กสศ.–สอศ.–หอการค้าไทย ขับเคลื่อนความร่วมมือ “เปิดรับข้อเสนอโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ปี 2569”
เปิดโอกาสสถานศึกษาสายอาชีพทุกสังกัดสมัครรับทุน

กสศ.–สอศ.–หอการค้าไทย ขับเคลื่อนความร่วมมือ “เปิดรับข้อเสนอโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ปี 2569” เปิดโอกาสสถานศึกษาสายอาชีพทุกสังกัดสมัครรับทุน

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2569 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) หอการค้าไทย และภาคีความร่วมมือ จัดประชุมชี้แจงการเปิดรับข้อเสนอโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ปี 2569 ณ ห้องประชุมเสมอภาค กสศ. และผ่านระบบออนไลน์ เพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และแนวทางการเปิดรับข้อเสนอจากสถานศึกษาสายอาชีพที่สนใจเข้าร่วมดำเนินโครงการ

โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ปีการศึกษา 2569 เปิดโอกาสให้สถานศึกษาจากทุกสังกัดที่จัดการศึกษา ต่อเนื่องระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวช. ต่อเนื่อง ปวส.), ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรืออนุปริญญา,รวมถึง สถานศึกษาผลิตและพัฒนากำลังสายอาชีพระดับจังหวัด และสถานศึกษาที่จัดการศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล ประกาศนียบัตรผู้ช่วยทันตแพทย์ และพนักงานให้การดูแล (หลักสูตร 1 ปี)  และ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เสนอแผนงานและแนวทางการพัฒนาผู้เรียน เพื่อเข้ารับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการจาก กสศ. โดยจะคัดเลือกข้อเสนอที่มีคุณภาพและศักยภาพในการพัฒนานักศึกษาทุนให้บรรลุตามเป้าหมายของโครงการ

สำหรับสถานศึกษาที่สนใจสามารถส่งข้อเสนอโครงการผ่านระบบออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม – 14 พฤศจิกายน 2568 เพื่อรับการพิจารณาสนับสนุนทุนตามกรอบหลักเกณฑ์ของ กสศ.

“ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” สร้างคน สร้างโอกาส สร้างงาน เปลี่ยนชีวิตเยาวชนให้หลุดจากวงจรความยากจนข้ามรุ่น

นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ. กล่าวถึงแนวคิดเรื่องความร่วมมือในการสร้างโอกาสทางการศึกษาสายอาชีพว่า โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง เป็นความร่วมมือต่อเนื่องระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ กสศ. ในการสร้างต้นแบบการส่งเสริมศักยภาพผู้เรียน เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนสายอาชีพของประเทศ

ทั้งนี้ โครงการยังได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน ผู้ประกอบการ และสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต่อยอดการทำงานจากตัวแบบสู่การปฏิบัติจริง ช่วยผลักดันให้นักศึกษาทุนพัฒนาทักษะไปสู่เส้นทางอาชีพที่มั่นคง และสามารถต่อยอดการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ

“โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง มุ่งส่งเสริมโอกาสให้เยาวชนที่มีข้อจำกัดของชีวิตให้ได้เรียนต่อในระดับสูงกว่าภาคบังคับ โดยเฉพาะผู้ที่มีความสนใจและศักยภาพเหมาะสมกับการเรียนสายอาชีพ เพื่อให้การศึกษาเป็นเครื่องมือเปลี่ยนชีวิตทั้งต่อตนเองและครอบครัวในระยะยาว”  

ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ. กล่าวต่อไปว่า ในด้านภารกิจหลักสำคัญของ กสศ. และภาคีความร่วมมือ มี 3 ประการ ได้แก่

  1. การค้นหาและคัดกรองเยาวชนที่มีศักยภาพแต่ขาดแคลนโอกาสในพื้นที่ต่าง ๆ โดยใช้ข้อมูลจากระบบทุนเสมอภาคของ กสศ. ในการตั้งต้นให้การช่วยเหลือตรงเป้าหมาย
  2. การสร้างความร่วมมือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและเครือข่ายผู้ประกอบการ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทักษะอาชีพ เติมทรัพยากร และเปิดพื้นที่ฝึกประสบการณ์จริงให้นักศึกษาทุนได้มีรายได้ระหว่างเรียน และพัฒนาตนเองเพื่อเตรียมเข้าสู่เส้นทางการทำงานระยะยาว
  3. การวางระบบดูแลความยั่งยืนของทุน ผ่านกระบวนการทำงานต่อเนื่องระหว่างภาคีทุกฝ่าย พร้อมเสริมด้วยโครงการพัฒนาศักยภาพ (Enrichment Program) เพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียนอย่างรอบด้าน

ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ. ระบุว่า จากการติดตามผลการดำเนินงานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า หากโครงการสามารถพัฒนาผู้เรียนตามแผนที่วางไว้ ประเทศจะได้รับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากกว่าสองเท่าของงบลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มนักศึกษาผู้มีความต้องการพิเศษ (ผู้พิการ) สามารถสร้างผลตอบแทนสูงถึงสี่เท่า

“อีกหนึ่งโจทย์สำคัญของทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงในปี 2569 คือความมุ่งมั่นของรัฐบาลและ กสศ. ที่จะทำงานกับกลุ่มเยาวชนที่มีแนวโน้มเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา หรือที่หลุดออกไปแล้ว ผ่านมาตรการ Thailand Zero Dropout เพื่อเชื่อมต่อเยาวชนเหล่านี้กลับเข้าสู่เส้นทางการเรียนรู้และการมีอาชีพอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะในรูปแบบใด หัวใจของทุนยังคงอยู่ที่การพัฒนาศักยภาพผู้เรียน ดูแลคุณภาพชีวิต และสร้างบุคลากรสายอาชีพรุ่นใหม่ที่มีทักษะพร้อมต่อการทำงานจริง”   

