โรงเรียนไฮสกูลส่วนใหญ่ในอังกฤษตบเท้าเข้าร่วมโครงการค่ายฤดูร้อน
โดย : Press Association 2021
แปลและเรียบเรียง : นงลักษณ์ อัจนปัญญา

โรงเรียนไฮสกูลส่วนใหญ่ในอังกฤษตบเท้าเข้าร่วมโครงการค่ายฤดูร้อน

โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาเกือบ 75% ทั่วสหราชอาณาจักรประกาศเปิดโครงการภาคเรียนฤดูร้อนให้แก่เด็กนักเรียน โดยหวังเสริมและชดเชยภาวะการเรียนรู้ถดถอยที่หายไประหว่างที่เรียนออนไลน์

โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาเกือบ 75% ทั่วสหราชอาณาจักรประกาศเปิดโครงการภาคเรียนฤดูร้อนให้แก่เด็กนักเรียน โดยหวังเสริมและชดเชยภาวะการเรียนรู้ถดถอยที่หายไประหว่างที่เรียนออนไลน์ 

กระทรวงศึกษาธิการอังกฤษเปิดเผยว่า ขณะนี้มีโรงเรียนมัธยมที่ยื่นความจำนงขอเปิดภาคเรียนฤดูร้อนทั้งสิ้น 2,820 แห่ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 74% ของโรงเรียนมัธยมทั่วประเทศ โดยโรงเรียนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมต่างระบุว่าเป็นเสียงเดียวกันว่า จำเป็นต้องเปิดภาคเรียนฤดูร้อน หลังพบเด็กนักเรียนในสังกัดมีปัญหาการเรียนรู้ชะงักงันในช่วงที่ต้องปิดโรงเรียนเพราะไวรัสโควิด-19 ระบาด

การยื่นความจำนงในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้โรงเรียนเปิดภาคเรียนฤดูร้อน โดยปีนี้ทางกระทรวงฯ ได้ตั้งงบช่วยเหลือไว้ 200 ล้านปอนด์ ทั้งนี้โรงเรียนที่ยื่นความจำนงจะได้รับเงินช่วยเหลือของภาครัฐตามสัดส่วนความเหมาะสมที่สอดคล้องเป็นธรรมกับผู้เรียน 

เดิมทีโรงเรียนหลายแห่งยังลังเลที่จะเปิดภาคเรียนฤดูร้อนซึ่งยาวนาน 6 สัปดาห์ เนื่องจากยังไม่แน่ใจในด้านความปลอดภัยของนักเรียน ครู และบุคลากร รวมถึงเกรงว่าจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ครอบครัวของเด็กส่วนหนึ่งที่ต้องเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจเพราะไวรัสโควิด-19 เห็นได้จากการสำรวจในช่วงแรกที่มีโรงเรียนทั้งระดับประถมและมัธยมรวมกันเพียงพันกว่าแห่ง หรือ 18% จากโรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศที่ตั้งใจจะเปิดภาคเรียนฤดูร้อน

อย่างไรก็ตาม พอกระทรวงศึกษาธิการประกาศจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือก็ทำให้มีโรงเรียนสมัครขอเปิดภาคเรียนฤดูร้อนเพิ่มมากขึ้น โดยทางกระทรวงศึกษาธิการอังกฤษคาดว่าจะมีนักเรียนได้รับประโยชน์จากการเรียนแบบพบปะครูผู้สอนในช่วงซัมเมอร์ถึงกว่า 542,710 คน  และจะช่วยให้เด็กสามารถตามเก็บเกี่ยวหรือเรียนได้ทันความรู้ที่หายไปในช่วงโควิด-19 ระบาดได้ 

สำหรับภาคเรียนฤดูร้อนจะประกอบด้วยวิชาการที่หลากหลายและกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่วิชาพื้นฐานอย่างคณิตศาสตร์ อังกฤษ และการอ่าน ไปจนถึงกิจกรรมที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ สร้างความสัมพันธ์ และยกระดับคุณภาพชีวิตโดยเฉพาะ 

ก่อนหน้านี้รัฐบาลอังกฤษเพิ่งจะอัดฉีดงบประมาณมูลค่า 1,400 ล้านปอนด์เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ประสบปัญหาสูญเสียการเรียนรู้เพราะโควิด-19 แบบเร่งด่วน กระนั้น หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างเรียกร้องให้รัฐบาลลงทุนให้มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าการศึกษาของเด็กจะได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องในระยะยาว 

กระทรวงศึกษาธิการอังกฤษกล่าวว่า จนถึงขณะนี้กระทรวงได้ให้ความช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่มีปัญหาการเรียนรู้ส่วนหนึ่ง โดยสนับสนุนทุนการศึกษายาวไปจนถึงปีการศึกษาหน้า คิดเป็นมูลค่ารวม 3,000 ล้านปอนด์ และการเรียนภาคฤดูร้อนก็เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าว ซึ่งโรงเรียนมีสิทธิเต็มที่ในการจัดทำโครงการภาคเรียนฤดูร้อนให้เด็กนักเรียนที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ โดยเฉพาะเด็กกลุ่มพิเศษ และเด็กยากจนที่ต้องพึ่งพามื้ออาหารจากทางโรงเรียน

รายงานระบุว่า ในส่วนของกิจกรรมภาคฤดูร้อนครอบคลุมตั้งแต่การเดินทางไปยังโรงภาพยนตร์ เยี่ยมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ กีฬา กิจกรรมเกม เข้าร่วมรับฟังและถามตอบกับนักประพันธ์ และการทำอาหาร

จูลี่ แมคคัลลอคช์ (Julie McCulloch) ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการศึกษาแห่งสมาคมผู้นำโรงเรียนและวิทยาลัย (Association of School and College Leaders: ASCL) ยอมรับว่า ไม่ใช่โรงเรียนทุกแห่งที่จะสามารถเปิดภาคเรียนฤดูร้อนได้ เนื่องจากต้องมีความพร้อมทั้งสถานที่ บุคลากร และนักเรียน ดังนั้น จึงไม่อยากให้คาดหวังว่าการเรียนฤดูร้อนจะช่วยแก้ปัญหาภาวการณ์การเรียนรู้ถดถอยทั้งหมด แต่ให้มองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงเด็กนักเรียนทั้งหมดทุกคนกลับเข้าสู่ห้องเรียน 

แนวคิดข้างต้นสอดรับกับความเห็นของพอล ไวท์แมน (Paul Whiteman) เลขาธิการทั่วไปของสหภาพหัวหน้าโรงเรียน ที่กล่าวว่า ภาคเรียนฤดูร้อนเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานเพื่อฟื้นฟูการศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ดังนั้น ภาคเรียนฤดูร้อนจึงอาจไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมสำหรับทุกคน บรรดาผู้นำโรงเรียนจำเป็นต้องตระหนักถึงความแตกต่าง ความต้องการ และบุคลิกลักษณะของชุมชน ก่อนตัดสินใจดำเนินการเปิดภาคเรียนฤดูร้อน

ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ลืมว่าการฟื้นฟูการศึกษาเป็นงานระยะยาว ที่ต้องอาศัยความพยายาม ความทุ่มเท และงบประมาณที่เพียงพอ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียน และทำให้โรงเรียนมีความพร้อมที่จะทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่นักเรียนทุกคนอย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพในอีกหลายปีข้างหน้านับจากนี้

ที่มา : Three in four eligible secondary schools in England sign up for summer provision