กสศ. จับมือ SCB Academy เปิดโครงการ “AFAST Smart School” ผนึกภาคีการศึกษา ยกระดับบทบาทครู สู่ผู้ออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ที่ตอบโจทย์เด็กและเยาวชน

กสศ. จับมือ SCB Academy เปิดโครงการ “AFAST Smart School” ผนึกภาคีการศึกษา ยกระดับบทบาทครู สู่ผู้ออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ที่ตอบโจทย์เด็กและเยาวชน

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมเปิดตัวโครงการ “AFAST Smart School พลิกโฉมการสอน สู่ห้องเรียนอนาคต” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง SCB Academy ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักเคเอกซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด สมาคมเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา สมาคมหลักสูตรและการสอนแห่งประเทศไทย โรงเรียนมูลนิธิภูมิตะวันวิทยา ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และ กสศ.

ภายในงาน มีผู้บริหารและคณะทำงานจากทั้ง 8 องค์กรพันธมิตร ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดและกล่าวถึงบทบาทความร่วมมือในระยะยาว เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาอย่างเป็นระบบ

โครงการ “AFAST Smart School” ซึ่งริเริ่มโดย SCB Academy มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่

1. ปรับกระบวนการสอนที่มุ่งเน้นสมรรถนะ (Competency-Based Learning) เพื่อให้ครูสามารถออกแบบการสอนที่มุ่งพัฒนาทักษะสำคัญของนักเรียน อาทิ การคิดเชิงวิเคราะห์ (Critical Thinking), ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity), และการแก้ปัญหา (Problem Solving) ตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี  เพื่อยกระดับการเรียน การสอนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

2. บูรณาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการศึกษา (EdTech & Innovative Teaching) โดยพัฒนาทักษะการใช้เครื่องมือดิจิทัลให้ครู เพื่อยกระดับคุณภาพการสอน สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ทันสมัยและเสริมสร้างการเรียนรู้แบบ Active Learning ให้กับนักเรียน

3. พัฒนาระบบสนับสนุนและเครือข่ายการเรียนรู้สำหรับครู (Professional Learning Community & Coaching) เพื่อให้ครูสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และออกแบบการสอนที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักเรียนในศตวรรษที่ 21 อย่างมีประสิทธิภาพความสำเร็จ  

AFAST Smart School จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการ “พลิกโฉมการสอนสู่ห้องเรียนแห่งอนาคต” ที่มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนคิดเป็น ทำได้จริง พร้อมบูรณาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือหลักในการเชื่อมโยงโลกแห่งการเรียนรู้ให้ทันสมัย ตอบโจทย์ความหลากหลายของผู้เรียน ควบคู่กับการส่งเสริมให้ครูพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ผ่านระบบสนับสนุนและการสร้างชุมชนการเรียนรู้สำหรับครู

ดร.อุดม วงษ์สิงห์

ดร.อุดม วงษ์สิงห์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณภาพครูและสถานศึกษา กสศ. กล่าวว่า กสศ. ในฐานะองค์กรที่มีภารกิจชัดเจนด้านการสร้างความเสมอภาคและโอกาสทางการศึกษา รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรของโครงการ “AFAST Smart School” เพราะเชื่อมั่นว่า ด้วยองค์ความรู้ เครื่องมือ และประสบการณ์จากการทำงานในรูปแบบ Whole School Approach ที่ กสศ. ดำเนินงานร่วมกับโรงเรียนจำนวนมากทั่วประเทศ จะสามารถสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมา กสศ. ให้การสนับสนุนโรงเรียนขนาดกลางที่มีนักเรียน 400–500 คน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 7,000 แห่งทั่วประเทศ และโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 120 คน อีกมากกว่า 10,000 แห่ง โดย กสศ. มีบทบาทในการทำงานกับประมาณร้อยละ 10 ของโรงเรียนในแต่ละกลุ่มขนาด การเข้าร่วมในโครงการ AFAST Smart School จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้ครูและนักเรียนในโรงเรียนเหล่านี้ เข้าถึงเครื่องมือและนวัตกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับบริบทของตนเอง

“สิ่งสำคัญที่องค์กรพันธมิตรทุกแห่งเห็นตรงกันคือ หากเราสามารถทำงานกับครูและพัฒนาครูให้เป็น ‘ผู้นำการเปลี่ยนแปลง’ ได้ โรงเรียนก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย และเมื่อนั้น ลูกศิษย์จะเปลี่ยน สุดท้ายระบบการศึกษาโดยรวมก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม”

ดร.อุดม กล่าวต่อว่า เป้าหมายการทำงานของ กสศ. ไม่ว่าจะทำงานร่วมกับนักเรียน ครู หรือโรงเรียนกลุ่มใด ล้วนมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือการทำให้ “ผลลัพธ์การเรียนรู้เกิดขึ้นที่ตัวผู้เรียน” โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning ควบคู่กับเครื่องมือสนับสนุนอื่น ๆ เช่น PLC (Professional Learning Community) หรือ ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ รวมถึงนวัตกรรมด้านการเรียนรู้ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างกรอบพัฒนาศักยภาพผู้เรียนใน 4 มิติ หรือ “VASK” ได้แก่

  • V (Values): ค่านิยม
  • A (Attitude): เจตคติ
  • S (Skills): ทักษะ
  • K (Knowledge): ความรู้

