จริง ๆ ผมทำงานตั้งแต่ ม.ปลาย เริ่มจากอาจารย์ชวนไปทำร้านเสต๊ก ทุกวันก็ไปเรียน เลิกงานไปร้าน เสร็จแล้วกลับบ้าน เข้ามาก็ไปเรียน วนลูปซ้ำ ๆ จนจบ ม.6 ส่วนช่วงทำงานหนักที่สุดคือระหว่าง ปวส. ต่อปริญญาตรี เพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ แต่เราก็คิดอย่างเดียวว่าอยากเรียนจบ อยากเรียนต่อสูง ๆ ด้วย
เมื่อตัดสินใจเรียนต่อ เราทำใจแล้วว่าต้องทำงานหลายอย่างเพื่อหาเงิน นอกเวลาเรียนผมทำทุกอย่าง เป็นฟรีแลนซ์รับจ้างถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ วันเสาร์อาทิตย์มีงานที่อาจารย์หามาให้ก็รับหมด รับจ้างตัดหญ้า ทำงานในสวน หรือเป็นไรเดอร์รับส่งของก็ทำ คืองานสุจริตอะไรก็ได้ที่จะทำให้มีเงินเรียนต่อจนจบ ผมทำหมด”

‘กล้วย’ ชัยประสาร คำโสภา นักศึกษาโครงการทุนพัฒนาเต็มศักยภาพสายอาชีพ หรือ ‘ทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ’ กสศ. สำเร็จปริญญาโท สาขาเทคโนโลยีการเกษตร และปริญญาตรีสาขาประมง จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตสุรินทร์ บอกเล่าเรื่องราวครั้งขวนขวายไขว่คว้าโอกาสสุดชีวิต เพื่อพาตัวเองไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจ
เขาเล่าถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางการศึกษา ที่มาจากความหลงใหลเรื่อง ‘การตกปลา’ ว่า “ผมเรียนสายสามัญ แต่เพราะชอบตกปลามาก อยากตกให้เก่ง และอยากรู้ว่าจะมีรายได้จากตรงนี้เพิ่มขึ้นได้ยังไง จบ ม.6 แล้วเลยเลือกเรียนต่อ ปวส. และปริญญาตรีสาขาประมง หวังจะเรียนรู้เกี่ยวกับปลาให้มากขึ้น แต่ความที่เราไม่ได้พร้อมนัก ระหว่างเรียนผมจึงต้องทำงานไปด้วย


“ถามว่าเคยท้อไหม …คำตอบคือไม่เลยครับ เพราะผมมีเป้าหมายแต่แรก ว่าจะลากเส้นต่อจุดจากความชอบตกปลาไปเป็นอาชีพอะไรสักอย่าง แล้วผมเชื่อตลอดมาว่า ‘เราไม่สามารถหารายได้มากกว่าความรู้ที่มีอยู่ได้’ จึงตั้งใจลงทุนกับตัวเองให้มีความรู้มากขึ้น เพื่อให้รายได้มันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามความรู้ที่เรามี พอเป้าหมายตั้งไว้อย่างนี้ มันเลยเป็นแรงผลักให้เราอยากเรียนต่อ และทำงานต่อไปได้โดยไม่รู้สึกเครียดกับอุปสรรค ที่พอถึงจุดหนึ่งผมก็มองว่ามันคือเกม หรือคือความท้าทายที่เข้ามาทดสอบว่าเราจะผ่านไปได้ยังไง”
เมื่อเปรียบอุปสรรคปัญหาเท่ากับความท้าทายแล้ว กล้วยจึงยกให้ ‘ทุนการศึกษา’ เป็นดั่ง ‘ไอเทมพิเศษ’ ที่ทำให้เกมง่ายขึ้น หรือคือ ‘ตัวช่วยเพิ่มพลัง’ ให้ต่อสู้ฝ่าฟันในแต่ละด่าน กระทั่งสามารถพาตัวเองไปถึงฉากจบของเกมได้ โดยไม่กังวลว่าเกมจะ ‘โอเว่อร์’ ไปเสียก่อน