สอศ. ชี้ “ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” กลไกสร้างแรงงานคุณภาพ ลดเหลื่อมล้ำได้จริง  

นายอัศวิน ข่มอาวุธ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ สอศ. กล่าวว่า โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง เป็นนโยบายความร่วมมือสำคัญระหว่าง สอศ. กสศ. และภาคีเครือข่าย ที่มุ่งสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนที่มีศักยภาพจากครัวเรือนยากจน 20% ล่างสุดของประเทศ เพื่อใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือเปลี่ยนชีวิตให้มีงานทำ มีรายได้ และสามารถหลุดพ้นจากวงจรความยากจนได้อย่างยั่งยืน ถือเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในทุกมิติ 

ระหว่างปี 2562–2568 โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงได้ผลิตนักศึกษาทุนแล้วกว่า 15,278 คน จากสถาบันการศึกษาสายอาชีพทั้งภาครัฐและเอกชนรวม 153 แห่ง ใน 59 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังความร่วมมือที่ขยายผลอย่างต่อเนื่อง  

นายอัศวินกล่าวว่า ทุกปีของการดำเนินงาน โครงการได้ปรับรูปแบบทุนให้สอดรับกับบริบทการพัฒนาประเทศและความต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่าง สอศ. สภาหอการค้าจังหวัด และ กสศ. ที่ร่วมกันพัฒนาทุนรูปแบบใหม่เชื่อมโยงกับผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อสร้างเส้นทางการเรียนรู้ที่นำไปสู่การมีรายได้ระหว่างเรียนและการทำงานที่มั่นคงหลังสำเร็จการศึกษา    

“โครงการนี้ได้สร้างเครือข่ายการทำงานกับสถาบันอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ภายใต้สังกัด สอศ. กระทรวง อว. และกระทรวงสาธารณสุข โดยมีผู้บริหาร ครูอาจารย์ และบุคลากรทุกระดับร่วมกันเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ในการแนะแนวประชาสัมพันธ์ ค้นหาและคัดเลือกนักศึกษาทุน พัฒนาระบบดูแลความเป็นอยู่ ส่งเสริมการเรียนรู้ และเชื่อมโยงโอกาสการมีงานทำผ่านกลไกความร่วมมือกับสถานประกอบการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”

ผลสำรวจการมีงานทำของผู้สำเร็จการศึกษาจากโครงการ 4 รุ่น โดยคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่า 45% ได้งานทำในภาคเอกชน, 40.3% ประกอบอาชีพอิสระ, 10.12% ทำงานในหน่วยงานราชการ และอีก 5% ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ ช่วยเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ประหยัดงบสวัสดิการของรัฐ และขยายฐานภาษีในระยะยาว             

ภาคเอกชนร่วมออกแบบการศึกษา “Learn to Earn” เชื่อมห้องเรียนสู่ตลาดแรงงาน

นายวรวัฒน์ ศรียุกต์ รองประธานคณะกรรมการพัฒนาการศึกษา หอการค้าไทย กล่าวถึงความร่วมมือในการสนับสนุนและสร้างโอกาสทางการศึกษาสายอาชีพว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หอการค้าไทยได้ร่วมกับ กสศ. ดำเนินงานด้านการศึกษาในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมายหลักคือ สร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชน และยกระดับคุณภาพกำลังคนให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจ

ในปี 2568 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เริ่มโครงการนำร่องผลิตนักศึกษาใน 3 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ขอนแก่น และภูเก็ต ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากภาคีในพื้นที่ และในปี 2569 เตรียมขยายความร่วมมือเพิ่มเติมในอีก 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา นครราชสีมา และสงขลา เพื่อพัฒนาต้นแบบการจัดการศึกษาสายอาชีพที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของแต่ละจังหวัดอย่างเป็นรูปธรรม

“ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังและบทบาทของภาคเอกชน ที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้สนับสนุน แต่เป็นผู้ร่วมออกแบบอนาคตการศึกษาไทย โดยเชื่อมโยงห้องเรียนเข้ากับตลาดแรงงาน ผ่านแนวคิด Learn to Earn ที่เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานจริง ภายใต้กรอบ Work-Integrated Learning (WIL) ซึ่งเปิดโอกาสให้สถานประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดหลักสูตร พัฒนาทักษะอาชีพ และยกระดับศักยภาพแรงงานให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจยุคใหม่”

นายวรวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำงานร่วมกันครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแนวทาง Unlocking New Growth ที่มุ่งปลดล็อกการเติบโตของประเทศไทย ผ่านการปลดล็อกศักยภาพคนไทย โดยใช้เครือข่ายของหอการค้าไทย หอการค้าจังหวัด และกลุ่ม YEC (Young Entrepreneur Chamber) ในทุกจังหวัดเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาทักษะ สร้างโอกาส และขยายการเข้าถึงการศึกษาคุณภาพสู่ทุกพื้นที่

“โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง จึงไม่ใช่เพียงการสนับสนุนทางการศึกษาเท่านั้น แต่คือการออกแบบระบบการพัฒนาคน ที่หลอมรวมพลังจากภาครัฐ เอกชน และสถานศึกษาเข้าด้วยกัน เพื่อผลิตกำลังคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะจริง พร้อมทำงานจริง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจจริง อันเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตใหม่ของประเทศ”