การเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วม
หลักการสำคัญประการหนึ่งที่ กสศ. ยึดมั่นในการดำเนินการ คือ การตระหนักว่า กสศ. เป็นหนึ่งในกลไกการขับเคลื่อน การลดความเหลื่อมล้ำ และการปฏิรูปการศึกษาของประเทศ ที่จะบรรลุผลสำเร็จได้ ทุกภาคส่วน ต้องมุ่งมั่นดำเนินงานเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับ พ.ร.บ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. 2561 ที่กำหนดสนับสนุนให้ กสศ. ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานอื่นของรัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ทั้งนี้ในการทำงานร่วมกัน หุ้นส่วนภาคีและ กสศ. ต่างเข้าใจ เคารพและยึดถือ หลักธรรมาภิบาล พันธสัญญาระหว่างกัน ความโปร่งใส และผลประโยชน์สาธารณะ เป็นที่ตั้ง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (จนถึงมีนาคม 2566) กสศ. ได้เปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วมในกิจกรรม/โครงการสำคัญมาแล้ว 5 ครั้ง สรุปได้ดังนี้
1. กิจกรรมเสวนารับฟังความคิดเห็นภาคีร่วมดำเนินงาน 6 สังกัด
28 ก.พ. 2566

(1) ประเด็นหรือเรื่องในการมีส่วนร่วม
ร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปี 2566-2568
(2) สรุปข้อมูลของผู้มีส่วนร่วม
ผู้แทนจากภาคีร่วมดำเนินงาน 6 สังกัด ได้แก่
- สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
- กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.)
- กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.)
- สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
- สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)
- สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (กทม.)
รวมประมาณ 20 คน เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อโจทย์การพัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษา และร่วมออกแบบแผนปฏิบัติงานร่วมกับ กสศ. ในระยะ 3 ปี (2566-2568)
(3) ผลจากการมีส่วนร่วม
ภาคีร่วมดำเนินงานของ กสศ. ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปใช้ในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลของแต่ละสังกัดเข้าด้วยกัน โดยจะให้ความร่วมมือระหว่าง กสศ. กับหน่วยจัดการศึกษาทั้ง 6 สังกัด ปัจจุบันแบ่งการดำเนินงานเป็น 6 ระดับ คือ
- สนับสนุนการเข้าถึงการศึกษา
- คัดกรองความยากจนนักเรียน
- จัดสรรเงินอุดหนุน
- ติดตามการมาเรียน ผลการเรียน พัฒนาการทางร่างกายและสุขภาพ
- ส่งต่อระบบดูแลช่วยเหลือที่สอดคล้องกับสถานการณ์รายบุคคล
- ประสานความร่วมมือระหว่างสังกัด
เพื่อให้เด็กเยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น ผ่านทุนต่าง ๆ ทั้งของ กสศ. และหน่วยงานภายนอก เพื่อให้ระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษามีความสมบูรณ์จำเป็นต้องพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัยไปถึงการประกอบอาชีพ ด้วยรูปแบบการดูแลช่วยเหลือที่ตอบโจทย์ชีวิต
(4) การนำผลจากการมีส่วนร่วมไปพัฒนาการดำเนินงาน
ได้นำผลจากการเสวนาไปใช้เพื่อเตรียมบูรณาการทรัพยากร เชื่อมต่อฐานข้อมูลขับเคลื่อนระบบดูแลข้อมูลทุกมิติในปี 2566-2568
2. โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพขั้นสูง
16 ธ.ค. 2565

(1) ประเด็นหรือเรื่องในการมีส่วนร่วม
จัดประชุมวิชาการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ปี 2565 “สร้างคน สร้างโอกาส สร้างงาน ด้วยการศึกษาสายอาชีพ”
(2) สรุปข้อมูลของผู้มีส่วนร่วม
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ และภาคีเครือข่าย รวมประมาณ 537 คน จาก 126 หน่วยงาน
(3) ผลจากการมีส่วนร่วม
มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และการพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย เกี่ยวกับการพัฒนากำลังคนสายอาชีพแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนด้อยโอกาสได้เรียนต่อสายอาชีพชั้นสูง การเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือและสนับสนุนด้านสุขภาพจิตใจสำหรับการเผชิญปัญหาสุขภาพจิต
(4) การนำผลจากการมีส่วนร่วมไปพัฒนาการดำเนินงาน
ได้มีการนำผลการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ จากการประชุม ไปใช้ในการดำเนินโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพขั้นสูงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ภาคีที่เป็นหน่วยงานร่วมดำเนินงานของ กสศ. ในโครงการนี้ ได้แก่
- สถาบันการศึกษา 116 แห่ง
- จังหวัดที่ร่วมดำเนินงาน 44 จังหวัด
3. โครงการทุนครูรัก(ษ์)ถิ่น
3 ธ.ค. 2565

