เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เข้าร่วมการประชุมนานาชาติ “เสริมสร้างพลังการเรียนรู้ระดับโลก: เครือข่าย PISA for Schools” (Empowering Global Learning: PISA for Schools Network Exchange) ในช่วง “ตัวอย่างแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศจากผู้จัดสอบ” (Best Practices from Test Providers) ณ สำนักงานใหญ่ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. ได้นำเสนอผลวิจัยจากการใช้ข้อมูล PISA for Schools ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยเพื่อการประเมินและออกแบบนโยบาย (RIPED) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กสศ. และ OECD ผ่านการทดสอบ PISA-Based Test for Schools (PBTS) เก็บข้อมูลจากนักเรียนอายุ 15 ปี จำนวน 5,368 คน ใน 150 โรงเรียน จาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างเดือนธันวาคม 2566 – มกราคม 2567 โดยใช้แบบทดสอบมาตรฐานเดียวกับ PISA ที่ OECD กำหนด ข้อมูลที่ได้ถือเป็นหลักฐานสำคัญในการวิเคราะห์สถานการณ์การศึกษาของไทยในเชิงลึก ช่วยส่งเสริมการพัฒนาโรงเรียน ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของนักเรียน และเป็นฐานข้อมูลสำหรับจัดทำนโยบายเพื่อยกระดับสมรรถนะผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.ไกรยส กล่าวถึงความท้าทายที่ประเทศไทยเผชิญว่า ปัจจุบันมีเด็กกว่า 5.5 ล้านคนอยู่ใต้เส้นความยากจน และประมาณ 1 ใน 5 มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา ขณะที่ผลสอบ PISA for Schools ของไทยสะท้อนว่านักเรียนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ใน ระดับสมรรถนะที่ 1 (Level 1) ซึ่งตอกย้ำความจำเป็นในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ทั้งระบบ
ที่ผ่านมา สถาบัน RIPED และ กสศ. ได้นำข้อมูล PISA for Schools มาวิเคราะห์เชื่อมโยงกับคะแนน O-NET ของนักเรียนกลุ่มเดียวกันย้อนหลัง 5 ปีการศึกษา จากการสนับสนุนของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทศ.) จนทำให้พบว่า การพัฒนาสมรรถนะพื้นฐาน (Prior Skills) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงก่อนระดับมัธยมศึกษา มีผลอย่างมากต่อการยกระดับสมรรถนะที่ PISA วัด (คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน) นอกจากนี้ยังพบว่า แม้เด็กจะมาจากครอบครัวฐานะยากจน แต่หากได้เรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพและได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม ก็สามารถพัฒนาผลการเรียนรู้ได้อย่างมีนัยสำคัญ

หนึ่งในกรณีศึกษาที่ถูกยกขึ้นนำเสนอคือ โรงเรียนวัดปากพิงตะวันตก ซึ่งใช้ผลทดสอบและข้อเสนอแนะจากรายงานระดับสถานศึกษาของ PISA for Schools มาปรับปรุงการสอน โดยจัดกิจกรรมจิตศึกษาทุกวัน เพื่อพัฒนาสมาธิและทักษะทางอารมณ์–สังคม ทำให้คะแนนด้าน SEL (Social Emotional Learning) หรือการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ สูงกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งโรงเรียนยังประยุกต์การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning) และส่งเสริมบทบาทของผู้บริหารและครูในฐานะผู้นำเชิงรุก (Agentic Leader/Agentic School) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสถานศึกษาทั้งระบบ (Whole-School Development)
ผู้จัดการ กสศ. เน้นย้ำว่า PISA for Schools ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือประเมินผลในระยะสั้น แต่เป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ระยะยาว โดยทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลระดับโรงเรียนกับการออกแบบนโยบายระดับประเทศ ทำให้มาตรการสนับสนุนมีความสอดคล้องกับความต้องการของโรงเรียนในแต่ละบริบท อันจะนำไปสู่การพัฒนาเชิงระบบที่ยั่งยืนในอนาคต