เหตุการณ์เด็กชายวัย 5 ขวบเสียชีวิตจากไฟดูดขณะเล่นในสนามเด็กเล่นที่จังหวัดบุรีรัมย์
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็น “สัญญาณเตือน” ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความปลอดภัยในโรงเรียนไทย
จากระบบไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ อาคารเรียนที่เก่า และงบซ่อมบำรุงที่ไม่เพียงพอ
ข้อมูลเพื่อการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ
สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กสศ. มีเครื่องมือ ซึ่งเป็นกรอบมาตรฐานขั้นพื้นฐานในการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพของโรงเรียน Fundamental School Quality Levels (FSQL) ) ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ “ตรวจสุขภาพโรงเรียน” อย่างเป็นระบบ ช่วยให้หน่วยงานและโรงเรียนสามารถประเมินคุณภาพทรัพยากรการศึกษาที่จำเป็นต่อการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียน และระบุความเสี่ยงทางกายภาพที่อาจกระทบต่อความปลอดภัยและคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างเป็นระบบ ใน 4 มิติสำคัญ ได้แก่
- ภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียน
- คุณภาพครูและการเรียนการสอน
- ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
- ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมการเรียนรู้
เครื่องมือนี้ช่วยให้โรงเรียนเห็น “ข้อมูลจริง” ของตนเอง เพื่อจัดลำดับความสำคัญและแก้ปัญหาได้ตรงจุด


ปัญหาเชิงโครงสร้างของความปลอดภัยในโรงเรียน
ข้อมูลจากโรงเรียนหลายแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท แสดงให้เห็นว่า ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา และอาคารเรียน มีอายุการใช้งานยาวนานหลายทศวรรษ โดยไม่ได้รับการปรับปรุงตามมาตรฐานความปลอดภัยสมัยใหม่ การสึกหรอของระบบไฟฟ้าจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุภายในโรงเรียน
กรณีศึกษา: โรงเรียนวัดหนองอ้อ จ.ราชบุรี
โรงเรียนแห่งนี้ไม่เคยปรับปรุงระบบไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2516จนเกิดเหตุไฟไหม้ห้องสมุดจากสายไฟเสื่อมสภาพ
เมื่อเข้าร่วมโครงการ ราชบุรีZero Dropout และใช้เครื่องมือ FSQL ตรวจสุขภาพโรงเรียน
ข้อมูลที่ได้กลายเป็นหลักฐานสำคัญในการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
“ระบบไฟฟ้าของโรงเรียนไม่เคยถูกปรับปรุงเลยนับตั้งแต่ก่อสร้างอาคารมาตั้งแต่ปี 2516 ทำให้เสื่อมสภาพและเต็มไปด้วยความเสี่ยงต่อการลัดวงจรหรือไฟไหม้ ความกังวลของเราคือความปลอดภัยของเด็ก ๆ และครูทุกคน เพราะเคยเกิดเหตุไฟไหม้ที่ห้องสมุดมาแล้ว โชคดีที่พบและดับเพลิงได้ทันเวลา แต่เหตุการณ์นั้นทำให้ตระหนักว่าโรงเรียนต้องได้รับการซ่อมระบบไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน” อัมพรกัญ บัวครอง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหนองอ้อ (ธรรมธรใยประชาสามัคคี) อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ย้อนภาพเหตุการณ์ .
สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอบ้านโป่ง ที่ได้มาตรวจสอบและย้ำว่า ระบบไฟฟ้าของโรงเรียนเสื่อมสภาพและหมดอายุการใช้งานจริง ต้องซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน .
ระบบไฟฟ้าเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของโรงเรียน หากบกพร่อง ไม่เพียงทำให้การเรียนการสอนสะดุดลง แต่ยังอาจพรากความปลอดภัยและชีวิตของเด็ก ๆ ได้