โดยเฉพาะในเรื่อง “Values” หรือค่านิยม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตนเรียนรู้ จนสามารถตั้งเป้าหมายและมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองต่อไป

ในการดำเนินโครงการ AFAST Smart School ครั้งนี้ กสศ. จะทำหน้าที่เป็นกลไกเชื่อมประสาน เพื่อขยายผลหลักสูตรและกระบวนการของโครงการเข้าสู่กลุ่มโรงเรียนภาคีเครือข่าย พร้อมทั้งผลักดันให้หลักสูตรสามารถต่อยอดไปสู่การสร้างเครือข่ายโรงเรียนทั่วประเทศ ตามแผนกลยุทธ์ระยะ 3 ปีของ กสศ. ที่มุ่งเน้น 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่ 1) การสร้างโอกาสให้เด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ 2) การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ 3) การระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้เข้ามาเป็น ‘หุ้นส่วนการศึกษา’ ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนผ่านภาพของความร่วมมือในโครงการ AFAST Smart School

คุณวรวัจน์ สุวคนธ์ Chief People Officer ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า SCB มองว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์คือภารกิจสำคัญที่สุดในการยกระดับขีดความสามารถของประเทศ อย่างไรก็ตาม ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยองค์กรใดองค์กรหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจาก “คน” และ “องค์กร” ที่มีใจ มีองค์ความรู้ มีทรัพยากร และมีประสบการณ์เฉพาะทาง มาร่วมกัน “ต่อจุด” หรือ Connect the Dots เพื่อเชื่อมโยงจุดแข็งของแต่ละหน่วยงานเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและประเทศได้จริง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การพัฒนาคนต้องสอดรับกับพลวัตของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องต้องตกผลึกให้ได้ว่าทักษะใดคือสิ่งจำเป็นในโลกปัจจุบันและอนาคต อาทิ ทักษะเทคโนโลยีดิจิทัล ไปจนถึงการปรับ Mindset ของทั้งผู้เรียนและผู้สอน เพื่อให้ผลลัพธ์การเรียนรู้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่

คุณวรวัจน์ สุวคนธ์

สำหรับโครงการ AFAST Smart School นั้น คุณวรวัจน์กล่าวว่า หลักสูตรถูกออกแบบมาโดยมี “5 เสาหลัก” เป็นแนวทางสำคัญ ได้แก่

1. ‘Skill Driven’ การพัฒนาทักษะดิจิทัล การบริหารจัดการตนเอง การคิด และการทำงานเป็นทีม เพื่อให้ครูสามารถประยุกต์ออกแบบการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมการพัฒนาผู้เรียนรอบด้าน 

2. ‘Mindful Learning’ การเรียนรู้แบบตระหนักรู้ เน้นสร้างกระบวนการคิดเชิงลึก (Critical Thinking) และการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Learning how to learn) 

3. ‘Adaptive Teaching’ การสอนที่ยืดหยุ่นที่ปรับให้เหมาะสมกับผู้เรียนรายคน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Skills) และการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) 

4. ‘Reflective Practice’ การเน้นเรื่องการทบทวนและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องของครู เพื่อปรับปรุงกระบวนการสอนให้สดใหม่น่าสนใจอยู่เสมอ (Communication Skills & Learning how to learn)

5. ‘Technology Integration’ การบูรณาการเทคโนโลยีสู่กระบวนการเรียนการสอน (Digital Skills) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ทันสมัย

“จุดเด่นของหลักสูตร AFAST Smart School คือ แม้เราจะให้ความสำคัญกับทักษะดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยีเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่เราให้ความสำคัญที่สุดคือ ‘ทักษะพื้นฐานของมนุษย์’ เช่น การคิดวิเคราะห์ การบริหารจัดการตนเอง และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเผชิญและรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต”

คุณวรวัจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเรียนรู้ควรเปิดพื้นที่ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ได้ลงมือทำ คิดวิเคราะห์ และมีโอกาสทบทวนตนเองอย่างต่อเนื่อง เมื่อผ่านบทเรียนหนึ่ง ๆ ผู้เรียนไม่ควรได้แค่ ‘ทักษะหรือวิชา’ แต่ควรได้ประสบการณ์การเรียนรู้ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ที่สามารถจุดประกายความคิดและพาผู้เรียนไปพบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา”

“อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สุดของการยกระดับการศึกษา คือ ‘ครู’ ซึ่งต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ครูจึงต้องพร้อมเรียนรู้ และเปิดรับสิ่งใหม่อยู่เสมอ ต้องสามารถบูรณาการความรู้ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม ทักษะการคิด และการบริหารจัดการตนเอง เพื่อออกแบบการเรียนรู้ที่พาผู้เรียนไปพบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ”

คุณวรวัจน์กล่าวต่อไปว่า จากแรงบันดาลใจเริ่มต้น ถึงวันนี้ AFAST Smart School ได้พัฒนาหลักสูตร ทดลองใช้ในโรงเรียนต้นแบบ และพร้อมขยายผลไปยังกลุ่มผู้เรียนและบริบทพื้นที่ที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดย SCB Academy เชื่อว่า การทำงานร่วมกับพันธมิตรทางการศึกษา จะเป็นแรงผลักดันสำคัญของการสร้างห้องเรียนแห่งอนาคต เพื่อให้ครูพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง และเกิดการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักเรียนทุกคนทุกระดับ