เป็นหลัก แต่ในทุกสัปดาห์จะมีอย่างน้อยหนึ่งวันที่กำหนดเป็น ‘ชั่วโมงเรียนรู้กับกลุ่ม’ พีมจึงมีกลุ่มเพื่อนใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น 

“ผมเลือกหัวข้อหลักที่ใช้เรียนเป็นเรื่องการทำเกษตร เพราะทำอยู่ทุกวันจนคิดว่าเรารู้จริง ทำให้ในแต่ละกระบวนการเรียนรู้จึงรู้สึกว่าไม่ยาก ไม่ต้องปรับตัวมาก แล้วงานที่ส่งไปส่วนใหญ่พอครูให้คำแนะนำกลับมา ผลลัพธ์ที่ได้เราสามารถกลั่นกรองได้ทันทีเลยว่าอะไรคือประโยชน์ที่เราจะดึงเอามาใช้ในด้านอื่น ๆ ของชีวิตได้”

พีมบอกว่า “เรียนอย่างนี้มีความสุขครับ เพราะไม่ต้องบังคับตัวเอง เหมือนเราอยู่กับสวนกับไร่ทุกวันอยู่แล้ว ที่ต้องทำเพิ่มก็แค่ต้องคิดและเปิดมุมมองมากขึ้น ว่าจะเอาประสบการณ์ของเรามาถอดเป็นเนื้อหารายงานส่งครูยังไง”  

และด้วยวาระของการพบกันครั้งนี้คือพิธีรับวุฒิการศึกษาชั้น ม.3 เราจึงอดถามไม่ได้ถึงแผนการต่อจากนี้ ซึ่งพีมบอกว่าเป้าหมายต่อไปคือจะเรียนให้ได้วุฒิการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยจะสมัครเรียนกับศูนย์การเรียนปัญญากัลป์ เพื่อเรียนรู้ตามวิธีการเดิม ด้วยค้นพบแล้วว่าห้องเรียนกว้างใหญ่ไร้รั้วรอบขอบชิด ที่รู้สึกถึงไออุ่นของแดดอาบผิว และเท้าเปลือยเปล่าได้สัมผัสความชื้นของผิวดินชุ่มน้ำ กับสรรพเสียงระงมของสัตว์ในความดูแล คือ “พื้นที่เรียนรู้” ของเขา     

“จะเรียนต่อกับศูนย์การเรียนครับ อยากได้วุฒิ ม.ปลาย และคิดถึงการเรียนด้านการเกษตรขั้นสูงในมหาวิทยาลัย หรือพวกหลักสูตรระยะสั้นก็ได้ครับ   

“ผมว่าการเรียนแบบนี้เหมาะกับผม หรือใครก็ตามที่มีภาระต้องทำไปด้วย ก็อยากให้เพื่อน ๆ ที่เคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกันได้กลับมาเรียนกันเยอะ ๆ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าวุฒิการศึกษายังไงก็สำคัญ เพราะอย่างน้อยถ้าเรามีความรู้ มีวุฒิ มันจะเป็นต้นทุนให้เรามีทางต่อยอดงานที่ทำอยู่ไปได้อีกไกลครับ”    

กสศ. ขอแสดงความยินดีกับน้อง ๆ จากศูนย์การเรียนสร้างสรรค์การเรียนรู้ จังหวัดราชบุรี ที่จบการศึกษาและรับวุฒิบัตรพร้อมกันทั้งหมด 7 คน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1

ขอขอบคุณน้องพีม ธราธิป สีสมุทร
ขอบคุณศูนย์การเรียนสร้างสรรค์การเรียนรู้ จังหวัดราชบุรี
ขอบคุณสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1
และขอบคุณเด็กเยาวชนทุกคนที่พร้อมแบ่งปันเรื่องราวชีวิต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการค้นหาแนวทางจัดการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น บนพื้นฐานของความแตกต่างหลากหลาย และเพื่อยืนยันว่า เส้นทางการเรียนรู้ของเด็กเยาวชนทุกคนไม่อาจมีเพียงรูปแบบเดียว หรือมีปลายทางเพียงหนึ่งเดียวสำหรับการประสบความสำเร็จ