การใช้ข้อมูลและเครื่องมือ FSQL เพื่อวินิจฉัยปัญหา
โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการจัดสรรทรัพยากรเพื่อปรับปรุงสถานศึกษา ภายใต้โครงการ ราชบุรี Zero Dropout ทดลองใช้กรอบมาตรฐานขั้นพื้นฐานในการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพของโรงเรียน (Fundamental School Quality Levels: FSQL) ที่ สพฐ. และ กสศ. ร่วมจัดเก็บข้อมูลทรัพยากรโรงเรียนและวิเคราะห์จัดลำดับความสำคัญปัญหาทรัพยากร เพื่อจัดทำแผนพัฒนาโรงเรียนร่วมกับผู้อำนวยการของโรงเรียนในโครงการตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
ภาพความหวาดกลัวเหล่านั้นได้ถูกสะท้อนออกมาเป็นข้อมูลที่วัดได้ จนนำไปสู่การจัดสรรเงินบริจาคจาก บมจ. แสนสิริ เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงระบบไฟฟ้าของโรงเรียน ระบบไฟฟ้าใหม่และปลอดภัยทำให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างมั่นใจขึ้น คุณครูและผู้ปกครองก็รู้สึกโล่งใจว่าสภาพแวดล้อมของโรงเรียนปลอดภัยมากขึ้นจริง ๆ .
แม้โรงเรียนมีความขาดแคลนหลายเรื่อง อาทิ รั้วด้านหลังโรงเรียน คอมพิวเตอร์ รวมถึงสนามเด็กเล่น แต่เมื่อจัดลำดับความสำคัญ สิ่งแรกที่โรงเรียนเลือกคือระบบไฟฟ้า เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยและเป็นปัญหาที่ค้างคามานาน
FSQL เป็นมากกว่าเครื่องมือประเมินคุณภาพ
แต่คือ “ข้อมูลเพื่อความเสมอภาค” ที่ทำให้การช่วยเหลือโรงเรียนขาดแคลนเป็นไปอย่างแม่นยำและยั่งยืน
เพราะความเสมอภาคทางการศึกษาเริ่มจากการรู้ว่า “โรงเรียนไหนต้องได้รับการช่วยเหลือก่อน”
ข้อมูลจาก FSQL ช่วยให้โรงเรียนสามารถจัดลำดับความสำคัญของปัญหาได้อย่างมีหลักฐานรองรับ และสะท้อนให้หน่วยงานภายนอกเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการซ่อมแซมระบบไฟฟ้า แทนที่จะเป็นการพิจารณางบประมาณแบบกระจายเท่าเทียมโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง

บทบาทของ กสศ. ในการขับเคลื่อนความร่วมมือ
กสศ. ทำหน้าที่เป็น “ตัวกลางทางความรู้และข้อมูล” ที่เชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนเข้าด้วยกัน เพื่อนำข้อมูลจาก FSQL มาใช้วางแผนปรับปรุงโรงเรียนที่มีความเสี่ยงสูงสุด ในกรณีนี้ บมจ. แสนสิริ ได้เข้าร่วมสนับสนุนงบประมาณในการซ่อมระบบไฟฟ้าใหม่ทั้งโรงเรียน ผลลัพธ์คือระบบไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย เด็ก ๆ กลับมาใช้พื้นที่สนามเด็กเล่นและห้องเรียนได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
กรณีดังกล่าวสะท้อน ว่า “ข้อมูลและความร่วมมือข้ามภาคส่วน” เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาอย่างยั่งยืน ไม่เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่สร้างต้นแบบของระบบที่ตรวจสอบได้ และขยายผลต่อไปในระดับประเทศ
4 บทเรียนเชิงนโยบาย
เหตุการณ์ไฟดูดในสนามเด็กเล่นและการปรับปรุงระบบไฟฟ้าที่โรงเรียนวัดหนองอ้อ นำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายสำคัญดังนี้
- ควรมีระบบตรวจสุขภาพโรงเรียนเป็นประจำทุกปี ครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้
- การจัดสรรงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานสามารถใช้ข้อมูลจาก FSQL เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
- ภาคเอกชนสามารถมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน CSR ที่อิงข้อมูล ( Data-Driven CSR ) เพื่อแก้ปัญหาเชิงระบบร่วมกับรัฐ
- ควรบูรณาการข้อมูล FSQL เข้ากับระบบสารสนเทศการศึกษาระดับชาติ เพื่อใช้ในการวางแผนเชิงนโยบายอย่างต่อเนื่อง


หมายเหตุ
โครงการจัดสรรทรัพยากรเพื่อปรับปรุงสถานศึกษา ภายใต้ โครงการ Zero Dropout ราชบุรี
ดำเนินการโดย กสศ. ร่วมกับ สพฐ. ทดลองใช้กรอบ FSQL เก็บข้อมูลจาก 164 โรงเรียนในพื้นที่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญด้านทรัพยากรการศึกษา และส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนในการพัฒนาโรงเรียนอย่างยั่งยืน