(1) ประเด็นหรือเรื่องในการมีส่วนร่วม
จัดกิจกรรมอบรมการสอนแบบสานเสวนาหรือสอนเสวนา Dialogic Teaching ในโครงการสนับสนุนกลไกการพัฒนาครูเพื่อเสริมสร้างคุณภาพของทักษะการสอน ให้กับอาจารย์มหาวิทยาลัยและนักศึกษาโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น
(2) สรุปข้อมูลของผู้มีส่วนร่วม
อาจารย์มหาวิทยาลัยและนักศึกษาโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ เลย และสุราษฎร์ธานี รวมประมาณ 357 คน
(3) ผลจากการมีส่วนร่วม
อาจารย์มหาวิทยาลัยและนักศึกษาโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น ในพื้นที่ 4 จังหวัด มีความเข้าใจ และให้คุณค่ากับเทคนิคการสอนเสวนา เพื่อพัฒนาคุณภาพของการสนทนาในห้องเรียนให้มีการคิดอย่างลึกซึ้งและพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้
(4) การนำผลจากการมีส่วนร่วมไปพัฒนาการดำเนินงาน
ได้มีการนำผลการจัดกิจกรรมไปใช้ในการดำเนินโครงการทุนครูรัก(ษ์)ถิ่น ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ภาคีที่เป็นหน่วยงานร่วมดำเนินงานของ กสศ. ในโครงการนี้ ได้แก่สถาบันอุดมศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรี คณะครุศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ และโรงเรียนในชุมชนพื้นที่ห่างไกล 16 แห่ง
4. กิจกรรมเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ “ร่วมออกแบบอนาคตการศึกษาเพื่อปิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ” ครั้งที่ 1
22-23 พ.ย. 2565

(1) ประเด็นหรือเรื่องในการมีส่วนร่วม
ร่วมให้ความคิดเห็นในการออกแบบอนาคตการศึกษาเพื่อปิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ
(2) สรุปข้อมูลของผู้มีส่วนร่วม
ผู้แทนภาคีเครือข่ายกว่า 100 คน จากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐด้านการศึกษา ภาควิชาการ ภาคเอกชน NGO โดยมี ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหาร กสศ. เป็นประธานต้อนรับและเปิดงาน
(3) ผลจากการมีส่วนร่วม
ภาคีร่วมดำเนินงานของ กสศ. ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปใช้ในการออกแบบอนาคตการศึกษาเพื่อปิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ อันเป็นการนำพลังจากภาคีเครือข่ายของ กสศ. ไปใช้ขับเคลื่อนภารกิจการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา
(4) การนำผลจากการมีส่วนร่วมไปพัฒนาการดำเนินงาน
ในเบื้องต้นได้นำผลไปประกอบการจัดทำแผนการดำเนินงาน และแผนการใช้เงิน ของ กสศ. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รวมทั้งการทบทวนปรับทิศทางการทำงานของ กสศ.
5. โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข Conditional Cash Transfer
31 ต.ค. 2565

(1) ประเด็นหรือเรื่องในการมีส่วนร่วม
การร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อดำเนินการพัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษา
(2) สรุปข้อมูลของผู้มีส่วนร่วม
ผู้แทนภาคีร่วมดำเนินงาน รวมประมาณ 30 คน จากหน่วยงาน ได้แก่
- สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
- กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
- กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.)
- สถานศึกษาในสังกัดหน่วยงาน 1-3 รวม 28,828 แห่ง
(3) ผลจากการมีส่วนร่วม
ภาคีร่วมดำเนินงานลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในการดำเนินการพัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อร่วมมือพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษตั้งแต่ระดับอนุบาล – ม.ต้น ในโรงเรียนสังกัด อปท. ทั่วประเทศ ผ่านโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข หรือ ทุนเสมอภาค เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาและบรรเทาอุปสรรคการไปโรงเรียน ป้องกันการหลุดออกจากระบบการศึกษาภาคบังคับของนักเรียนในสังกัด
(4) การนำผลจากการมีส่วนร่วมไปพัฒนาการดำเนินงาน
ได้มีการดำเนินงานร่วมกันตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ทำให้โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข หรือ ทุนเสมอภาค เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