“ผมรู้จักทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพจากประกาศมหาวิทยาลัย พอรู้ว่าทุนนี้สนับสนุนให้เรียนถึงปริญญาเอก และมีค่าครองชีพให้ด้วย ตอนนั้นเริ่มคิดว่า จะเป็นยังไงนะถ้าเราไม่ต้องทำงานเหนื่อยขนาดนี้เพื่อจะเรียนให้จบ จึงลองสมัครเข้าไป ที่สุดก็ได้รับเลือกเป็นนักศึกษาทุน กลายเป็นว่าสิ่งที่ตามมา เหมือนผมเล่นคนละเกมกับจังหวะชีวิตที่ผ่านมาเลย โดยความเปลี่ยนแปลงชัด ๆ คือผมเต็มที่กับการเรียนได้มากขึ้น แล้วนอกจากนั้นถ้าจัดสรรเวลาดี ๆ ก็ยังเอาไปเรียนรู้สิ่งที่ชอบที่สนใจอย่างอื่นได้อีก แทบลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้วันหนึ่ง ๆ ผมต้องเคลียร์ตารางเรียน ตารางทำงาน และอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องรับผิดชอบไปพร้อมกัน เพราะทุนครอบคลุมค่าใช้จ่ายจำเป็นทุกอย่างให้แล้ว ทีนี้เราจึงโฟกัสแต่เฉพาะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้จริง ๆ
“ถึงตอนนี้ผลจากทุนทำให้ผมจบปริญญาโท และได้ทำงานบริษัทอาหารทะเลแช่แข็งในตำแหน่งผู้จัดการสาขา มีหน้าที่ดูแลรักษามาตรฐาน ‘ASC’ ที่สภาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (Aquaculture Stewardship Council) กำหนดเกณฑ์ไว้เพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่นรักษาคุณภาพน้ำ ลดการใช้ยา ดูแลคุณภาพอาหารปลา การจัดการทรัพยากร ส่งเสริมให้มีการใช้วัตถุดิบด้วยความรับผิดชอบและตรวจสอบได้ รวมถึงการผลักดันนโยบายการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศและความมั่นคงทางอาหาร นอกจากนี้ปลาที่ส่งออกไปจากโรงงานของเรา ยังมุ่งไปที่ร้านอาหารชั้นนำ โรงแรม หรือร้านอาหารที่อยู่ใน Michelin Guide ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจมากครับ”

ในฐานะผู้ข้ามผ่านอุปสรรคมาด้วยมานะพยายาม โดยมี ‘ทุนการศึกษา’ เป็นลมใต้ปีกช่วยหนุนให้บินสูง ‘กล้วย’ จึงยิ่งเชื่อมั่นว่า หาก ‘โอกาสทางการศึกษา’ ขยับเข้าไปหาผู้เรียนได้มากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะการส่งต่อข้อมูลข่าวสารเรื่องทุนการศึกษาต่าง ๆ ไปถึงทุกสถาบันการศึกษา หรือทุกที่ทุกแห่งที่มีเด็กเยาวชนกำลังต้องการ “เราจะสามารถเปลี่ยนชีวิตเยาวชนกลุ่มหนึ่ง จากที่เขาตั้งเป้าหมายไว้ไม่สูงมากเพราะไม่มั่นใจในต้นทุนที่มี ให้กลายเป็นคนที่มีศักยภาพสูงได้อีกจำนวนมาก
“ทุกวันนี้ผมพยายามส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาไปยังรุ่นน้อง ทั้งเรื่องการค้นหาทุน การเตรียมตัวเข้ารับคัดเลือก หรือสาขาวิชาที่มีทุนสนับสนุน เพราะสำหรับผม โอกาสทางการศึกษาควรไปถึงทุกคนเท่า ๆ กัน เพื่อให้มันสามารถเปลี่ยนเส้นทางชีวิตและเป้าหมายในอนาคตของคนคนหนึ่งได้”

กล้วยยังเชื่อเรื่องการอดทนพยายามไม่ยอมแพ้ และขอส่งเสียงถึงทุกคนที่ยังรอคอยโอกาสของตัวเอง ว่า “ถ้าเราไม่ยอมเหนื่อยวันนี้ สุดท้ายแล้วเราก็จะต้องเหนื่อยในวันข้างหน้าอยู่ดี ฉะนั้นเราต้องสู้จนสุดกำลัง และเข้าใจว่าอนาคตที่ดี ไม่ได้เริ่มจากความสบาย แต่มันคือการคิดถึงความลำบากที่เราเจอวันนี้ แล้วพยายามพัฒนาตัวเองต่อไป เพื่อมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม”